บทที่ 678 ต้นหลิว ‘ไปกันเถิด พวกเจ้าได้สนุกกันอีกแล้ว!’
หน้าตาของหนานฉงเต็มไปด้วยความปีติยินดีอย่างสะกดไม่อยู่ ในที่สุดเขาก็ไปจากซากปริภูมิเวลาแสนเส็งเคร็งแห่งนี้ได้แล้ว!
คิดดูสิว่าผ่านมาแล้วตั้งเท่าไหร่
ตัวเขาเองยังจำแทบไม่ได้ ในซากปริภูมิเวลาไม่มีเวลา แต่เขารู้ดีว่าช่วงเวลาที่เขาได้อยู่ในซากปริภูมิเวลายาวนานกว่าช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่มากนัก
ตัวเขาเองยังไม่รู้ว่าข้ามผ่านมาได้อย่างไรครั้งแล้วครั้งเล่า พายุปริภูมิเวลาที่ปรากฏในแต่ละครั้งล้วนน่าประหวั่นพรั่นพรึง บัดนี้คิดดูแล้ว เขายังรู้สึกผวา
ทว่าตอนนี้เรื่องเหล่านั้นล้วนไม่สำคัญ
เขาออกจากซากปริภูมิเวลา หลังจากนี้ไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องพายุปริภูมิเวลาอีก
ถึงได้กล่าวว่า เขาผู้นี้เป็นบุคคลน่าจดจำอย่างแท้จริง โหดเหี้ยมพอ ใจกล้าพอ สถานการณ์เฉกเช่นตอนนั้น ผู้ใดเล่าจะไม่ตื่นกลัว
แต่เขากลับสามารถระงับความลนลานหวาดผวาในใจลงได้ ติดสอยห้อยตามเส้นทางโบราณ หนีจากซากปริภูมิเวลาได้สำเร็จ
“ไปตามเส้นทางโบราณ!”
เขาไม่เพียงแต่ใจกล้าพอ สมองยังดีด้วย เขารู้ดีว่าหากไปอยู่ที่ปริภูมิเวลาอื่น กองกำลังเบื้องหลังราชันเย่ต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่ และคงมาหาถึงที่
แต่การมุ่งไปตามเส้นทางโบราณนั้นแตกต่างกัน
เบื้องหลังของเส้นทางโบราณต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ต่อให้กองกำลังเบื้องหลังราชันเย่บุกมา เขาก็อยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าปริภูมิเวลาอื่น อย่างน้อยก็มีกองกำลังเบื้องหลังเส้นทางโบราณออกคานกำลังให้
…
ณ ซากปริภูมิเวลา
ราชันเย่หน้าซีดเผือด ขณะนำทัพเหล่าสมาชิกอย่างจ้าวแห่งเรือนจำออกไป พวกมันบาดเจ็บหนักเกินไป จึงจำต้องได้รับการรักษาให้ทันท่วงที มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาใหญ่
“หนานฉง…หนีไปแล้ว!”
“อ๊ากกก! ความแค้นของเราไม่มีที่ให้สะสางแล้ว!”
สิ่งมีชีวิตในสถานที่นี้คำรามอย่างกราดเกรี้ยว พวกเขาถูกหนานฉงลวงจนหมดท่า หากมิใช่เพราะหนานฉง พวกเขาก็สามารถฉวยโอกาสหนีจากที่นี่ไปได้เช่นเดียวกัน!
พวกเขายิ่งเคียดแค้นในตัวหนานฉง
น่าเสียดาย หนานฉงหนีไปแล้ว พวกเขาออกไปไม่ได้ ความคิดล้างแค้นอีกฝ่ายจึงต้องดับสูญตามไปด้วย
“หนานฉงหนีไปแล้ว แต่จ้าวกิเลนดำยังอยู่!”
“ใช่แล้ว! ยังมีหมอนั่นอยู่ด้วย!”
พวกเขานึกถึงจ้าวกิเลนดำขึ้นมา ดวงตาเปล่งประกายกันถ้วนหน้า หนีไปหนึ่ง ยังเหลืออีกหนึ่ง ยอดเยี่ยม พวกเขามีที่ให้ชำระแค้นอยู่!
“พี่น้องเอ๋ย พวกเรารีบรักษาบาดแผลกันก่อน อย่าให้จ้าวกิเลนดำลอบโจมตีได้อีก! รอจนพวกเราฟื้นตัวแล้ว ค่อยผนึกกำลังลากจ้าวกิเลนดำออกมาสะสางหนี้แค้น!”
ยอดฝีมือตนหนึ่งตะโกนบอกด้วยความรอบคอบ กลัวว่าจ้าวกิเลนดำจะบุกออกมากะทันหันเฉกเช่นหนานฉง หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาแย่แน่
“ได้!”
“รอให้พี่น้องทั้งหลายฟื้นตัวได้แล้วค่อยติดต่อกัน!”
ยอดฝีมือตนอื่นพากันพยักหน้า มีศัตรูคนเดียวกัน เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเช่นนี้เพื่อแก้แค้น!
ขณะเดียวกัน จ้าวกิเลนดำยังคงหลบอยู่ในหลืบอันห่างไกล คลี่ยิ้มกว้างออกมา “หนานฉงเอ๋ย เจ้าต้องเสียท่าเพราะความฉลาดเป็นเหตุแท้ ๆ เจ้าเก่งกาจมากก็จริง ทั้งฉลาดและกล้าหาญ แต่สำหรับข้า ก่อนหน้านี้ที่เจ้ากลับไปเป็นการรนหาที่ตาย โง่เขลาเบาปัญญาที่สุด!”
มันกล่าวต่อ “หลังจากเจ้ากลับไปได้ไม่นาน ก็มีคลื่นพลังสยดสยองยิ่งกว่าปะทุ เกรงว่าเจ้าคงตายอยู่ที่นั่น ไม่มีทางได้หวนคืนแล้วกระมัง!”
ส่วนที่นั่นเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นนั้น มันไม่รู้ คลื่นพลังที่ระเบิดออกจากที่นั่นน่ากลัวเกินไป มันจึงมิกล้าไปตรวจสอบอันใด และคอยหลบซ่อนในที่แห่งนี้มาตลอด
อีกทั้งมันก็เข้าใจว่าหนานฉงถูกคลื่นพลังนั้นโหมซัด ตายอยู่ที่นั่นแล้ว
“หนานฉงเอ๋ยหนานฉง เจ้ามักว่าข้าโง่อยู่เสมอ สมองไม่ดีเท่าเจ้า น่าขันยิ่งนัก ข้าต่างหากที่ชาญฉลาดอย่างแท้จริง เจ้าต่างหากที่สมองไม่ดี! ผู้ที่อยู่รอดต่อไปได้เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์มีเสียง!”
มันยิ้มกริ่มอย่างลำพอง ดีอกดีใจยกใหญ่
ทว่าสิ่งที่มันไม่รู้คือ มันต่างหากคือผู้ที่น่าสังเวชที่สุด หนานฉงหนีจากซากปริภูมิเวลาไปได้แล้ว บัดนี้ ยอดฝีมือในซากปริภูมิเวลาต่างหมายหัวมัน ลงบัญชีไว้ที่มันทั้งหมด ภายหน้า มันย่อมไม่ได้พบจุดจบที่ดี
…
เส้นทางโบราณเชื่อมต่อยุคปัจจุบันอีกครั้ง พวกจักรพรรดินีจึงกลับสู่ยุคปัจจุบันได้สำเร็จ โดยปราศจากอุปสรรคใด ๆ
การเดินทางครานี้ พวกนางสะท้อนใจเหลือคณา ได้รับรู้เรื่องราวหลายอย่างที่พวกนางไม่เคยรู้มาก่อน
จักรวาลโกลาหลหลายหนหลายแห่ง ปรโลกซึ่งเป็นภพหลังความตาย กองกำลังซึ่งกุมอำนาจควบคุมปริภูมิเวลา พวกนางไม่รู้จริง ๆ ว่ายังมีกองกำลังลับอันยิ่งใหญ่เช่นนี้อีกมากเท่าใด หากได้ค้นหากันจริง ๆ คงน่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด!
ยังดีที่พวกนางได้พบคุณชาย อนาคตมีหลักประกัน พวกนางพลันรู้สึกโชคดีอยู่ในใจเป็นอย่างมาก!
“ท่านอาจารย์ พวกเราไปพักผ่อนก่อนเถิด รอจนพักผ่อนดีแล้ว ข้าค่อยเล่าทุกอย่างให้ท่านฟังอย่างละเอียด”
จักรพรรดินีบอกกับอาจารย์ของนาง
อาจารย์จักรพรรดินีพยักหน้า “ได้!”
หลังจากนั้น พวกนางก็หาที่พักผ่อน การเดินทางนี้ พวกนางเองก็เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ จำต้องพักผ่อนฟื้นตัวให้ดี
หนานฉงเข้ามาถึงอาณาจักรผืนนี้ตามเส้นทางโบราณ
เขามิกล้าเข้าใกล้มากนัก รักษาระยะห่างไกล ๆ ไว้ตลอด หลังจากเข้ามาถึงอาณาจักรแห่งนี้ เขาก็รีบจากไปโดยไว มิกล้าติดตามต่อไป
น่าขัน ขืนไล่ตามไปแล้วพบกับผู้อยู่เบื้องหลังเส้นทางโบราณ เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายได้อย่างไร
“ที่นี่ไม่เหมือนกับที่ข้าคิดไว้เท่าไร…”
เขาพึมพำกับตัวเองเสียงเบา คิ้วขมวดมุ่น
ในความคิดของเขา ที่นี่คงเป็นสถานที่พำนักของผู้อยู่เบื้องหลังเส้นทางโบราณ ควรต้องมหัศจรรย์เกินหยั่งถึงจะถูก ถึงอย่างไรท่านผู้นั้นก็สยดสยองจนน่าเหลือเชื่อ
แต่ที่นี่หาได้มหัศจรรย์เกินหยั่งไม่ เทียบกับจักรวาลโกลาหลที่เขาอาศัย ไม่รู้ห่างชั้นตั้งกี่เท่า ผิดจากที่เขาคาดการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง
“ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่ควรมองเพียงภายนอก”
เขาหรี่ตาลง เอ่ยเสียงเข้ม “ในเมื่อท่านผู้นั้นประทับอยู่ที่นี่ ที่นี่ย่อมต้องมีจุดโดดเด่น ตอนนี้ข้าดูไม่ออก คงเพราะขอบเขตพลังของข้าต่ำเกินไป ที่นี่ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่”
ต่อมา เขาค้นพบสถานที่ลับแห่งหนึ่ง สร้างม่านพลังไว้ที่นี่ชั้นแล้วชั้นเล่า จนแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหา เขาจึงรีดเร้นพลังรักษาอาการบาดเจ็บ
เรื่องด่วนของเขาในตอนนี้คือต้องฟื้นตัวให้ได้ก่อน เรื่องอื่นล้วนรองลงมา รอให้เขาฟื้นพลังแล้วค่อยวิเคราะห์แยกแยะยังได้
…
ภายในปรโลก
“เหมือนว่า…จะเสียแผน!”
ฉินก่วงอ๋องคิ้วขมวดเป็นปม เรื่องราวมิได้ดำเนินต่อไปตามที่พวกเขาคาดเดา คงเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอื่นขึ้น
เวลาผ่านไปไม่น้อยแล้ว ตามปกติ พวกจักรพรรดินีน่าจะต้องตายกลายเป็นวิญญาณหยินนานแล้ว ทว่าฟากพวกเขากลับจับสัมผัสถึงวิญญาณหยินของพวกจักรพรรดินีมิได้ บ่งบอกว่าพวกนางยังไม่ตาย
ด้วยอำนาจของกฎระเบียบ พวกเขาย่อมจับสัมผัสผู้ที่ตายกลายเป็นวิญญาณหยินได้ ไม่มีทางเป็นอื่น พลังในปริภูมิเวลาคงพ่ายแพ้ มิใช่คู่มือของพวกจักรพรรดินี
“บารมีของปรโลกไม่อาจหยาม ปล่อยให้เกิดรอยรั่วมิได้เด็ดขาด! อาตมาจะไปสนทนากับกองกำลังปริภูมิเวลา ดูว่าความจริงเป็นอย่างไร”
เสียงของพระกษิติครรภโพธิสัตว์ดังอยู่ข้างหูยมราชแห่งสิบขุมนรก
“ตามแต่พระกษิติครรภโพธิสัตว์จะกรุณา!”
ยมราชแห่งสิบขุมนรกตอบเสียงนอบน้อม
ผ่านไปได้ระยะหนึ่ง เสียงของพระกษิติครรภโพธิสัตว์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง มันนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านี้ก็สามารถสนทนากับกองกำลังปริภูมิเวลาได้แล้ว
ขณะเดียวกัน ก็เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความน่ากลัวและความแข็งแกร่งของปรโลกทางอ้อม
สนทนากับกองกำลังปริภูมิเวลาได้ตามต้องการ ปรโลกไฉนจะต้องอ่อนกำลัง
หากอ่อนกำลัง ย่อมไม่มีสิทธิ์ได้สนทนา
ปรโลกกับกองกำลังปริภูมิเวลาทรงอำนาจเท่า ๆ กัน
“ล้มเหลวจริง ๆ พวกนางมีบุคคลลึกลับสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง จึงต่อกรด้วยยากยิ่ง”
พระกษิติครรภโพธิสัตว์ปริปาก “แต่อาตมาทำข้อตกลงกับกองกำลังปริภูมิเวลาแล้ว ว่าจะผนึกกำลังโจมตีด้วยกัน”
กฎระเบียบของปรโลกถูกทำลายย่ำยีตามอำเภอใจเช่นนี้ พวกเขาไม่อาจทนได้ ด้านกองกำลังปริภูมิเวลาก็เช่นกัน ไม่คิดจะรามือง่าย ๆ
วิญญาณหยินและปริภูมิเวลาต่างเป็นข้อหวงห้ามพวกเขาทั้งสองฝ่ายไม่อนุญาตให้ผู้อื่นกล้ำกราย พวกเขาจะเอาความให้ถึงที่สุด ถอนรากถอนโคนมันให้สิ้น!
“เตรียมตัวให้พร้อมเถิด”
พระกษิติครรภโพธิสัตว์กล่าว “คนผู้นั้นจัดการไม่ได้ง่าย พวกเราลงมือตามใจชอบมิได้เด็ดขาด ต่อไปนี้ พวกเราจะหารือกับกองกำลังปริภูมิเวลาอย่างรัดกุม เพื่อให้ได้มาซึ่งแผนอันมั่นคง”
นี่มิใช่เรื่องเล็ก
เขากับกองกำลังปริภูมิเวลาต่างเข้าใจในจุดนี้ดี เพราะอย่างนั้น หลังจากพวกเขาสนทนากันสั้น ๆ ก็ตัดสินใจร่วมมือกันโจมตีทันที
หากลงมือตามลำพังคงได้สูญเสียใหญ่หลวงกว่านี้แน่!
…
ภายในเอกภพ พลังปราณพิศวงลางร้ายคืบคลานแผ่ขยาย ดวงดาราระหว่างทางหุบความสว่างในทันที มิกล้ายุ่งกับความพิศวงลางร้ายเช่นนี้แม้แต่น้อย
จ้าวหลานนำทัพพิศวงด้วยตนเอง ออกเดินทางในจักรวาล บุกไปยังอาณาจักรอวี้ซวี
เบื้องหลังจ้าวหลาน เจ้าหลวงยืดอกอย่างองอาจมาดมั่น กระตือรือร้นจนแทบอดใจไม่ไหว
ในที่สุดก็ถึงวันที่มันได้แก้แค้น จะไม่ให้มันตื่นเต้นได้อย่างไร
ใช่แล้ว จ้าวหลานก็คือพี่ใหญ่ของมัน มันหาพวกสำเร็จแล้ว ที่สำคัญคือจ้าวหลานดีกับมันมาก หลังจากได้ยินเรื่องราวที่เกิดกับมัน ก็ระดมพลทันที ทั้งยังนำทัพด้วยตนเอง เพื่อพามันมาแก้แค้น
แม้มันจะรู้ว่าจ้าวหลานคงพุ่งเป้าไปที่บรรดาของวิเศษเสียมากกว่า กระนั้นมันก็มิได้สนใจ ขอเพียงมันได้แก้แค้นก็พอ!
‘พี่ใหญ่ของข้ามาแล้ว ขอดูหน่อยเถิดว่าคราวนี้พวกเจ้ายังผยองได้อีกหรือไม่!’
มันเอ่ยในใจอย่างเคียดแค้น อย่าให้เอ่ยเลยว่าชิงชังเหล่า ‘ของใช้ประจำวัน’ เพียงใด มันถูกกระบองเขี่ยไฟลนก้น ถูกขันไม้ฟาดหัว ถูกเครื่องมือแกะสลักทั้งชุดขูดเจาะตามทั่วตัวมัน!
มิหนำซ้ำ มันยังถูกถังน้ำเสียคลุมหัว รสชาตินั้นจนบัดนี้มันนึกขึ้นมาได้แล้วยังอดพะอืดพะอมมิได้ อยากจะอาเจียนยิ่งนัก
มันเชื่อใจพี่ใหญ่ของมัน พี่ใหญ่ของมันโอบกอดสสารพิศวงที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่า พลังลึกล้ำเกินหยั่ง กรีฑาทัพคราวนี้ ย่อมต้องกำราบเหล่าของวิเศษได้อย่างง่ายดาย!
ผ่านไปไม่นาน พวกมันก็มาถึงอาณาจักรอวี้ซวี กองกำลังจำนวนมหาศาลนั้นบดบังฟ้าดิน พลังปราณพิศวงลางร้ายแผ่ขยายไปทั่วทุกระเบียดนิ้วของอาณาจักรอวี้ซวี สิ่งมีชีวิตที่ยังอยู่ในอาณาจักรอวี้ซวีตื่นตระหนกกันหมด สั่นสะท้านไปทั้งวิญญาณ
เหตุใดถึง…มากันอีกแล้ว?!
พวกเขาคุ้นเคยกับพลังปราณพิศวงลางร้ายเช่นนี้ที่สุด เรื่องครั้งก่อนเพิ่งผ่านไปไม่นาน พลังพิศวงลางร้ายนี้กลับมาอีกแล้วหรือนี่!
พวกมัจฉาสัตมายาจะมาช่วยพวกเขาได้ทันเวลาหรือไม่?
ยามนี้ พวกเขาต่างพากันเพรียกหาพวกมัจฉาสัตมายาในใจ หวังให้พวกมันมาช่วยพวกเขาเหมือนคราวก่อน
…
ณ เมืองชิงซาน
ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
ก้านหลิวก้านหนึ่งปรากฏออกมากลางอากาศ เผยตัวอยู่เบื้องหน้าเหล่าของวิเศษ
“ไปกันเถิด เหมือนว่าพวกเจ้าจะได้สนุกกันอีกแล้ว”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ของต้นหลิวดังขึ้น มันทิ้งพลังไว้ที่อาณาจักรอวี้ซวี อึดใจเดียวก็จับสัมผัสได้ว่าสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายบุกไปอีกแล้ว
“ข้าจะส่งพวกเจ้าไปเอง” มันกล่าวต่อ