บทที่ 58 เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัย
บทที่ 58 เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัย
ถังซวงยิ้มเมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น และพูดว่า “ชุนหยาน บางทีเธออาจเข้าใจผิดก็ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่ถังซวง และเห็นว่ามีรอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมปากของเธอ เขาก็อดหัวเราะไม่ได้ เด็กสาวตัวเล็กคนนี้พูดเช่นนั้น คงมีความตั้งใจบางอย่างแอบซ่อนอยู่เป็นแน่
เดิมทีถังเซวี่ยมีความสุขที่ได้ชมเหตุการณ์เช่นนี้ แต่หลังจากได้ยินคำพูดของพี่สาว เธอก็รู้สึกงุนงงเหมือนกัน แต่ตอนนี้เธอเชื่อถังซวงอย่างไม่มีเงื่อนไข ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าและเห็นด้วย “พี่รอง บางทีพี่อาจเข้าใจผิดจริง ๆ ก็ได้ เอาล่ะ ในเมื่อเรามาส่งแล้ว งั้นเรากลับก่อนนะ”
หลังจากที่ถังซวงได้ยินคำพูดของถังเซวี่ย เธอก็หัวเราะในใจ สาวน้อยคนนี้ช่างมีไหวพริบจริง ๆ
“ใช่ ชุนหยาน เรากลับกันก่อนนะ”
เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะจากไป ถังชุนหยานรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย “ทำไมพวกเธอรีบกลับนักล่ะ อยู่กินอะไรด้วยกันก่อนสิ”
ถังซวงส่ายหัวทันทีและพูดว่า “ไม่ต้องหรอก ไปกันเถอะ” ขณะที่พูดนั้น เธอก็พาถังเซวี่ยและโม่เจ๋อหยวนออกไปจากบ้านตระกูลถัง แต่พวกเขาไม่ได้กลับไปทันที แต่ไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านถังเยว่หมินแทน มอบขนมอบและขนมหวานให้เขา ถังเยว่หมินเห็นว่าสองพี่น้องสุภาพมากเกินไป ดังนั้นจึงรีบปฏิเสธ “ถังซวง คราวหน้ามาที่นี่ไม่ต้องเอาของพวกนี้มาแล้วนะ”
“คุณลุงคะ นี่เป็นของเสี่ยวซือโถวนะ ลุงจะปฏิเสธไม่ได้”
เมื่อเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของถังซวง ถังเยว่หมินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
หวังฮุ่ยเฟิน ภรรยาของถังเยว่หมินเตรียมผักบางอย่างเพื่อให้ถังซวงนำกลับไปด้วย “ผักพวกนี้ฉันปลูกเองที่บ้าน มันอาจไม่มีค่าอะไรมาก อย่าถือสาเลยนะ”
“ป้าหวังคะ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ขอบคุณมากนะคะ”
“โถ ๆ… เธอจะมาขอบคุณอะไรกัน ฉันเองก็อยากจะขอบคุณเธอเหมือนกันนะที่ซื้อของมาให้เสี่ยวซือโถว”
ในตอนแรกเธอไม่พอใจมากที่สามีของเธอให้เงินกับเฮ่อหลานยืมไป แต่เธอไม่คาดคิดว่าพวกเขาไม่เพียงจ่ายเงินคืนตรงเวลาเท่านั้น แต่ทุกครั้งที่มาเยี่ยม พวกเขาก็ไม่เคยมามือเปล่า ตอนนี้เมื่อเธอเห็นถังซวง เธอก็รู้สึกยินดีทุกครั้ง เธอจับมือคนพี่และถามไถ่พวกเขาเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาในหมู่บ้านเถาฮวาตลอด
“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงค่ะคุณป้า ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
“ดีแล้ว ๆ”
หวังฮุ่ยเฟินอดไม่ได้ที่จะมองไปที่โม่เจ๋อหยวนและถามว่า “ชายหนุ่มคนนี้หน้าตาดีจริง ๆ เขาเป็นเพื่อนของเธอหรือ?”
“ใช่ค่ะ นี่คือเพื่อนของเรา โม่เจ๋อหยวนค่ะ”
เมื่อเห็นว่าถังซวงไม่ได้พูดอะไรมาก หวังฮุ่ยเฟินก็ไม่ได้ถามคำถามใด ๆ อีก พวกเขาคุยกันอยู่พักหนึ่ง แล้วถังซวงและคนอื่น ๆ ก็กลับไป
หลังจากที่สองพี่น้องและโม่เจ๋อหยวนกลับไปที่หมู่บ้านเถาฮวา พวกเขาพบว่าชาวบ้านมองพวกเขาอย่างแปลก ๆ ป้าหวงทักทายพวกเขา เธอกวักมือเรียกและพูดว่า “ซวงเอ๋อร์มีแขกมาที่บ้านของเธอน่ะ ขับรถมาด้วยนะ รีบกลับไปดูเถอะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงเลิกคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แล้วเดาว่าน่าจะเป็นจิงเจ้อหรง
เมื่อพวกเขาทั้งสามกลับถึงบ้าน ก็เห็นว่าเป็นจิงเจ้อหรงจริงๆ
เมื่อเห็นทั้งสามกลับมา เฮ่อหลานรีบโบกมือให้พวกเขาและพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย พวกลูกกลับมาทันเวลาพอดี คุณจิงมาที่นี่เพื่อบอกลูกเกี่ยวกับพวกค้ามนุษย์โดยเฉพาะน่ะ”
“คุณจิง สวัสดีค่ะ/ครับ”
สองสาวและโม่เจ๋อหยวนทักทายจิงเจ้อหรง
จิงเจ้อหรงโบกมือให้พวกเขาอย่างรีบร้อนและพูดว่า “นั่งลงเถอะ ๆ” เมื่อเขาเห็นโม่เจ๋อหยวนที่ตามมาข้างหลัง เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “เจ๋อหยวน เราพบกันอีกแล้วนะ ครั้งก่อนฉันรีบและยุ่งมากจนไม่มีเวลาคุยกับเธอเลย”
“ลุงจิง ขอบคุณที่ช่วยหาคนมาช่วยนะครับ”
“เธอไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ในตอนนั้นฉันไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไหร่เลย”
เฮ่อหลานมองไปที่จิงเจ้อหรงและโม่เจ๋อหยวนอย่างสงสัยและถามว่า “ทั้งสองคนรู้จักกันหรือคะ?”
จิงเจ้อหรงพยักหน้าโดยตรงและพูดว่า “ใช่ เราทั้งคู่มาจากเมืองหลวง ดังนั้นผมจึงรู้จักเจ๋อหยวนน่ะครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานก็พยักหน้า “ไม่น่าแปลกใจเลย”
ถังซวงไม่ได้ถามอะไรมาก แต่พูดคุยเกี่ยวกับกลุ่มผู้ค้ามนุษย์ “คุณจิงคะ คนพวกนั้นถูกจับหมดแล้ว ฉันได้ยินจากลุงซุนว่าพวกเขามีสายอื่นอีกหลายสายเลย”
“วางใจได้ รายชื่อส่วนใหญ่ เราได้จากคนพวกนั้นแล้ว และคนพวกนั้นจะถูกจับได้ในไม่ช้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็รู้สึกโล่งใจ
แต่แล้วจิงเจ้อหรงก็พูดถึงเอ้อไหลจื่อ
“เอ้อไหลจื่อในหมู่บ้านหลู่ฮวารู้จักต้วนหยงหนึ่งในแก๊งค้ามนุษย์ และช่วยคนเหล่านั้นล่อลวงเด็กผู้หญิงสองสามคนจากในหมู่บ้าน และหมู่บ้านใกล้เคียงไปส่งให้พวกค้ามนุษย์ เขาใช้ประโยชน์จากพวกค้ามนุษย์ และตอนนี้เอ้อไหลจื่อถูกควบคุมตัวแล้ว”
“อะไรนะ…”
เฮ่อหลานรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยิน “ไอ้สารเลวนั่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์จริง ๆ หรือคะ”
เมื่อคิดว่าพวกเขาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับบุคคลอันตรายเช่นนี้ เธอก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา โชคดีที่ลูกสาวทั้งสองของเธอปลอดภัย ไม่เช่นนั้นเธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเลย
เมื่อถังซวงได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเธอก็เย็นชาขึ้น
“มีเด็กผู้หญิงถูกหลอกไปกี่คนหรือ?”
“สี่คน”
“แล้วทำไมเรื่องถึงเพิ่งแดงขึ้นมาล่ะคะ?”
จิงเจ้อหรงถอนหายใจและพูดว่า “เพราะเด็กผู้หญิงที่ถูกหลอกยังเด็กมาก ครอบครัวของพวกเธอจึงคิดว่าพวกเธอหลงทางจนหายไป แต่จริง ๆ แล้วพวกเธอถูกหลอก”
ในฐานะแม่ เฮ่อหลานรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียลูกไป เมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ เธอรีบถามว่า “ถ้าอย่างนั้นเด็ก ๆ จะได้กลับบ้านไหมคะ?”
“เรากำลังดำเนินการอยู่ครับ”
ถังซวงคิดไม่ถึงว่าเอ้อไหลจื่อจะลงมือไปมากมายโดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอพูดด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด “เราต้องจัดการกับคนเหล่านี้ขั้นเด็ดขาด”
“แน่นอน”
จิงเจ้อหรงพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นพูดว่า “วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อจะถามเธอ เราพบว่าเอ้อไหลจื่อมีความสัมพันธ์กับแม่ม่ายหลิว แต่เขาเองก็ปฏิเสธที่จะยอมรับ และหลังจากที่เราตรวจสอบ เราพบว่าแม่ม่ายหลิวไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับกลุ่มค้ามนุษย์ แต่อาจมีบางอย่างที่เรายังสืบไม่พบก็ได้ ดังนั้นฉันจึงมาที่นี่และถามเธอก่อนน่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงมองไปที่จิงเจ้อหรงด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “คุณจิงคะ เราไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องของแม่ม่ายหลิวและเอ้อไหลจื่อเลยค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิงเจ้อหรงมองถังซวงอย่างว่างเปล่า จากนั้นเขายิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ งั้นเราคงต้องตรวจสอบกันต่อไป”
ในตอนท้าย จิงเจ้อหรงมองไปที่เฮ่อหลานและพูดว่า “คุณเฮ่อครับ วันนี้ผมมาที่นี่เพื่อดูด้วยว่าอาการบาดเจ็บของคุณเป็นยังไงบ้าง หากมีอะไรผิดปกติ คุณบอกผมได้ทันทีนะครับ ผมจะพาคุณไปส่งที่โรงพยาบาลเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ ๆ อาการบาดเจ็บเล็กน้อยนี้ เดี๋ยวก็หายแล้วค่ะ”
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานสบายดี จิงเจ้อหรงก็ไม่ได้ถามไถ่อะไรเธออีก และหลังจากพูดอีกสองสามคำ เขาก็จากไป
ในวันรุ่งขึ้นข่าวลือเกี่ยวกับการสมรู้ร่วมคิดระหว่างเอ้อไหลจื่อและกลุ่มค้ามนุษย์แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านใกล้เคียง ในขณะเดียวกันสิ่งที่เขาทำก็แพร่กระจายไปด้วย ทุกคนต่างต่อว่าเอ้อไหลจื่อ และมีข่าวลือว่าเอ้อไหลจื่อกับแม่ม่ายหลิวคบชู้สู่ชาย
เมื่อถังเจี้ยนกั๋วได้ยินเรื่องนี้ ในใจของเขาก็มีเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยงอกเงยขึ้นอีกครั้งหนึ่ง