ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 31 เขาซื้อประกันจากข้า

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 31 เขาซื้อประกันจากข้า

เวลานี้ดาบกระดูกถูกชายฉกรรจ์ร่างใหญ่แบกไว้บนบ่า สองมือสองเท้าถูกมัดเอาไว้ สะบักสะบอมไปทั้งตัว ไม่มีแรงขัดขืนอีกแล้ว

ข้างๆ ชายฉกรรจ์ ก็มีคนในเสื้อขนสัตว์สีดำอีกคนหนึ่ง คนผู้นี้เป็นชายชรา หลังค่อมเล็กน้อย

บางทีคงเป็นเพราะเหตุนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สวมหน้ากากปิดบังตัวตน ใบหน้าภายใต้ผมกระเซิงสีดอกเลาเต็มไปด้วยรอยย่น สายตาเย็นชา ร่างทั้งร่างมีจิตสังหารปล่อยออกมา

คลื่นพลังในตัวแรงกล้ายิ่งกว่าหัวหน้าเหลยกับหัวหน้าเงาโลหิตเมื่อครั้งนั้นเสียอีก อยู่ระดับรวมปราณขั้นที่เจ็ดอย่างเห็นได้ชัด

พลังฝึกบำเพ็ญระดับนี้ สวี่ชิงไม่เคยเห็นในฐานที่มั่นคนเก็บกวาดมาก่อน

“หัวหน้าผู้ดูแล ปราณหมอกนี้มาผิดเวลาเสียจริง เจ้าพวกก้อนเนื้ออื่นที่ถูกทำสัญลักษณ์ไว้ล่ะ ทำอย่างไรดีขอรับ” ชายฉกรรจ์ที่แบกดาบกระดูกอยู่ก็เอ่ยขึ้นเสียงขรึม ขณะที่สวี่ชิงสังเกตอยู่ห่างๆ

“ต้องโทษเจ้าก้อนเนื้อนี่ หลบไปหลบมาทำเอาเสียเวลากันไปหมด” ชายชราเสื้อดำมองดาบกระดูกที่หมดสภาพไปแล้วผาดหนึ่ง หลังจากไตร่ตรองจึงส่ายศีรษะ

“ให้คนอื่นมารวมกันให้หมด พวกเราออกไปก่อน รอจนปราณหมอกสลายไปแล้วค่อยไปค้นหาก้อนเนื้อพวกนั้น”

“พี่ใหญ่เองก็จริงๆ จับในฐานที่มั่นก็จบแล้ว เอาแต่รอให้เข้ามาในพื้นที่ต้องห้ามแล้วค่อยลงมือจับเสียอย่างนั้น” ชายฉกรรจ์บ่นกระปอดกระแปดอย่างไม่พอใจ ชายชราข้างกายร้องเชอะขึ้นเสียงหนึ่ง

“สิ่งที่พี่ใหญ่ต้องการคือช้าๆ ได้พร้าสองเล่มงาม ไม่ใช่สิ่งที่สมองหมูอย่างเจ้าจะมาเข้าใจหรอก หากไปจับคนในฐานที่มั่น แล้วจะทำกิจการต่อไปได้อย่างไรกัน”

ชายฉกรรจ์พอได้ยินก็ไม่เห็นด้วยนัก แต่ก็ไม่คัดค้านอะไร เขาหยิบนกหวีดชิ้นหนึ่งขึ้นมาเป่าตามคำสั่งของชายชรา เพียงไม่นานคนชุดดำสองคนที่สวี่ชิงเห็นเมื่อครู่ก็กลับมาอย่างรวดเร็ว

สวี่ชิงไม่ได้เข้าไปขัดขวาง และไม่ได้ลงมือ เขานั่งยองอยู่บนยอดไม้ จ้องมองทั้งหมดอย่างเย็นชา

หลังจากยืนยันว่าจำนวนคนของอีกฝ่ายมีสี่คนแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาตั้งท่าจะจากไป สวี่ชิงจึงมองผาดหนึ่งไปทางดาบกระดูก

ถ้าหากเรื่องนี้สวี่ชิงไม่มาเห็น ดาบกระดูกไม่ได้ซื้อประกันไว้ หรืออาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอกป่า เขาก็คงจะไม่มาสนใจ เขาไม่ใช่พ่อพระ ไม่มีพลังมากขนาดที่จะคอยไปช่วยเหลือผู้อื่นได้

แต่เขามีหลักการของเขา

ในเมื่อเจ้าซื้อประกันของข้า เช่นนั้นข้าก็จะรับประกันเจ้าให้ออกจากพื้นที่ต้องห้ามได้ ส่วนเรื่องจะเป็นหรือตายหลังออกไป เขาไม่สนใจ

ดังนั้นพริบตาต่อมา ร่างของสวี่ชิงจึงพุ่งออกไปฉับพลัน เร็วเสียจนทิ้งภาพค้างเอาไว้ ประดุจธนูดีดออกจากคันศร พุ่งตรงไปทางชายฉกรรจ์ที่แบกดาบกระดูกไว้คนนั้น

การซ่อนตัวของเขาก่อนหน้านี้มิดชิดอย่างมาก ลงมือก็รวดเร็วดุจสายอัสนี ดังนั้นชายชุดดำสามคนที่รวมถึงชายฉกรรจ์อยู่นั้น จึงสัมผัสไม่ได้เลยแม้แต่น้อย มีเพียงชายชราชุดดำที่เหมือนจะสังเกตเห็น

สีหน้าเวลานี้จึงเปลี่ยนฉับพลัน หันตัวอย่างรวดเร็ว มือขวายกขึ้น พริบตาก็มีดาบน้ำแข็งหลายเล่มควบรวมขึ้นมากลางอากาศ

แต่ก็สายเกินไป ดาบน้ำแข็งโถมเข้าโจมตีกลางอากาศไม่ทันไร สวี่ชิงก็เข้ามาอยู่ประชิดตัวชายฉกรรจ์แล้ว ระหว่างที่ลมคลั่งกระพือพัดออกรอบทิศ ผมยาวของเขาลอยกระพือ ความเฉียบคมในดวงตากับกริชเย็นเยียบในมือเปล่งแสงประกายขึ้นพร้อมกัน เผยจิตสังหารออกมา!

หนึ่งดาบวาดผ่านคอหอยชายฉกรรจ์ รุนแรงและแข็งแกร่งมากจนทำให้ชายฉกรรจ์ระดับรวมปราณขั้นห้าไม่มีเวลาได้ต่อต้านหรือตอบโต้แม้เพียงน้อย เสียงกรีดร้องก็ยังไม่ทันได้เปล่งออกมา ศีรษะลอยหวือไปแล้ว

เลือดสดซ่านกระเซ็น!

เวลานี้ดาบกระดูกที่ศพของชายฉกรรจ์แบกไว้ร่วงลงมา ถูกสวี่ชิงคว้าเสื้อเอาไว้ได้ ก้าวกระโจนไปไม่กี่ก้าวก็มาปรากฏตัวขึ้นที่ไกลๆ

หลังจากโยนดาบกระดูกไปไว้ข้างทาง สวี่ชิงหันหน้ากลับไปจ้องเขม็งไปยังสามคนที่เหลืออย่างเย็นชา

จนถึงเวลานี้ ศีรษะที่ยังถลึงตาโตด้วยความงุนงงและร่างศพของชายฉกรรจ์ ก็ร่วงลงมาตอนที่ดาบน้ำแข็งของชายชราโถมเข้าโจมตีอยู่กลางอากาศ

รอบด้านเงียบงันในพริบตา ความน่าสะพรึงของฉากนี้มากมายมหาศาล ทำให้ชายชราในชุดดำกับพรรคพวกอีกสองคนข้างๆ จิตใจสั่นสะเทือน พุ่งตรงเข้ามาหาสวี่ชิง

“เด็กน้อย!”

หลังจากที่เห็นสวี่ชิง หนึ่งในสองคนชุดดำด้านหลังชายชราก็ถลึงตาโต หลุดคำพูดออกมา

“หุบปาก!” ชายชราชุดดำตรงหน้าคำรามเสียงต่ำออกมาทันที

และคนชุดดำนั้นก็เหมือนรู้ว่าตนเองหลุดปาก จึงไม่พูดอะไรอีก

สวี่ชิงมองสามคนนั้นลึกๆ คำพูดนั้นเปิดเผยเรื่องทั้งหมดแล้ว

“เด็กน้อย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า รีบไสหัวไปเสีย ข้าจะทำเหมือนว่าเจ้าไม่เคยปรากฏตัวที่นี่มาก่อน” ชายชราชุดดำสีหน้าเคร่งขรึม จ้องเขม็งไปที่สวี่ชิง เอ่ยขึ้นแช่มช้าไม่ปิดบังอีก

ขณะลมพัดผ่านสวี่ชิงมา ก็พัดผมของเขาจนกระจาย และขณะที่พัดไปทางกลุ่มชายชราทั้งสามคน ใบไม้พัดขึ้นมาตามลมก็ส่งเสียงเสียดสีกัน

เหมือนว่าปราณหมอกข้นหนาขึ้นมาเล็กน้อยในสายลมนี้

สวี่ชิงนิ่งงัน ไม่พูดจา

และดาบกระดูกก็ฟื้นขึ้นมานานแล้ว แต่แสร้งทำเป็นสลบ ตอนนี้พอได้ยินเสียงชายชรา ในใจเขาก็ร้อนรน กังวลว่าสวี่ชิงจะไม่ช่วยเหลือตนเองต่อ จึงรีบลืมตา

เขารู้สึกว่าต้องดึงสวี่ชิงไปถึงระดับที่ต้องลงมือสู้ตายจึงจะวางใจ และวิธีการเช่นนี้ก็มีเพียงทางเดียว ดังนั้นเขาจึงตะโกนขึ้นเสียงดัง

“เด็กน้อยอย่าไปฟังเขา พวกเขาเป็นคนของหัวหน้าฐานที่มั่น คนเก็บกวาดที่หายตัวไปหลายปีนี้ส่วนใหญ่ก็ถูกพวกเขาจับตัวไปอย่างลับๆ แล้วถูกขายเป็นคนเลี้ยงของวิเศษให้กับกลุ่มพ่อค้า นี่เป็นความลับที่ใหญ่ที่สุดของหัวหน้าฐานที่มั่น!”

คำพูดของเขา ทำให้ชายชราชุดดำหรี่ตาลง จ้องเขม็งที่สวี่ชิง เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

“ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า อย่ามายุ่งเรื่องไม่เข้าเรื่อง!”

สวี่ชิงไม่สนใจคำพูดของดาบกระดูก ผลลัพธ์ของเรื่องราวไม่เกี่ยวกับตัวเขา ความคิดของเขาง่ายดายและตรงไปตรงมามาก

ซื้อประกันของข้า ข้าก็จะรับประกันพาเจ้าออกจากพื้นที่ต้องห้าม ส่วนเรื่องจะเป็นหรือตายหลังจากออกไป ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา

“เขาซื้อประกันของข้า” สวี่ชิงตอบอย่างตั้งใจ

ชายชราชุดดำสีหน้าเย็นชา แต่พริบตาต่อมา มุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม สองมือยกขึ้นฉับพลัน ขณะเดียวกันใต้เท้าเขาก็ปรากฏวงแสงสีแดงขนาดยักษ์วงหนึ่งขึ้น

ลมหนาววูบหนึ่งพัดทะยานขึ้นฉับพลันราวกับว่ากลายเป็นลมพายุหมุนก็มิปานจากในวงแสงนั้น พลังไม่สามัญ

“เด็กน้อย เจ้ายังมีประสบการณ์ตื้นเขินนัก เปิดโอกาสให้ข้าร่ายเวทเสียด้วย เช่นนั้น…เจ้าก็ไปตายเสียเถอะ”

ชายชราคำรามเสียงต่ำ สองมือสั่นระริกฉับพลัน วงพายุรอบตัวเขาก็รุนแรงขึ้น ด้านในเป็นใบมีดน้ำแข็งสีเลือดนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน ชายชุดดำสองคนข้างๆ ก็หัวเราะเหี้ยมเกรียมขึ้นมา พุ่งขนาบข้างเข้าหาสวี่ชิง

ดาบกระดูกเผยสายตาสิ้นหวัง

มีเพียงสวี่ชิงที่สีหน้าเรียบเฉยมาตั้งแต่ต้น ตอนที่ร่างเงาสองร่างเข้าประชิดข้างลำตัว วินาทีที่ลมพายุใบมีดน้ำแข็งระเบิดขึ้นจากภายนอกร่างชายชราชุดดำ เขาก็เอ่ยขึ้นเสียงเบา

“และก็ต้องขอบคุณเจ้าด้วย”

พริบตาที่สวี่ชิงเอ่ยปาก ชายชุดดำสองคนที่พุ่งมาหาเขาก็หยุดลงฉับพลัน

สีหน้าของพวกเขาดำคล้ำไปทันที ดวงตาเบิกโพลงเผยความหวาดผวา เลือดสีดำไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของพวกเขาเป็นทาง

ลมหายใจตอนนี้ติดขัดราวกับว่าในร่างกายถูกวางยาพิษ จิตใจของทั้งสองคนสั่นสะพรึงถึงขีดสุด ตั้งท่าจะถอยหนีด้วยสัญชาตญาณ

แต่ถอยไปได้ไม่กี่ก้าว ทั้งสองก็กระอักเลือดดำออกมาคำใหญ่ ร่างกายสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมด โซซัดโซเซล้มลงบนพื้น ทั่วร่างสั่นกระตุกรุนแรง สีหน้าทุกข์ทรมานถึงขีดสุด ราวกับกำลังรับโทษทัณฑ์ของโลกมนุษย์ ส่งเสียงกรีดร้องน่าตกตะลึง พริบตาต่อมาก็ขาดใจตาย

ฉากนี้ ทำให้ดาบกระดูกตกตะลึงขึ้นฉับพลัน ชายชราชุดดำที่กำลังร่ายเวทอยู่ก็สั่นสะเทือนถึงจิตใจเช่นกัน ลมพายุรอบด้านเริ่มไม่มั่นคง

และสองตาของเขา ตอนนี้ก็มีเลือดดำไหลออกมา

“เจ้า…” ชายชราสีหน้าถอดสี รักษาความมั่นคงของวิชาเวทต่อไปไม่ได้อีก จึงผลักมีดน้ำแข็งให้ออกไประเบิดด้านหน้าฉับพลัน

พลานุภาพนี้แม้จะใหญ่โต แต่เพราะคลื่นอารมณ์ของเขา ขอบเขตวงเวทที่ควรจะครอบคลุมถึงกลับคลาดเคลื่อนไปมาก หลังจากร่างของสวี่ชิงไหววูบหิ้วตัวดาบกระดูกและปลีกตัวออกมาอย่างง่ายดายแล้ว ก็มองไปยังชายชราชุดดำที่ถอยกรูดอย่างรวดเร็วเพราะคิดจะหนีในตอนนั้น

ระหว่างที่มองอีกฝ่ายถอย และล้วงเอายาออกมากินอย่างต่อเนื่อง สวี่ชิงไม่ได้ห้ามเขา แต่กลับงึมงำเสียงต่ำอยู่ข้างๆ ดาบกระดูกที่ยังหวาดผวา

“หนึ่ง สอง สาม…”

พริบตาที่สามคำนี้เอ่ยออกมา ชายชราชุดดำก็ร้องเสียงหลงพร้อมกระอักเลือดดำออกมา ด้านในยังมีชิ้นเนื้อที่เน่าเปื่อยหลุดออกมาด้วย

ร่างของเขาโงนเงน แต่กลับไม่ล้มลง แม้สีหน้าจะขาวซีด แต่ก็เหมือนยังมีแรงเหลืออยู่ คิดจะหนีไปอย่างรวดเร็ว

สวี่ชิงมองเห็นฉากนี้ ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พุ่งตัวไล่ตามชายชราไปทันที จากนั้นซัดหมัดเข้าไปที่หน้าอกในขณะที่อีกฝ่ายเผยสีหน้าสิ้นหวัง

บนหมัดกลายเป็นเงาของเซียวที่ดุร้ายตัวหนึ่ง ยิ้มเหี้ยมเกรียมไร้เสียงกระโจนเข้าใส่ชายชรา

ปึง!

ร่างชายชราสั่นไหว เสื้อผ้าตรงหน้าอกก็ระเบิดกระจายออกมา หัวใจพังกระจุย ลมหายใจขาดห้วง

ศพของเขาร่วงลงพื้น กระดูกที่หน้าอกยุบเป็นรู เลือดเนื้อกลายเป็นเงาหน้าของเซียว มองแล้วดูสยดสยอง

“ใช้สายลมสาดพิษไปเจ็ดชนิด ผสมด้วยกันแล้วใช้งาน เมื่อติดพิษ ไม่กี่อึดใจต้องตายแน่ๆ แล้วเหตุใดเขายังยืนหยัดต่อได้อีก…ดูท่าจะต้องปรับปรุงเสียหน่อย”

สวี่ชิงงึมงำ ไม่ได้สนใจกับดาบกระดูกที่ตกใจจนบื้อใบ้ไปแล้วข้างๆ เริ่มจัดการสินสงคราม สุดท้ายก็ล้วงเอาสลายศพออกมาสาดลงบนศพทั้งสาม

เสียงฉ่าๆ ดังขึ้นในป่าที่เงียบงัน ศพทั้งสามร่างก็กลายเป็นกองเลือดไป

ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จสิ้น สวี่ชิงก็มองไปทางดาบกระดูก

การลงมือของสวี่ชิงเล่นงานดาบกระดูกจนสั่นสะท้านไปทั้งตัวและจิตใจ เด็กหนุ่มตรงหน้าในสายตาเขาราวกับเป็นตัวตนที่น่ากลัวที่สุดบนโลกนี้

หลังจากถูกสายตาสวี่ชิงกวาดมอง เขาก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที

ขณะสั่นเทา เขาก็รู้สึกว่าหายใจลำบากเล็กน้อย ผิวหนังบนมือก็กลายเป็นสีคล้ำ ฉากนี้ทำเอาเขาเกือบหมดอาลัยตายอยากเลยทีเดียว

“สหายเต๋าเด็กน้อย ข้าข้า…ข้าเองก็ติดพิษแล้ว”

“อยู่ในขอบเขตที่มีลมนี้ก็ติดพิษได้หมด” สวี่ชิงเอ่ยขึ้นอย่างสงบ

“ยาแก้พิษ ขอยาแก้พิษให้ข้าด้วย” ดาบกระดูกร้อนรน เขารู้สึกว่าทั้งร่างเหมือนโดนเข็มแทง

“พิษของข้า ไม่มียาแก้หรอกนะ” สวี่ชิงเงยหน้ามองหมอกลวงตาที่กำลังจะมาถึง ในขณะที่ดาบกระดูกกำลังสิ้นหวัง ก็เอ่ยออกมาเรียบๆ ประโยคหนึ่ง

“ข้ามาช่วยเจ้า ก็เพราะเจ้าซื้อประกันกับข้า แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเจ้าจะพึ่งพาวิธีที่ฉลาดแกมโกงเช่นนี้ได้”

“สหายเต๋าเด็กน้อย ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้ว บนตัวข้าเริ่มรู้สึกเหมือนเข็มแทงแล้ว เจ้าดูสิ ข้าตัวดำไปหมดแล้วเนี่ย…”

ดาบกระดูกสั่นระริก เขามองเห็นมือของตนเองดำขึ้นเรื่อยๆ ภาพการตายน่าเวทนาที่เลือดออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของคนชุดดำสองคนนั้นก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นบนหัว ความพรั่นพรึงในใจก็พุ่งถึงขีดสุด

สวี่ชิงมองดูเขาอย่างเย็นชาผาดหนึ่ง โบกมือขวา โยนยาถุงหนึ่งออกไป

ดาบกระดูกรีบรับ จากนั้นก็กรอกเข้าไปในปากด้วยท่าทางที่ว่าหากขาดไปสักนิดก็จะแก้พิษไม่ได้ เพียงไม่นานสีดำคล้ำบนตัวเขาก็สลายไป แต่ใบหน้ากลับเริ่มปูดโปน

“เจ้าให้ข้ากินอะไรน่ะ ทำไมปากของข้าเริ่มชาเสียแล้ว…” ดาบกระดูกรู้สึกว่าใบหน้าบวมปูด พูดจาก็เริ่มไม่ชัดเจน จ้องมองอย่างมึนงงไปทางสวี่ชิง

สวี่ชิงกวาดตามองดูดาบกระดูกที่เวลานี้เหมือนกับหัวหมู เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“นั่นก็ยาพิษเช่นกัน”

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท