บทที่ 25 วิถีพิษ : สลายศพ
เมื่อเสียงนี้เข้ามาในหูสวี่ชิง เขาก็เบิกตาขึ้นฉับพลัน
สามารถเข้ามาเรียนในกระโจมได้ เป็นเรื่องที่เขาใฝ่ฝันถึงมาตลอด ระหว่างที่กำลังตื่นเต้นเขาสูดลมหายใจลึก คารวะไปทางกระโจมอย่างลึกซึ้ง
“ขอบพระคุณท่านปรมาจารย์ยิ่ง!”
ประโยคนี้ สวี่ชิงพูดอย่างตั้งใจ
ก้มอยู่นานจึงยืดตัวขึ้น ปลีกตัวออกจากกระโจม
ขณะที่หันกลับไปวันนี้เขาไม่เห็นร่างของปรมาจารย์ไป่ แต่ได้ยินเสียงตำหนิติเตียนเด็กหนุ่มเด็กสาวของปรมาจารย์ไป่จากด้านในกระโจม
สวี่ชิงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาถูกความตื่นเต้นอันแรงกล้าอัดแน่นไปทั้งร่าง
ตอนกลับถึงที่พัก เขาก็รีบแจ้งเรื่องนี้กับหัวหน้าเหลยทันที และหัวหน้าเหลยเองก็ดูยินดีอย่างยิ่งด้วย โดยเฉพาะตอนที่เห็นท่าทางดีใจของสวี่ชิง รอยยิ้มเขาก็มีมากขึ้น ส่วนลึกจิตใจเองก็เกิดอารมณ์ขึ้นมา
สาเหตุที่เด็กน้อยตรงหน้าช่วงนี้ไปๆ มาๆ พื้นที่ต้องห้ามบ่อยครั้ง แม้จะไม่ได้บอกกับตนเอง แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังไปค้นหาดอกลิขิตฟ้าเพื่อต่อชีวิตให้ตนเองอยู่
ความห่วงใยเช่นนี้ แล้วยังมาจากเด็กที่ช่วยชีวิตตนเองไว้ในโลกที่หนาวเหน็บอีก เขาจะไม่หวงแหนได้อย่างไร เพียงแต่ เขามองเห็นสวี่ชิงที่อ่อนล้ากลับมาทุกวัน ในใจก็ทานทนไม่ได้
เมื่อตอนนี้สวี่ชิงมีความสุข หัวหน้าเหลยเองก็มีความสุข ดังนั้นวันนี้หัวหน้าเหลยจึงแสดงฝีมือทำข้าวเย็นมือใหญ่ให้กับสวี่ชิงมื้อหนึ่ง ระหว่างนี้ก็คอยกำชับให้เขาเคารพครูบาอาจารย์ น้อมรับคำสั่งสอน ต้องนอบน้อมต่อปรมาจารย์ไป่และอีกมากมายไม่หยุดหย่อน สวี่ชิงก็สลักจิตจดจำอย่างตั้งใจ
จนกระทั่งกินข้าวเสร็จ สวี่ชิงที่กลับมาในห้อง ในใจยังตื่นเต้นอยู่
เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้สามารถไปฟังบทเรียนในกระโจมได้ สวี่ชิงที่เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ ก็รู้สึกว่านอนไม่หลับอยู่บ้าง
ขณะที่เป็นทุกข์เป็นร้อนกับผลได้ผลเสียจู่ๆ เขาก็คิดถึงตอนที่อยู่ในถ้ำยาจกขึ้นมา ภาพตอนอยู่กับเด็กคนอื่น ฉากที่เข้าไปคารวะกับอาจารย์สอนหนังสือเป็นครั้งแรก
ดังนั้นจึงหยิบถุงหนังออกมาจัดเรียงเสียรอบหนึ่ง สุดท้ายหยิบเอาถุงใบค่อนข้างใหม่มาใบหนึ่ง ใส่เหรียญวิญญาณจำนวนมากเข้าไปด้านใน และยังมีลูกกลอนขาวจำนวนมากของเขาอีกด้วย
ในความเข้าใจของสวี่ชิง ความรู้นั้นเป็นสิ่งล้ำค่า ส่งมอบสิ่งที่สะสมมาทั้งหมดของตนเองออกไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่เขาก็ยังคำนึงถึงหัวหน้าเหลยทางนี้ ดังนั้นจึงเหลือไว้ครึ่งหนึ่ง
ทำเรื่องเหล่านี้เสร็จสิ้น เขาจึงถอนหายใจยาว หลับตาลงเงียบๆ เริ่มฝึกบำเพ็ญหายใจเข้าออกรอฟ้าสาง
คืนนี้ สำหรับสวี่ชิงแล้วยาวนานเหลือเกิน
จนตะวันแรกขึ้น สวี่ชิงเปลี่ยนชุดใหม่อย่างที่ไม่ค่อยได้ทำ จากนั้นก็ล้างมือทั้งสองจนสะอาด แล้วเดินออกจากห้อง
ตอนที่กำลังจะออกไป ก็ถูกหัวหน้าเหลยที่ช่วงนี้ไม่ค่อยตื่นเช้าเรียกไว้
กำชับสวี่ชิงอย่างละเอียดเสียรอบหนึ่ง สวี่ชิงก็พยักหน้าอย่างไม่แหนงหน่าย ตั้งใจฟัง สุดท้ายหัวหน้าเหลยจึงช่วยสวี่ชิงจัดระเบียบเสื้อผ้า จากนั้นส่งถุงหนังให้เขาใบหนึ่ง
“ไปเล่าเรียนในกระโจม จะไปมือเปล่าไม่ได้”
“ข้ามีแล้ว” สวี่ชิงตอบเสียงเบา
หัวหน้าเหลยถลึงตา และพอเห็นความยืนหยัดในดวงตาสวี่ชิง เขาจึงเก็บถุงหนัง กลับไปในห้องแล้วหยิบกาสุราออกมาใบหนึ่ง
“ข้ารู้ว่าปรมาจารย์ไป่ชอบดื่มสุรา เจ้าพกสิ่งนี้ไปด้วย”
ครานี้สวี่ชิงไม่ปฏิเสธ หลังจากรับกาสุรามาก็ออกจากเรือน เดินไปไม่กี่ก้าวก็หันหน้ากลับ โบกมือหยอยๆ ให้กับหัวหน้าเหลย จากนั้นก็ออกวิ่งตรงไปทางกระโจมปรมาจารย์ไป่
มองแผ่นหลังของสวี่ชิง หัวหน้าเหลยก็ยิ้มบาง
“เด็กคนนี้ ตอนจัดสรรหญ้าเจ็ดใบก็ยังไม่เห็นจะดีใจเช่นนี้เลย”
อารมณ์ที่ทั้งดีใจและตึงเครียดผสมปนเป สวี่ชิงมาถึงจุดที่เขายืนมาหนึ่งเดือนกว่านอกกระโจมแล้ว เขาสูดลมหายใจลึก เคาะประตูกระโจม
“เข้ามาเถิด”
ได้ยินเสียงของปรมาจารย์ไป่ สวี่ชิงก้มหน้าตรวจดูเสื้อผ้าของตนเอง หลังจากออกแรงสะบัดชายเสื้อเพื่อทำให้มันดูเป็นระเบียบมากขึ้น ผลักประตูเปิดช้าๆ มองเห็นว่าในกระโจมนอกจากองครักษ์แล้ว ก็ยังมีปรมาจารย์ไป่และเด็กหนุ่มเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างใน
ตอนที่สวี่ชิงมองไปทางพวกเขา พวกเขาเองก็กำลังมองสวี่ชิง
เมื่อเทียบกับสีหน้าเรียบสงบของปรมาจารย์ไป่ สีหน้าของเด็กหนุ่มและเด็กสาวดูหลากหลายกว่ามาก เด็กหนุ่มในนี้ที่ถูกเรียกว่าเฉินเฟยหยวนมีสีหน้าไม่ยอมแพ้ ส่วนเด็กสาวถิงอวี้กลับอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก
สวี่ชิงหลุบสายตา คารวะปรมาจารย์ไป่อย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงหยิบถุงหนังและกาสุราที่เตรียมไว้ ยื่นออกไปสองมือเหมือนที่เคยทำให้ถ้ำยาจก
สวี่ชิงที่ไม่เงยหน้าขึ้น จึงไม่เห็นว่าพริบตานี้ดวงตาที่สงบนิ่งปรมาจารย์ไป่อ่อนโยนขึ้นมาบางส่วน
ปรมาจารย์ไป่ไม่รับถุงหนัง เพียงแต่รับกาสุรามา ดื่มตรงหน้าสวี่ชิง เหมือนเป็นพิธีการอะไรบางอย่าง
“เริ่มเรียนได้” วางกาสุราลง ปรมาจารย์ไป่เอ่ยขึ้นมาแช่มช้า
ยังคงเริ่มจากการทดสอบอย่างเคย ดูเหมือนถิงอวี้ เฉินเฟยหยวนเมื่อเทียบกับสวี่ชิง เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนทำการบ้านมา ตอบคำถามอย่างเด็ดขาด หลังจากตอบก็หันมามองสวี่ชิงทันที
สวี่ชิงไม่ได้มองพวกเขา แต่มองไปทางปรมาจารย์ไป่ ตอบคำถามทดสอบของอีกฝ่ายทีละข้อๆ หลังจากครอบคลุมทุกด้าน ปรมาจารย์ไป่ก็พยักหน้า และเริ่มการสอนอย่างเป็นทางการ
สวี่ชิงตั้งใจฟังอย่างมาก เขาหวงแหนโอกาสที่ได้เข้ามาในกระโจมยิ่ง ตลอดการเรียนไม่มีวอกแวกเลยแม้แต่น้อย
และเฉินเฟยหยวนกับถิงอวี้ก็เช่นเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ปรมาจารย์ไป่ลอบยิ้มขึ้นมาในใจ
เป็นเช่นนี้ ผ่านไปสิบกว่าวัน สวี่ชิงเองแม้จะคุ้นชินกับการเข้าเรียนในกระโจมแล้ว ทว่าก็ไม่มีลดความตั้งใจลงแม้แต่น้อย ความรู้ที่ได้รับเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
แต่ว่าเมื่อเทียบกับเขา ไม่กี่วันเฉินเฟยหยวนก็กลับไปดังเดิม มีเพียงถิงอวี้ที่ยังเปรียบเทียบกับสวี่ชิงได้ ตั้งใจอย่างมาก
หลังจากการเรียน ทั้งสองคนก็เริ่มคุยกันมากขึ้น ทว่าส่วนใหญ่จะเป็นคำถามอยากรู้อยากเห็นของถิงอวี้ต่อชีวิตในฐานที่มั่น สวี่ชิงก็พูดน้อย เพียงตอบกลับง่ายๆ ไม่กี่คำ
ส่วนเฉินเฟยหยวน ตั้งแต่ต้นจนตอนนี้ก็ยังไม่ยอมแพ้สวี่ชิง จึงพูดจากันอยู่แค่ไม่กี่คำ
สวี่ชิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เดิมทีเขาก็ไม่ถนัดการเข้าสังคมอยู่แล้ว ดังนั้นทุกครั้งเมื่อเลิกเรียนก็พยายามปลีกตัวตรงไปยังพื้นที่ต้องห้ามให้ไวที่สุด สาเหตุที่ทำให้สวี่ชิงไปพื้นที่ต้องห้ามทุกวัน ขณะนี้ก็เพิ่มเรื่องสมุนไพรเข้าไปอีกเรื่องหนึ่ง
ก่อนหน้าที่ไม่มีความรู้เรื่องสมุนไพร ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดในพื้นที่ต้องห้าม ล้วนไม่มีความแตกต่างใดในสายตาเขา ทว่าตอนนี้ต่างออกไปแล้ว
สวี่ชิงมักจะพบกับสมุนไพรที่ตนเองรู้จักอยู่บ่อยๆ และทุกครั้งที่พบก็ยิ่งทำให้เขาเข้าใจสมุนไพรนั้นได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ทว่าสวี่ชิงก็ค่อยๆ ค้นพบว่าในพื้นที่ต้องห้ามส่วนใหญ่ล้วนเป็นสมุนไพรหยิน ส่วนสมุนไพรหยางกลับไม่ค่อยมี
ดังนั้นการค้นคว้าสมุนไพรของเขา จึงใช้พิษเป็นหลักนับตั้งแต่แรก
ด้วยสมุนไพรพิษเหล่านั้นที่เขาเก็บเกี่ยว จึงสร้างบ้านง่ายๆ ขึ้นมาหลังหนึ่งในหุบเขาเล็ก ใช้เป็นห้องยาเพื่อค้นคว้าสมุนไพรพิษ
และคุณสมบัติที่สามารถแก้พิษได้ของสวี่ชิง เขาจึงกล้าหาญชาญชัยมากในการค้นคว้าด้านสมุนไพรพิษ หลังจากที่จับคู่และจับกลุ่มชนิดต่างๆ ท้ายสุดก็ปรุงของเหลวพิษที่ไม่รู้จักออกมาได้ชนิดหนึ่ง
ของเหลวพิษนี้คือการปรุงสมุนไพรพิษทั้งแปดเข้าด้วยกันแล้วเพิ่มพิษงูเข้าไป ปรุงออกมาด้วยส่วนผสมเก้าชนิดนี้
คุณสมบัติพิษมีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง สวี่ชิงเคยทดลองเพียงหยดลงบนเลือดเนื้อหยดเดียว ก็สามารถทำให้ศพสัตว์ประหลาดที่ทดสอบ กลายเป็นกองเลือดไปภายในห้าอึดใจ
แต่เร็วเช่นนี้กับร่างศพ ส่วนร่างที่ยังมีชีวิตก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ถึงได้ใช้เวลามากขึ้นมหาศาล
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่สำหรับของเหลวพิษชนิดแรกที่ตนเองปรุงออกมาได้ สวี่ชิงก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมากแล้ว
เขานำไปตากแห้งจนกลายเป็นผง ตั้งชื่อว่าสลายศพ
ส่วนเรื่องสมุนไพรหยางที่ถึงแม้จะมีน้อย แต่เมื่อใช้ร่วมกับวิธีเพียบพร้อมหยินหยาง สวี่ชิงก็ยังปรุงยาน้ำออกมาได้บางส่วน
ในนี้ส่วนหนึ่งนำไปผสมกับหญ้าเจ็ดใบ ก็จะมีสรรพคุณในการสะกดไอพลังประหลาดบางส่วน สวี่ชิงเคยนำไปถามปรมาจารย์ไป่ว่าสามารถนำไปรวมกับตัวยาของเขาได้หรือไม่ เพื่อให้อาการของหัวหน้าเหลยได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ปรมาจารย์ไป่บอกเขาว่า นอกจากดอกลิขิตฟ้าแล้วสิ่งอื่นล้วนไม่มีประโยชน์ และตำรับยาของเขา ก็ยังมีช่วงเวลาที่หมดฤทธิ์อีกด้วย
ในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น ต่อให้หัวหน้าเหลยกินยาตรงเวลาทุกวัน แต่ความอ่อนแอของร่างกายก็ปรากฏออกมาอย่างภาพที่เห็น สวี่ชิงที่เห็นมากับตา ในใจก็เงียบงัน
จนถึงวันนี้ ขณะที่สองคนกำลังกินข้าว หลังจากที่หัวหน้าเหลยลังเลไม่พูด แต่สุดท้ายก็บอกกับสวี่ชิงว่า เขารู้สึกร่างกายตนเองไม่เหมาะที่จะอยู่ในฐานที่มั่นคนเก็บกวาดอีกแล้ว เตรียมตัวจะออกไปหาซื้อสิทธิ์เข้าพักในเมืองใกล้ๆ สักแห่งหนึ่ง
“เด็กน้อย ข้ารู้ว่าเส้นทางของเจ้าไม่ได้หยุดอยู่แค่ฐานที่มั่นนี้แน่นอน อนาคตของเจ้ายังอีกยาวไกล ดังนั้นข้าจะไม่เรียกร้องให้เจ้าไปเลี้ยงคนแก่อย่างข้า”
ตอนที่ได้ยินประโยคนี้ ท่าทางการกินของสวี่ชิงก็หยุดชะงัก จากนั้นก็ก้มหน้าลง นิ่งเงียบอยู่นาน เอ่ยถามประโยคหนึ่งขึ้นเสียงแผ่วเบา
“ท่านจะกลับมาหรือไม่”
“แน่นอน ข้าจะกลับมาบ้าง” หัวหน้าเหลยยิ้มแล้วยกมือขึ้น เป็นครั้งแรกที่จะลูบไปที่หัวของสวี่ชิง ในใจรู้สึกอ่อนไหว เขาไม่อยากให้สวี่ชิงต้องไปเสี่ยงอันตรายในป่าต้องห้ามเพื่อเขาอีกแล้ว
สวี่ชิงเดิมทีคิดจะเบี่ยงหลบ แต่ก็มองไปทางหัวหน้าเหลยจึงไม่ขยับเขยื้อน ทำให้มือของหัวหน้าเหลยวางลงไปบนหัวของเขา ระหว่างที่ลูบ หัวหน้าเหลยก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเองก็ไปหาข้าได้ทุกเวลาด้วยเช่นกัน”
สวี่ชิงพอได้ยิน ก็พยักหน้าหนักๆ
คืนนี้ ตอนที่สวี่ชิงฝึกบำเพ็ญก็เปิดตาขึ้นมาหลายครั้ง จ้องมองไปทางห้องของหัวหน้าเหลย
อารมณ์เช่นนี้ ผ่านไปหลายวันก็ถูกสวี่ชิงฝังลงไปยังส่วนลึกของจิตใจ ทุกวันนอกจากไปเรียนกับปรมาจารย์ไป่แล้ว เวลาที่ไปพื้นที่ต้องห้ามก็มากขึ้น พยายามค้นหาดอกลิขิตฟ้า
เพียงแต่ดอกไม้ชนิดนี้ เป็นดั่งเช่นปรมาจารย์ไป่ว่า แม้ปรารถนาแต่ก็ครอบครองได้ยากยิ่ง