ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 35 เกิดริ้วรอยเพราะลม

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 35 เกิดริ้วรอยเพราะลม

สวี่ชิงขมวดคิ้ว หันหลังไปมอง

แมงกะพรุนตัวเล็กฝูงใหญ่ จำนวนนับร้อยตัว เข้ามาจากปากทางเข้าหุบเขาอย่างรวดเร็ว พุ่งไปยังองครักษ์และเด็กหนุ่มสาวเหล่านั้น

คนกลุ่มนี้หน้าเปลี่ยนสี ทำการต่อต้านทันที โดยเฉพาะองครักษ์เหล่านั้นที่เข้าขัดขวางสุดชีวิต

และเด็กหนุ่มอายุมากกว่าหน่อยที่สวี่ชิงจับตามองคนนั้น ระลอกคลื่นพลังวิญญาณระดับรวมปราณขั้นเจ็ดแผ่กระจาย เมื่อลงมือก็เปล่งแสงประกายรุ้งพร่างพรายไปพื้นที่หนึ่ง

แต่แมงกะพรุนมีเยอะเกินไป อีกทั้งแมงกะพรุนพวกนี้มีความสามารถในการต้านทานวิชาเวท เมื่อโดนตัวพวกมัน พลังโจมตีจะถูกลดทอนลงไปมาก

มิหนำซ้ำพวกมันยังรวดเร็วเป็นอย่างมาก โจมตีฉับไว ร่วมมือกันคล่องแคล่ว ทำให้ในหุบเขาแห่งนี้เพียงเสี้ยวพริบตาก็บาดเจ็บล้มตายกันไปเจ็ดแปดคนแล้ว

เด็กหนุ่มที่แต่เดิมเสื้อผ้าหรูหรา ตอนนี้กลับขาดวิ่น แววตาฉายความสิ้นหวัง เสี้ยวพริบตาที่แมงกะพรุนตัวหนึ่งโถมมา เขาก็ถอยหนีล้มลุกคลุกคลาน ปากก็ร้องขอความช่วยเหลือสหายสนิทระดับรวมปราณขั้นเจ็ดคนนั้น

“นายน้อยไป่ ช่วยข้าด้วย!”

จากคำร้องขอของเขา แสงพรายรุ้งสายหนึ่งก็พุ่งมาขวางอยู่ข้างหน้าเขา สะกัดกั้นแมงกะพรุนเอาไว้ ทำให้เด็กหนุ่มคนนี้หนีช่วงวิกฤตอันตรายมาอย่างอกสั่นขวัญแขวน

สวี่ชิงตรงนี้แม้จะอยู่ห่างค่อนข้างไกล แต่ก็ยังตกเป็นเป้าของแมงกะพรุนจำนวนหนึ่งจนได้

มีสามตัวที่พุ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็ว กำลังจะพุ่งทะลุร่างของเขาตามปกติ

เสี้ยวพริบตาต่อมา ประกายเย็นเยียบในดวงตาสวี่ชิงฉายวาบ มือขวายกขึ้นแล้วชกออกไปทันทีหมัดหนึ่ง

เสียงตูมดังขึ้น หมัดของเขาซัดไปที่ร่างของแมงกะพรุนตัวหนึ่ง แมงกะพรุนตัวนี้สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ไม่อาจแบกรับพลังเอาไว้ได้ ก็แตกสลายเป็นส่วนๆ

สวี่ชิงไม่หยุดนิ่ง พริบตาต่อมากริชก็ปรากฏขึ้นที่มือซ้าย เพียงไหววูบก็ประชิดแมงกะพรุนที่เหลืออีกสองตัว

ความเร็วและความคล่องแคล่วของร่างกายเขาเหนือกว่าแมงกะพรุน เสี้ยวพริบตาหลังจากที่เขาพุ่งทะลุผ่าน ร่างของแมงกะพรุนสองตัวนั้นก็กลายเป็นสองซีกทันที

ภาพฉากนี้ทำให้เด็กหนุ่มสาวที่สู้กับแมงกะพรุนเหล่านั้นเห็นเข้า ขยับมายังเขาตรงนี้ตามสัญชาตญาณด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน

และการสังหารแมงกะพรุนสามตัวติดๆ ก็ทำให้แมงกะพรุนตัวอื่นๆ ลืมดวงตาแห่งมารขึ้น ถาโถมมาหาสวี่ชิงตรงนี้ทันที

ครั้งนี้มาสิบกว่าตัว

สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ ไม่ถอยหนีแต่กลับพุ่งตัวออกไป แปรเปลี่ยนเป็นรอยเงาเข้าประชิดไปอย่างเร็วรี่ กริชในมือฉายประกายวาววับแสบตา ทุกที่ที่วาดผ่านมีหัวแมงกะพรุนแต่ละตัวๆ หลุดร่วงส่งเสียงดังเผละๆ

และไอพลังประหลาดปริมาณมหาศาลก็แผ่ออกมาจากการตายของพวกมัน ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าในหุบเขากลายเป็นสีดำทันที ซึ่งรวมไปถึงห้องยาของสวี่ชิงด้วย กระทั่งองครักษ์ที่บาดเจ็บเหล่านั้นก็ถูกไอพลังประหลาดปนเปื้อนไปด้วย

มองดูหุบเขาของตัวเองเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้ จิตสังหารในดวงตาสวี่ชิงก็เข้มข้นขึ้น

ร่างพุ่งออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเร็วยิ่งกว่าเดิม ทุกที่ที่ผ่าน กริชสะบัด แมงกะพรุนต่างแหลกสลาย แต่ไม่นานเขาก็ขมวดคิ้วแน่น กริชในมือเมื่ออยู่ภายใต้การกัดกินจากไอพลังประหลาดก็ค่อยๆ ทนกับการโจมตีไม่ไหว เริ่มแตกร้าว

สวี่ชิงไม่มีเวลาได้ปวดใจ เพียงสะบัดเหล็กแหลมก็มาอยู่ในมือ กรีดแมงกะพรุนหลายตัวอย่างต่อเนื่อง ระหว่างนั้นก็ซัดผงพิษออกมาด้วย

แม้ระดับการต้านพิษของร่างกายแมงกะพรุนพวกนี้จะสูง ผงพิษที่ฟุ้งตลบอวลอยู่รอบๆ ยากจะส่งผลกับพวกมันได้ในทันทีทันใด แต่สวี่ชิงก็ไม่ยอมแพ้ เพราะพิษอยู่ที่นี่ ผลของมันไม่ใช่แค่ฆ่าล้างสังหารเท่านั้น แค่ยังมีประโยชน์ในการลบล้างกลิ่นอีกด้วย

ส่วนในด้านอาวุธ ทางด้านสวี่ชิงก็มีส่วนที่บกพร่องอยู่ แรงในการแทงทะลุจากเหล็กแหลมของเขาแม้จะแข็งแกร่ง แต่การตัดผ่าสู้กริชไม่ได้ ในตอนนี้เอง ข้างหลังสวี่ชิงก็มีเสียงตะโกนทุ้มต่ำดังลอยมา

“สหาย ใช้กระบี่ของข้า!”

กระบี่ที่แผ่ประกายวาววับเล่มหนึ่งโยนมาจากข้างหลังท่ามกลางเสียงพูด เขาพลิกมือรับมันไว้ หางตาเหลือบไปเห็นคนที่มอบกระบี่ให้ตน ก็คือเด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่านายน้อยไป่นั่นเอง

สวี่ชิงไม่พูดอะไร เมื่อถือกระบี่เอาไว้ก็สัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของมันทันที

เพียงแค่ฟันออกไป ประกายเย็นเยียบคมกริบก็แผ่ออกมาจากกระบี่ทันที แม้สวี่ชิงจะใช้กระบี่ไม่เป็น แต่อาศัยความคมของมัน ก็ยังสามารถตัดหัวแมงกะพรุนได้เจ็ดแปดตัวในเวลาสั้นๆ

จากซากร่างแมงกะพรุนบนพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ ร่างของสวี่ชิงก็อาบย้อมไปด้วยเลือดสีน้ำเงินที่สาดกระจายออกมาจากร่างของพวกมัน ส่วนองครักษ์สามคนและคนหนุ่มสาวที่เหลือรอดเหล่านั้น ตอนนี้ก็มาอยู่ข้างหลังสวี่ชิงหมดแล้ว มองภาพฉากนี้ ในใจของทุกคนล้วนตื่นตะลึง ในดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจและไม่อยากเชื่อ

“เกินไป…แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

“เขาเป็นพวกฝึกกายา นี่เป็นฝึกกายาขั้นที่เท่าไร หรือจะถึงขั้นบริบูรณ์แล้ว!!”

“จากระลอกคลื่นพลังวิญญาณไม่เหมือนนะ เหมือนจะเป็นขั้นห้า ขั้นหก”

“พลังบำเพ็ญไม่สำคัญ ที่สำคัญคือความเหี้ยมโหดของคนคนนี้” องครักษ์และคนหนุ่มสาวเหล่านั้นตอนนี้จิตใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ตื่นตะลึงกับการลงมือของสวี่ชิง

ต่อให้เป็นนายน้อยไป่ก็ต้องอึ้งตะลึงเหมือนกัน ตอนนี้เด็กสาวในกลุ่มคนนั้นหัวใจเต้นเร็วขึ้น สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของสวี่ชิงก็เก็บแผนการทุกอย่างลงไป

นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เหมือนกับคนที่ถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาดเหล่านั้นของตระกูลจากร่างของสวี่ชิง

สัตว์ประหลาดในตระกูลเหล่านั้น ทุกคนล้วนแต่เป็นบุคคลที่ฆ่าสังหารมามากมาย ทุกครั้งที่นางได้เห็นล้วนกลัวไปโดยสัญชาตญาณ ตอนนี้เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าคนนี้ทำให้นางรู้สึกเฉกเช่นเดียวกันทุกประการ

นางไม่อยากหาเรื่องคนแบบนี้

โดยเฉพาะตอนนี้ภารกิจของตัวเองก็เสร็จสิ้นแล้ว ล่อแมงกะพรุนมาได้จำนวนมาก คนในลัทธิได้สิ่งที่อยากได้ที่รังแมงกะพรุนในป่าส่วนลึกราบรื่นหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับนางแล้ว

ในเมื่ออันตรายครั้งนี้ก็อยู่เหนือความคาดหมายของนาง ดังนั้นตอนนี้มือขวาจึงสอดเข้าไปในอกเสื้อ หยิบเอาแผ่นหยกแผ่นหนึ่งออกมา นั่นเป็นของวิเศษอักขระ ประโยชน์คือเอาไว้ส่งข้าม

นี่คือหลักประกันของนาง

และในขณะที่นางลังเลอยู่หน่อยๆ ว่าจะบีบให้แตกดีหรือไม่ ที่ปากทางเข้าหุบเขาก็มีเสียงดังบึ้มขึ้น แมงกะพรุนอีกหลายสิบตัวโผล่ออกมาจากตรงนั้น พุ่งมาเป็นจำนวนมหาศาล

ภาพฉากนี้ทำให้นางไม่ลังเลอีกต่อไป บีบแผ่นหยกส่งข้ามในมือแตก ร่างหายไปในพริบตา

การจากไปของนางทำให้สหายคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ ต่างมีสีหน้าซับซ้อน

สวี่ชิงไม่ได้สังเกตเรื่องพวกนี้ เขาจ้องแมงกะพรุนที่ถาโถมเข้ามาพวกนั้น คำนวณเวลา ยืนอยู่ตรงนั้น เลือดลมในกายพลันปะทุขึ้น อ้าปากส่งเสียงคำรามออกไปทางแมงกะพรุนที่ใกล้เข้ามา

และจากการขยายใหญ่ขึ้นของเลือดลมและการโคจรของเคล็ดคีรีสมุทรของเขา ก็พลันมีเงาขุยปรากฏขึ้นข้างหลัง ส่งเสียงคำรามออกมาเหมือนกับเขา

เงาขุยดุดัน เหี้ยมเกรียม ที่หัวมีเขาเดียว ทั้งร่างดำสนิท เหมือนปีนออกมาจากยมโลก ในตามีประกายแสงสีม่วงกะพริบวูบวาบอยู่รางๆ ดูแล้วแปลกประหลาดน่าขนลุก

การคำรามของมันไร้เสียง แต่เมื่อรวมกับการคำรามของสวี่ชิงแล้ว คล้ายว่ามีพลังสยบอันน่าหวาดหวั่น ทำให้แมงกะพรุนที่ถาโถมมาเหล่านั้นต่างหยุดชะงัก ดวงตาทุกคู่ลืมตื่นขึ้นจ้องสวี่ชิงเขม็ง

ที่ถูกสยบไม่ใช่แค่พวกมันเท่านั้น แต่ยังมีคนหนุ่มสาวที่อยู่ข้างหลังสวี่ชิงเหล่านั้นด้วย ทุกคนต่างหน้าซีดเผือดไปในทันที มองเงาข้างหลังสวี่ชิง ดวงตาของพวกเขาต่างหดเล็กลง

“เลือดลมรวมเป็นเงา!!”

“นี่…นี่คือ…นี่คือปรากฏการณ์ที่ฝึกกายาจนถึงระดับบริบูรณ์แล้วถึงจะปรากฏขึ้น!!”

ความตื่นตะลึงหวาดกลัวพุ่งพล่านในใจพวกเขาอย่างรุนแรง

แมงกะพรุนพวกนั้นสัมผัสถึงความเหี้ยมเกรียมของสวี่ชิงได้อย่างชัดเจน รวมกับพิษของเขาตอนนี้ออกฤทธิ์แล้ว ทำให้กลิ่นของเลือดตะขาบวงรอบบนร่างของคนทั้งหลายในหุบเขาสลายไป

ดังนั้นหลังจากที่ประจันหน้ากันอย่างตึงเครียด แมงกะพรุนพวกนั้นก็ถอยไปข้างหลังช้าๆ แล้วจากไปอย่างรวดเร็วตามปากทางเข้า

มองเงาแมงกะพรุนที่จากไป ในใจของสวี่ชิงก็โล่ง หมุนตัวกลับมามองกลุ่มเด็กหนุ่มสาวอย่างเย็นชา

จุดที่เขามองเป็นพิเศษคือบริเวณที่ผู้หญิงที่สวมถุงมือคนนั้นอยู่เมื่อก่อนหน้านี้

ไม่เห็นแล้ว

สวี่ชิงหรี่ตา

ในขณะเดียวกัน จากแววตาที่กวาดมองของเขา มีเด็กสาวหลายคนในกลุ่มกลัวจนร้องไห้ออกมา

สวี่ชิงในตอนนี้ดูแล้วรังสีอำมหิตรุนแรงจริงๆ

ทั้งร่างของเขาล้วนเป็นเลือดสีน้ำเงินใต้แสงจันทร์ ดวงตาเย็นเยียบทำให้เขาเหมือนเดินออกมาจากปรโลก เมื่อรวมกับเงาขุยข้างหลังแล้วก็ประดุจผีร้าย!

มีเพียงเด็กหนุ่มแซ่ไป่คนนั้นเพียงคนเดียว ตอนนี้ฝืนสะกดความเคารพกริ่งเกรงในใจลงไป มองสวี่ชิงพลางประสานมือ

“ข้าน้อยไป่อวิ๋นตง ขอบคุณสหายที่ให้ความช่วยเหลือ พวกข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณครั้งนี้อย่างแน่นอน!”

เหมือนว่าสังเกตเห็นถึงบริเวณที่สวี่ชิงมองเมื่อครู่ ไป่อวิ๋นตงก็สูดลมหายใจลึก เอ่ยอธิบาย

“คนที่ถูกส่งข้ามจากไปคือหลี่รั่วหลิน ตระกูลของนางเชี่ยวชาญด้านค่ายกล ดังนั้นของปกป้องชีวิตที่มอบให้นางจึงเป็นอักขระส่งข้าม สะดวกให้นางหลุดพ้นจากอันตรายได้ทุกเวลา”

“พวกเจ้าไม่มีหรือ” สวี่ชิงมองมายังไป่อวิ๋นตง

ไป๋อวิ๋นตงยิ้มขื่น คนหนุ่มสาวที่อยู่ข้างๆ เขาเหล่านั้นก็ต่างเงียบนิ่ง

“พวกเราแม้จะมาจากตระกูลใหญ่ของผืนอินทนิล แต่ก็ไม่ใช่สายเลือดสายตรง ภายนอกดูมีหน้ามีตาก็เท่านั้น”

สวี่ชิงพยักหน้า โยนกระบี่ในมือให้ไป่อวิ๋นตง ท่ามกลางคำขอบคุณจากคนหนุ่มสาวเหล่านั้น เขามองมายังไป่อวิ๋นตงแล้วพลันถามขึ้นว่า

“ปรมาจารย์ไป่เป็นอะไรกับเจ้า”

“เป็นปู่สามของข้า” ไป่อวิ๋นตงอึ้งไปครู่หนึ่ง หลังจากที่ตอบคำถามไปแล้วก็ถามกลับมา

“เจ้ารู้จักปู่สามของข้าหรือ”

สวี่ชิงมองเขาอย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง พยักหน้าไม่พูดอะไร หมุนตัวมองไปทางเข้าหุบเขา แล้วมองท้องฟ้า

“ที่นี่ไอพลังประหฃาดหนาแน่น อยู่นานไม่ได้ ข้าจะส่งพวกเจ้าออกไปจากที่นี่”

พูดจบสวี่ชิงก็เดินไปยังทางเข้าหุบเขา ไป่อวิ๋นตงลังเลเล็กน้อย แล้วตัดสินใจเดินตามไป คนหนุ่มสาวคนอื่นๆ ก็รู้จักประโยชน์รู้จักโทษ ต่างพากันเดินตาม

ดังนั้นแล้วเด็กหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งก็เดินออกไปจากหุบเขา มุ่งหน้าไปยังชายขอบของป่าอย่างรวดเร็วท่ามกลางเงาราตรี

แม้ยามเผชิญกับแมงกะพรุนพวกเขาจะสะบักสะบอม แต่ทุกคนล้วนมีพลังบำเพ็ญ หลังจากที่ผ่านความเป็นความตายครั้งนี้ สำหรับพวกเขาก็เป็นการลอกคราบครั้งหนึ่งเช่นกัน

ดังนั้นตลอดการเดินทางในความมืดนี้ น้อยนักที่จะมีคนพูด ต่างเดินไปข้างหน้าตามสวี่ชิงอย่างเงียบงัน

ต่อให้เด็กสาวหลายคนในนั้นกำลังกายอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง ก็ต่างกัดฟันฝืนอดทน คนกลุ่มหนึ่งก็เดินทางยามค่ำคืนไปเช่นนี้

ในที่สุดก็เป็นยามเช้า มองเห็นโลกนอกชายขอบป่าอยู่ไกลๆ

ความตื่นเต้นฮึกเหิมเป็นระลอกๆ พองยุบในใจพวกเขา ร่างกายที่เหนื่อยล้าก็เหมือนว่ามีพลังเหลือ ก็มีเสียงแหวกอากาศดังมาจากที่ไกลๆ

สวี่ชิงมองไปอย่างระแวดระวังทันที ก็ได้เห็นเงาร่างสามทางเคลื่อนมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็วทันใด

เป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ข้างกายเด็กหนุ่มสาวกลุ่มนั้นนี่เอง

การวิเคราะห์ของสวี่ชิงก่อนหน้านี้ไม่ผิดพลาด เป็นพวกเขาที่ล่อแมงกะพรุนตัวใหญ่ที่สุดพวกนั้นไป ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามีบาดเจ็บล้มตายเช่นกัน หลังจากที่มาถึงแล้วพวกเขาก็มองสวี่ชิงอย่างล้ำลึกแวบหนึ่งท่ามกลางคำบอกเล่าอย่างตื่นเต้นของเด็กหนุ่มสาวเหล่านั้น

สวี่ชิงระวังตัว รักษาระยะห่างกับพวกเขาในระดับหนึ่ง กำผงพิษเอาไว้ในมืออย่างไร้ร่องรอย

ผู้แข็งแกร่งทั้งสามคนนี้ไม่ได้เข้ามาใกล้สวี่ชิง แต่พยักหน้าให้กับเขา แล้วก็นำทางไปก่อน

แม้ที่นี่ดูเหมือนจะอยู่ไม่ไกลจากข้างนอกแล้ว แต่ก็ยังเป็นเวลาเกือบๆ จะเที่ยงตรง คนพวกนี้ถึงจะเดินออกไปได้

ยามเด็กหนุ่มสาวกลุ่มนั้นเดินพ้นออกไปจากป่า เสี้ยวพริบตาแรกที่เหยียบย่างยังโลกภายนอก คนทั้งหลายที่รอดตายจากคราวเคราะห์มาก็ไม่อาจสะกดกลั้นความตื้นตันในใจเอาไว้ได้ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ร้องไห้ออกมา

สวี่ชิงเดินออกมาเป็นคนสุดท้าย มองคนเหล่านี้ไกลๆ ไม่พูดอะไร

ไม่นานนัก เหล่าเด็กหนุ่มสาวที่มีไป่อวิ๋นตงเป็นหัวหน้าก็เดินมาถึงยังสวี่ชิงตรงนี้ หลังจากที่ประสานมือเอ่ยขอบคุณจากใจจริงแล้วก็ต่างบอกชื่อของตัวเอง

“พวกเราออกมาฝึกฝนครั้งนี้เป็นการคัดเลือกอย่างกะทันหัน ในตัวตอนนี้ไม่มีของมีค่าอะไรเท่าใดนัก ในเขตพื้นที่ต้องห้ามก็ใช้ไปหมดแล้ว อีกทั้งเนื่องจากในตัวของทุกคนไอพลังประหลาดเข้มข้น ต้องกลับไปยังผืนอินทนิลโดยค่ายกลส่งข้ามจากเมืองที่อยู่ใกล้ๆ โดยเร็วที่สุด บุญคุณไม่อาจลืม กระบี่เล่มนี้ขอมอบให้เจ้า”

ไป่อวิ๋นตงประสานมือก้มโค้งคารวะสุดตัว มอบกระบี่ของเขาเอาไว้ให้

สวี่ชิงมองพวกเขากลุ่มนี้จากไปไกล ถือกระบี่คมกริบเล่มนี้ขึ้นมา

กระบี่เล่มนี้ทั้งเล่มเป็นสีน้ำเงินดำ แผ่แสงเย็นเยือก แม้จะฆ่าแมงกะพรุนแปดเปื้อนไอพลังประหลาดไปมากมายแต่กลับไม่เสียหายแม้แต่น้อย ยามจ้องมองก็ยังสามารถสัมผัสถึงความเย็นยะเยือกของมันได้ นับว่าเป็นของยอดเยี่ยมในบรรดาของวิเศษทั้งหลาย

แม้จะยาวไปหน่อย สะดวกสู้กริชไม่ได้ แต่ก่อนหน้านี้สวี่ชิงก็นับว่าใช้ถนัดมืออยู่ ดังนั้นแล้วจึงใช้ผ้าป่านห่อเอาไว้ เก็บซ่อนความคมของมัน แล้วสะพายไว้ข้างหลัง

สวี่ชิงเมียงมองท้องฟ้า เดินไปยังฐานที่มั่น

เขาเตรียมกลับไปซื้อกริชอีกสักสองสามเล่ม จากนั้นรอผ่านไปอีกสองสามวัน รอให้แมงกะพรุนฝูงนั้นหายไปหมดแล้ว ค่อยไปที่เขตพื้นที่ต้องห้าม

เที่ยงตรงผ่านไป แสงอาทิตย์ยามบ่ายที่มาพร้อมความเอื่อยเฉื่อยสาดมายังโลก สวี่ชิงก็มาถึงฐานที่มั่น แต่เมื่อเข้าไปได้ไม่กี่ก้าว สวี่ชิงก็ขมวดคิ้ว เขาสัมผัสความไม่ค่อยชอบมาพากลในฐานที่มั่นได้

ในฐานที่มั่นมีคนแปลกหน้าเพิ่มขึ้นมาจำนวนหนึ่ง

และคนเก็บกวาดรอบๆ เมื่อเห็นว่าเขามาถึงสีหน้าก็ค่อนข้างแปลกประหลาด ในนั้นมีคนหนึ่งที่เขาช่วยเอาไว้ ยามที่เห็นสวี่ชิงอยากจะพูดอะไรแต่กลับกลืนคำพูดลงไป

แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ชี้ไปทางที่สวี่ชิงอาศัยอย่างลับๆ

สวี่ชิงใจหล่นวูบ ในขณะที่สังเกตรอบๆ ก็เพิ่มความเร็วของฝีเท้า

ในยามที่มาถึงที่พักอาศัยของตัวเอง เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่ารอบๆ มีดวงตามากมายจับจ้องมาที่ตนอย่างเย็นชา

เจ้าของดวงตาพวกนี้ดูจากเสื้อผ้าอาภรณ์แล้ว สวี่ชิงก็จำได้ทันทีว่าพวกเขาล้วนเป็นองครักษ์จวนหัวหน้าฐาน!

เจ้าหนวดปรกรากไทรที่เป็นสมุนของหัวหน้าฐานคนนั้นก็ยิ้มอย่างเย็นเยียบชั่วช้ามาให้เขาจากปากทางเข้าไม่ไกลนัก

สวี่ชิงหรี่ตา ผลักประตูเข้าไป ก็มองเห็นกางเขนนั่งสีหน้าซีดเผือดย่ำแย่อยู่ตรงนั้น และเขี้ยวหงส์ที่เหมือนว่าจะบาดเจ็บสาหัส อ่อนแอไร้กำลัง

เสี้ยวพริบตาที่สวี่ชิงเดินเข้ามา พวกเขาสองคนก็พลันมองมาที่เขาทันที

“เด็กน้อย…เกิดเรื่องกับหัวหน้าเหลยแล้ว” หลังจากที่เห็นสวี่ชิงเขาก็เอ่ยปากพูดด้วยเสียงต่ำทุ้ม มือขวาของกางเขนที่ทำแผลเอาไว้อย่างง่ายๆ ตอนนี้ยังคงสั่นสะท้าน ระหว่างพูดก็ไออย่างรุนแรง กระอักเลือดสดๆ ออกมา

ประโยคนี้ดังขึ้นในหูสวี่ชิงก็คล้ายว่าสายฟ้าฟาดเปรี้ยง ดังสะท้อนสนั่นหวั่นไหว หัวใจของของเขาตึงขึง ลมหายใจถี่กระชั้น

หัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างไม่อาจควบคุมได้ ร่างกายแข็งทื่อไปเล็กน้อย ลางสังหรณ์ถึงเรื่องร้ายผุดขึ้นมาทันทีแปรเปลี่ยนเป็นจิตสังหารที่เข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง น่าหวาดหวั่นเป็นที่สุดกลุ่มหนึ่งลอยออกมาจากร่างของสวี่ชิงอย่างไม่อาจควบคุมได้ อุณหภูมิรอบๆ เหมือนจะเย็นเยียบขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น” ท่ามกลางความเย็นเยียบนี้ เสียงที่เย็นยะเยือกเสียดกระดูกแฝงด้วยรอยสั่นสะท้าน ดังออกมาจากปากของสวี่ชิง

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท