ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 595 กระดูกขาว

ตอนที่ 595 กระดูกขาว

ฟ่านอิงที่อยู่ด้านข้างถึงกับตกตะลึงไปแล้ว

เดิมทีเขาคิดว่า สาวน้อยผู้นี้เพียงแต่พอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ว่าที่จริงก็มิได้เก่งกาจเป็นพิเศษแต่อย่างไร

แต่ว่าตอนนี้แม้แต่ตัวเขาก็ยังอดที่จะประหลาดใจไม่ได้เลย

นาง…..ใช้แค่ไม้เท้าด้ามหนึ่งก็สามารถฟาดผู้ที่มาจากแดนสวรรค์จนเกือบถึงตายได้เลย?

หากนับอายุดู ตอนนี้นางพึ่งจะอายุได้เพียงสิบแปดปีเท่านั้นกระมั้ง

สาวน้อยอายุสิบแปดที่เป็นเพียงคนธรรมดาผู้หนึ่ง …. ก็สามารถใช้ไม้คฑาด้านหนึ่งฟาดจนเอาชนะผู้ที่มาจากแดนสวรรค์ได้?

เมื่อครู่ก่อนหน้านี้ ฟ่านอิงยังรู้สึกกังวลใจแทนนางจนตาแทบจะถลนออกมา

สาวน้อยผู้นี้ยังแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้มากมายนัก

อีกด้านหนึ่ง ท่านเจ้าสำนักเองก็ร่อนลงมาจากบนท้องฟ้าเช่นกัน เขาพยายามฝืนอาการปวดศีรษะเอาไว้ ยืนอยู่ในจุดที่ไม่ห่างไกลเท่าไร

เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ศิษย์น้อยแข็งแกร่งไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลสักเท่าไร

ในสมองยังคงมีภาพต่างผุดขึ้นมาอยู่มิได้ขาด ทำเอาแม้แต่ลมหายใจของเขาก็ยังอ่อนล้าไปด้วย

ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อค่อยๆเปลี่ยนเป็นท่อนกระดูกขาวโพลนที่ปราศจากเนื้อหนังอีกครั้ง

ท่านเจ้าสำนักขมวดคิ้วมุ่น

เป็นอีกแล้ว……

ตอนที่เขาพึ่งจะปรากฏตัวขึ้นในดินแดนจิ่วโจว ในเกือบทุกๆคืน สองมือจะกลายเป็นกระดูกขาวโพลน อาการนี้ทำท่าเหมือนจะลุกลามไปจนทั่วร่าง

ต่อมา อาการที่แปลกประหลาดนี้ถูกเขาใช้พลังจิตวิญญาณที่แสนจะแข็งแกร่งสะกดเอาไว้

ที่จริงก็มิได้ปรากฏมาสามเดือนแล้ว แต่ตอนนี้เป็นเพราะว่าในสมองของเขาเกิดภาพต่างๆขึ้นมา มือจึงได้พลอยเกิดความเปลี่ยนแปลงไปด้วย

อาการที่กลายเป็นท่อนกระดูกขาวโพลน เริ่มจากหลังมือไล่ไปตามท่อนแขนและหัวไหล่อย่างช้าๆ

ขั้นตอนนี้ เหมือนกับมีมดนับหมื่อนับพันมารุมกัดกินเป็นอาหาร สร้างความเจ็บปวดถึงที่สุด

ท่านเจ้าสำนักได้แต่ทรุดตัวนั่งลง ใช้กำลังภายในกำหนดลมหายใจ

บนเกาะลอยฟ้า สายฟ้าไม่ได้ฝ่าลงมาอีกแล้ว ต้นไห่ถางจำนวนมากมายนับไม่ถ้วยล้วนถูกฉุดกระชากจนรากลอยออกมา ทั่วทั้งเกาะตกอยู่ในสภาพย่ำแย่

แต่ว่าตู๋กูซิงหลันก็ยังคงใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนอกของเยี่ยเฉินโดยไม่ยอมปล่อย

“พ่อ.พันธุ์.ม้า อย่าได้โทษว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้าละ ไหนลองบอกมาสิ ว่าเจ้าไปเกี่ยวข้องกับแดนสวรรค์ได้อย่างไร?”

“นังเดรัจฉาน เจ้าไปเอาสิ่งของประหลาดนี้มาจากที่ใดกัน หากว่าไม่มีไอ้ของผีสางนั่น เจ้าคิดหรือว่าด้วยฐานะที่ต่ำต้อยของเจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้?”

เยี่ยเฉินกัดฟันกรอดจดจ้องไปยังนางและไม้คฑาที่ดำมะเมื่อมในมือของนาง

ก้อนหน้านี้มันยังเป็นสีดำสนิท แต่เพราะว่าดูดซับเอาพลังในสามง่ามของเขาเข้าไป ตอนนี้จึงมีลายสีทองปรากฏขึ้นมา

แต่ว่าลายสีทองนี้ปรากฏขึ้นมาเพียงแวบเดียวก็จางหายไปอย่างราดเร็ว ดูแล้วไม่มีอะไรแตกต่างไปจากไม้คฑาธรรมดาด้ามหนึ่ง

เขานับว่าได้เรียนรู้แล้ว นังเดรัจฉานน้อยช่างมีวาสนาดีนัก

ก่อนหน้านี้กระโดดลงไปในหุบเหวไร้บึ้งก็ยังไม่ตาย แถมอยู่ๆก็กลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

และแม้แต่ดาบยักษ์เล่มนั้น ก็ยังสร้างขึ้นมาจากเขามังกรของพระบิดา

ใต้หล้านี้ทำไมถึงได้มีคนที่มีโชคดีมากขนาดนี้อยู่ด้วย ได้รับสิ่งของดีๆมากมาย แล้วยังจะไม่รู้จักพอ

แถมนางยังได้รับสิ่งที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าดาบยักษ์มาอีก

ทันทีที่เขาพูดออกมา ตู๋กูซิงหลันก็สวนกลับไปเต็มปากเต็มคำในทันที

“เรื่องที่สักแต่ใช้ปากพูดนั้น เจ้าจงมีให้มันน้อยๆจะดีกว่า” ตู๋กูซิงหลันเองก็เหลือบตามองดูไม้คฑาของตนเองครั้งหนึ่ง

ของสิ่งนี้สามารถดูดซับพลังและอาวุธของศัตรูได้ ถือว่าเป็นศาตราวุธสุดโกงอยู่แล้ว

ถึงแม้จะบอกว่าโกง แต่ก็มิใช่สิ่งที่ใครๆก็จะใช้งานได้เสียเมื่อไหร่?

ก่อนหน้านี้นางก็ยังเคยปล่อยให้พวกพี่ใหญ่ และหลี่กงกงทดลองดู แต่ว่าเมื่อสิ่งนี้อยู่ในมือของพวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับไม้เท้าขยะ ที่แสนจะไร้ประโยชน์

มีแต่เมื่ออยู่ในมือของนางเท่านั้น ถึงจะเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดที่สุด

เห็นได้ชัดเจนเลยว่านางนี่แหละที่ตัวประหลาดที่แท้จริง

โดนนางด่าสวนกลับไปเช่นนั้น เยี่ยเฉินถึงกับโง่งมไปแล้ว

ทั้งๆที่เขามาเดินทางมาอย่างอหังการ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้อเนถอนาถขนาดนี้?

ต่อให้ไม่มีพลังของสามง่าม แต่ว่าเขาก็ยังมีพลังในร่างของตนเองอยู่มิใช่หรือ?

คงมีแต่ผีเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างกายของเขาเหมือนกับถูกภูเขาลูกใหญ่ทั้งลูกทับเอาไว้ อยากขยับก็ขยับไม่ได้

พอเขาพยายามจะขยับปลายนิ้ว สายตาของตู๋กูซิงหลันก็กวาดผ่านไป

สตรีผู้นี้ทีพิษสงอย่างยิ่ง เพียงแค่กวาดตามมองผ่าน ข้อมือของเขาก็มีเสียงกรอบดังลั่นขึ้นมา ราวกับว่าอยู่ๆถูกหักไปเสียอย่างงั้น

เยี่ยเฉิงย่อมไม่รู้ตัวหรอกว่า ตู๋กูซิงหลันแอบใช้ยันต์กับร่างของเขา

ยันต์ผนึกภูผา

ความหมายก็ตรงตามชื่อ แม้แต่ภูเขายังโดนกำหราบได้ แล้วเยี่ยเฉินจะต้านทานได้อย่างไร แม้ว่าเขาก็เป็นบุตรของบิดาคนงาม แต่กลับไม่ได้รับถ่านทอดพลังใดๆมาเลย และถึงจะฝึกฝนมานานหลายพันปีแต่ส่วนใหญ่แล้วต้องพบกับอุปสรรค ติดขัดอยู่เสมอ

ตัวเขาในวันนี้ ก็เพียงแต่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อครึ่งปีก่อนเล็กน้อยเท่านั้น

เพียงเล็กน้อยจริงๆ

ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขามากมายก็คือหอกสามง่ามด้ามนั้น

ยามถืออยู่ในมือ แสงทองส่องสว่างระยิบระยับ แข็งแกร่งสุดยอดอหังการ เป็นยอดศาตราวุธที่หาได้ยาก

แต่ก็น่าเสียดาย ที่เยี่ยเฉินใช้ไม่เป็น

ในยามนี้ ตู๋กูซิงหลันรู้สึกได้อย่างชัดเจนไม้คฑาแห่งความมืดของนางกำลังเคลื่อนไหว

ความรู้สึกที่เหมือนกับเส้นชีพจรที่กำลังขยับเขยื้อนนั้นส่งผ่านจากฝ่ามือมาจนถึงหัวใจของนาง

ราวกับว่ามันสามารถเชื่อมโยงเข้ากับนางได้โดยธรรมชาติ

“เจ้าก็รู้ว่า คนอย่างข้าไม่ชอบวาจาไร้สาระ ฝีมือก็ร้ายกาจ ข้าถามอะไร เจ้าก็จงตอบมาแต่โดยดี”

ว่าแล้ว ตู๋กูซิงหลันก็ย่อตัวลง ในมือเพิ่มกริชอีกเล่มหนึ่ง

ที่จริงแล้วจนถึงวันนี้ นางก็ไม่เคยลืมความแค้นของชือหลีเลย

ดังนั้นทั้งเยี่ยอิง เยี่ยเฉินและหวาชางสุยทั้ง สามคน นางล้วนเกลียดชังจนเข้ากระดูก

เดิมทีเข้าใจว่าพวกเขาล้วนตายไปแล้ว เรื่องนี้จึงได้แต่ค้างคาไป

คิดไม่ถึงว่า เจ้า พ่อ.พันธุ์.ม้า ตัวนี้จะยังมีชีวิตอยู่ ในเมื่อมันกล้าส่งตัวเองมา แล้วจะปล่อยไว้ได้อย่างไร

ทันทีที่นางพูดจบ กริชในมือก็แทงเข้าไปในข้อเท้าของเขา

กริชเล่มนั้นแหลมคมมาก แค่แทงครั้งเดียวก็ลึกถึงกระดูก พอนางบิดข้อมือ ใช้กำลังเพียงเล็กน้อยก็สามารถตัดกระดูกข้อเท้าของเยี่ยเฉินได้แล้ว

ทำเอาแม้แต่เยี่ยเฉินที่เป็นบุรุษกำยำก็ยังไม่อาจต้านทานความเจ็บปวดนี้ได้

เขาทำเสียงฮึดฮัดอยู่ในคอ แต่ก็ยังไม่คิดจะยอมสยบต่อนาง

เขาคือไท่จื่อของเฝ่ามังกรทมิฬ ทั้งยังเป็นผู้ที่ใต้เท้าให้ความสำคัญ

ย่อมไม่มีทางยอมสยบอยู่ในมือของนังเดรัจฉานน้อย

ยิ่งไปกว่านั้น นางคือฆาตกรที่ฆ่าน้องสาว และฆ่ามารดาของเขา!

ตู๋กูซิงหลันเองก็ไม่รีบร้อน พอตัดเสร็จแล้ว ก็ค่อยย้ายไปยังข้อเท้าอีกข้างหนึ่ง

เร็วนั้นเร็ว โหดก็ถือว่าโหด แต่ว่าไม่ค่อยแม่นยำเท่าไร่

กริชนี้ที่แทงลงไป ข้อเท้าหลังของเยี่ยเฉินมีแต่เลือดท่วม

“อ้ายย่าห์ ไม่แม่นเลย ไม่เป็นไรไม่รีบ พวกเรามาลองอีกครั้ง”

ว่าแล้วนางก็แทงกริชลงไปอีกรอบ

ถึงจะบอกว่าไม่แม่น แต่ว่ากริชของนางกลับแทงลงไปในที่เดิมได้อย่างพอดิบพอดี

ปากแผลยิ่งทีก็ยิ่งขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ

“ต้องขอโทษจริงๆนะ แทงไม่แม่นอีกแล้ว พวกข้อมือข้อเท้าของเผ่ามังกรเนี่ย มันงอกไม่เหมือนคนอื่น หาจุดยาก ข้าต้องค่อยๆลองไปเรื่อยๆ”

นางยิ้มอย่างเย็นชา ราวกับนางมารที่ไร้หัวใจ

พอแทงลงไปเจ็ดแปดครั้ง เยี่ยเฉินก็ถึงกับหมดสภาพไปแล้ว

“ตู๋กูซิงหลัน ในโลกนี้มีกรรมตามสนอง ช้าเร็วเจ้าจะต้องได้รับผลตอบแทน!”

ตู๋กูซิงหลัน “อ้อ กรรมตามสนอง ก็กำลังสนองเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ?”

………………………

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท