ฟ่านอิงที่อยู่ด้านข้างถึงกับตกตะลึงไปแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่า สาวน้อยผู้นี้เพียงแต่พอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ว่าที่จริงก็มิได้เก่งกาจเป็นพิเศษแต่อย่างไร
แต่ว่าตอนนี้แม้แต่ตัวเขาก็ยังอดที่จะประหลาดใจไม่ได้เลย
นาง…..ใช้แค่ไม้เท้าด้ามหนึ่งก็สามารถฟาดผู้ที่มาจากแดนสวรรค์จนเกือบถึงตายได้เลย?
หากนับอายุดู ตอนนี้นางพึ่งจะอายุได้เพียงสิบแปดปีเท่านั้นกระมั้ง
สาวน้อยอายุสิบแปดที่เป็นเพียงคนธรรมดาผู้หนึ่ง …. ก็สามารถใช้ไม้คฑาด้านหนึ่งฟาดจนเอาชนะผู้ที่มาจากแดนสวรรค์ได้?
เมื่อครู่ก่อนหน้านี้ ฟ่านอิงยังรู้สึกกังวลใจแทนนางจนตาแทบจะถลนออกมา
สาวน้อยผู้นี้ยังแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้มากมายนัก
อีกด้านหนึ่ง ท่านเจ้าสำนักเองก็ร่อนลงมาจากบนท้องฟ้าเช่นกัน เขาพยายามฝืนอาการปวดศีรษะเอาไว้ ยืนอยู่ในจุดที่ไม่ห่างไกลเท่าไร
เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ศิษย์น้อยแข็งแกร่งไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลสักเท่าไร
ในสมองยังคงมีภาพต่างผุดขึ้นมาอยู่มิได้ขาด ทำเอาแม้แต่ลมหายใจของเขาก็ยังอ่อนล้าไปด้วย
ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อค่อยๆเปลี่ยนเป็นท่อนกระดูกขาวโพลนที่ปราศจากเนื้อหนังอีกครั้ง
ท่านเจ้าสำนักขมวดคิ้วมุ่น
เป็นอีกแล้ว……
ตอนที่เขาพึ่งจะปรากฏตัวขึ้นในดินแดนจิ่วโจว ในเกือบทุกๆคืน สองมือจะกลายเป็นกระดูกขาวโพลน อาการนี้ทำท่าเหมือนจะลุกลามไปจนทั่วร่าง
ต่อมา อาการที่แปลกประหลาดนี้ถูกเขาใช้พลังจิตวิญญาณที่แสนจะแข็งแกร่งสะกดเอาไว้
ที่จริงก็มิได้ปรากฏมาสามเดือนแล้ว แต่ตอนนี้เป็นเพราะว่าในสมองของเขาเกิดภาพต่างๆขึ้นมา มือจึงได้พลอยเกิดความเปลี่ยนแปลงไปด้วย
อาการที่กลายเป็นท่อนกระดูกขาวโพลน เริ่มจากหลังมือไล่ไปตามท่อนแขนและหัวไหล่อย่างช้าๆ
ขั้นตอนนี้ เหมือนกับมีมดนับหมื่อนับพันมารุมกัดกินเป็นอาหาร สร้างความเจ็บปวดถึงที่สุด
ท่านเจ้าสำนักได้แต่ทรุดตัวนั่งลง ใช้กำลังภายในกำหนดลมหายใจ
บนเกาะลอยฟ้า สายฟ้าไม่ได้ฝ่าลงมาอีกแล้ว ต้นไห่ถางจำนวนมากมายนับไม่ถ้วยล้วนถูกฉุดกระชากจนรากลอยออกมา ทั่วทั้งเกาะตกอยู่ในสภาพย่ำแย่
แต่ว่าตู๋กูซิงหลันก็ยังคงใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนอกของเยี่ยเฉินโดยไม่ยอมปล่อย
“พ่อ.พันธุ์.ม้า อย่าได้โทษว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้าละ ไหนลองบอกมาสิ ว่าเจ้าไปเกี่ยวข้องกับแดนสวรรค์ได้อย่างไร?”
“นังเดรัจฉาน เจ้าไปเอาสิ่งของประหลาดนี้มาจากที่ใดกัน หากว่าไม่มีไอ้ของผีสางนั่น เจ้าคิดหรือว่าด้วยฐานะที่ต่ำต้อยของเจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้?”
เยี่ยเฉินกัดฟันกรอดจดจ้องไปยังนางและไม้คฑาที่ดำมะเมื่อมในมือของนาง
ก้อนหน้านี้มันยังเป็นสีดำสนิท แต่เพราะว่าดูดซับเอาพลังในสามง่ามของเขาเข้าไป ตอนนี้จึงมีลายสีทองปรากฏขึ้นมา
แต่ว่าลายสีทองนี้ปรากฏขึ้นมาเพียงแวบเดียวก็จางหายไปอย่างราดเร็ว ดูแล้วไม่มีอะไรแตกต่างไปจากไม้คฑาธรรมดาด้ามหนึ่ง
เขานับว่าได้เรียนรู้แล้ว นังเดรัจฉานน้อยช่างมีวาสนาดีนัก
ก่อนหน้านี้กระโดดลงไปในหุบเหวไร้บึ้งก็ยังไม่ตาย แถมอยู่ๆก็กลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
และแม้แต่ดาบยักษ์เล่มนั้น ก็ยังสร้างขึ้นมาจากเขามังกรของพระบิดา
ใต้หล้านี้ทำไมถึงได้มีคนที่มีโชคดีมากขนาดนี้อยู่ด้วย ได้รับสิ่งของดีๆมากมาย แล้วยังจะไม่รู้จักพอ
แถมนางยังได้รับสิ่งที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าดาบยักษ์มาอีก
ทันทีที่เขาพูดออกมา ตู๋กูซิงหลันก็สวนกลับไปเต็มปากเต็มคำในทันที
“เรื่องที่สักแต่ใช้ปากพูดนั้น เจ้าจงมีให้มันน้อยๆจะดีกว่า” ตู๋กูซิงหลันเองก็เหลือบตามองดูไม้คฑาของตนเองครั้งหนึ่ง
ของสิ่งนี้สามารถดูดซับพลังและอาวุธของศัตรูได้ ถือว่าเป็นศาตราวุธสุดโกงอยู่แล้ว
ถึงแม้จะบอกว่าโกง แต่ก็มิใช่สิ่งที่ใครๆก็จะใช้งานได้เสียเมื่อไหร่?
ก่อนหน้านี้นางก็ยังเคยปล่อยให้พวกพี่ใหญ่ และหลี่กงกงทดลองดู แต่ว่าเมื่อสิ่งนี้อยู่ในมือของพวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับไม้เท้าขยะ ที่แสนจะไร้ประโยชน์
มีแต่เมื่ออยู่ในมือของนางเท่านั้น ถึงจะเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดที่สุด
เห็นได้ชัดเจนเลยว่านางนี่แหละที่ตัวประหลาดที่แท้จริง
โดนนางด่าสวนกลับไปเช่นนั้น เยี่ยเฉินถึงกับโง่งมไปแล้ว
ทั้งๆที่เขามาเดินทางมาอย่างอหังการ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้อเนถอนาถขนาดนี้?
ต่อให้ไม่มีพลังของสามง่าม แต่ว่าเขาก็ยังมีพลังในร่างของตนเองอยู่มิใช่หรือ?
คงมีแต่ผีเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างกายของเขาเหมือนกับถูกภูเขาลูกใหญ่ทั้งลูกทับเอาไว้ อยากขยับก็ขยับไม่ได้
พอเขาพยายามจะขยับปลายนิ้ว สายตาของตู๋กูซิงหลันก็กวาดผ่านไป
สตรีผู้นี้ทีพิษสงอย่างยิ่ง เพียงแค่กวาดตามมองผ่าน ข้อมือของเขาก็มีเสียงกรอบดังลั่นขึ้นมา ราวกับว่าอยู่ๆถูกหักไปเสียอย่างงั้น
เยี่ยเฉิงย่อมไม่รู้ตัวหรอกว่า ตู๋กูซิงหลันแอบใช้ยันต์กับร่างของเขา
ยันต์ผนึกภูผา
ความหมายก็ตรงตามชื่อ แม้แต่ภูเขายังโดนกำหราบได้ แล้วเยี่ยเฉินจะต้านทานได้อย่างไร แม้ว่าเขาก็เป็นบุตรของบิดาคนงาม แต่กลับไม่ได้รับถ่านทอดพลังใดๆมาเลย และถึงจะฝึกฝนมานานหลายพันปีแต่ส่วนใหญ่แล้วต้องพบกับอุปสรรค ติดขัดอยู่เสมอ
ตัวเขาในวันนี้ ก็เพียงแต่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อครึ่งปีก่อนเล็กน้อยเท่านั้น
เพียงเล็กน้อยจริงๆ
ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขามากมายก็คือหอกสามง่ามด้ามนั้น
ยามถืออยู่ในมือ แสงทองส่องสว่างระยิบระยับ แข็งแกร่งสุดยอดอหังการ เป็นยอดศาตราวุธที่หาได้ยาก
แต่ก็น่าเสียดาย ที่เยี่ยเฉินใช้ไม่เป็น
ในยามนี้ ตู๋กูซิงหลันรู้สึกได้อย่างชัดเจนไม้คฑาแห่งความมืดของนางกำลังเคลื่อนไหว
ความรู้สึกที่เหมือนกับเส้นชีพจรที่กำลังขยับเขยื้อนนั้นส่งผ่านจากฝ่ามือมาจนถึงหัวใจของนาง
ราวกับว่ามันสามารถเชื่อมโยงเข้ากับนางได้โดยธรรมชาติ
“เจ้าก็รู้ว่า คนอย่างข้าไม่ชอบวาจาไร้สาระ ฝีมือก็ร้ายกาจ ข้าถามอะไร เจ้าก็จงตอบมาแต่โดยดี”
ว่าแล้ว ตู๋กูซิงหลันก็ย่อตัวลง ในมือเพิ่มกริชอีกเล่มหนึ่ง
ที่จริงแล้วจนถึงวันนี้ นางก็ไม่เคยลืมความแค้นของชือหลีเลย
ดังนั้นทั้งเยี่ยอิง เยี่ยเฉินและหวาชางสุยทั้ง สามคน นางล้วนเกลียดชังจนเข้ากระดูก
เดิมทีเข้าใจว่าพวกเขาล้วนตายไปแล้ว เรื่องนี้จึงได้แต่ค้างคาไป
คิดไม่ถึงว่า เจ้า พ่อ.พันธุ์.ม้า ตัวนี้จะยังมีชีวิตอยู่ ในเมื่อมันกล้าส่งตัวเองมา แล้วจะปล่อยไว้ได้อย่างไร
ทันทีที่นางพูดจบ กริชในมือก็แทงเข้าไปในข้อเท้าของเขา
กริชเล่มนั้นแหลมคมมาก แค่แทงครั้งเดียวก็ลึกถึงกระดูก พอนางบิดข้อมือ ใช้กำลังเพียงเล็กน้อยก็สามารถตัดกระดูกข้อเท้าของเยี่ยเฉินได้แล้ว
ทำเอาแม้แต่เยี่ยเฉินที่เป็นบุรุษกำยำก็ยังไม่อาจต้านทานความเจ็บปวดนี้ได้
เขาทำเสียงฮึดฮัดอยู่ในคอ แต่ก็ยังไม่คิดจะยอมสยบต่อนาง
เขาคือไท่จื่อของเฝ่ามังกรทมิฬ ทั้งยังเป็นผู้ที่ใต้เท้าให้ความสำคัญ
ย่อมไม่มีทางยอมสยบอยู่ในมือของนังเดรัจฉานน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น นางคือฆาตกรที่ฆ่าน้องสาว และฆ่ามารดาของเขา!
ตู๋กูซิงหลันเองก็ไม่รีบร้อน พอตัดเสร็จแล้ว ก็ค่อยย้ายไปยังข้อเท้าอีกข้างหนึ่ง
เร็วนั้นเร็ว โหดก็ถือว่าโหด แต่ว่าไม่ค่อยแม่นยำเท่าไร่
กริชนี้ที่แทงลงไป ข้อเท้าหลังของเยี่ยเฉินมีแต่เลือดท่วม
“อ้ายย่าห์ ไม่แม่นเลย ไม่เป็นไรไม่รีบ พวกเรามาลองอีกครั้ง”
ว่าแล้วนางก็แทงกริชลงไปอีกรอบ
ถึงจะบอกว่าไม่แม่น แต่ว่ากริชของนางกลับแทงลงไปในที่เดิมได้อย่างพอดิบพอดี
ปากแผลยิ่งทีก็ยิ่งขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ
“ต้องขอโทษจริงๆนะ แทงไม่แม่นอีกแล้ว พวกข้อมือข้อเท้าของเผ่ามังกรเนี่ย มันงอกไม่เหมือนคนอื่น หาจุดยาก ข้าต้องค่อยๆลองไปเรื่อยๆ”
นางยิ้มอย่างเย็นชา ราวกับนางมารที่ไร้หัวใจ
พอแทงลงไปเจ็ดแปดครั้ง เยี่ยเฉินก็ถึงกับหมดสภาพไปแล้ว
“ตู๋กูซิงหลัน ในโลกนี้มีกรรมตามสนอง ช้าเร็วเจ้าจะต้องได้รับผลตอบแทน!”
ตู๋กูซิงหลัน “อ้อ กรรมตามสนอง ก็กำลังสนองเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ?”
………………………