บทที่ 72 จวงเหวินเหอ(รีไรท์)
บทที่ 72 จวงเหวินเหอ(รีไรท์)
ในตอนกลางคืน ถังซวงวาดภาพอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะหยุด ทำให้เธอตื่นสายในวันรุ่งขึ้น
“พี่สาว แม่เข้าตำบลไปแล้วนะ โชคดีที่ที่บ้านยังมีของอยู่ เพราะอย่างนั้นวันนี้เราไม่ต้องไปซื้อของนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ถังซวงก็พยักหน้าให้น้องสาวทันที “ตกลง”
“พี่สาว ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนสิ เดี๋ยวฉันไปเตรียมอาหารเช้าให้”
หลังจากถังซวงล้างหน้า เธอก็เห็นว่าโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารเช้ามากมาย ได้แก่ โจ๊ก ไข่ทอด แป้งทอดต้นหอม และซาลาเปา “เสี่ยวเซวี่ย เธอไม่ได้ทำทั้งหมดนี้เองหรอกใช่ไหม? นี่เธอตื่นตั้งแต่กี่โมงน่ะ?”
“พี่คะ แม่ทำโจ๊กและซาลาเปานึ่งไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ฉันแค่ทอดไข่และทอดแป้งทอดต้นหอมเองค่ะ เรารีบกินกันเถอะ”
ถังซวงไม่ได้พูดอะไรอีกและเริ่มทานอาหารเช้ากับถังเซวี่ย หลังทานเสร็จสองพี่น้องก็อ่านหนังสือด้วยกันสักพัก จากนั้นพวกเธอก็ยุ่งกับการทำอาหารกลางวันต่อ เพื่อรอเวลาที่หลี่จงอี้กับโม่เจ๋อหยวนจะมากินข้าวด้วยกันที่นี่
แต่ตอนเที่ยงกลับมีเพียงหลี่จงอี้เท่านั้นที่มา
“คุณปู่คะ พี่โม่อยู่ไหนหรือคะ?”
เมื่อเห็นหลี่จงอี้มาคนเดียว ถังซวงก็เต็มไปด้วยความสงสัย
หลี่จงอี้ก็พูดอย่างหมดหนทางว่า “ตั้งแต่กลับไปเมื่อวานนี้ เสี่ยวโม่ก็ยุ่งอยู่กับการค้นคว้าเครื่องจักรของเขาน่ะ ช่วงนี้เขาน่าจะยุ่งอีกนานเลย ไม่สนใจแม้แต่จะกินข้าวด้วย เดี๋ยวฉันขอเอากลับไปให้เขาหลังจากที่กินเสร็จหน่อยนะ” เขาหยิบกล่องอาหารกลางวันอลูมิเนียมออกมา “ดูสิ ฉันเอากล่องข้าวมาด้วย”
“คุณปู่มากินข้าวก่อนเถอะค่ะ”
ถังซวงไม่คาดคิดว่าโม่เจ๋อหยวนจะอดหลับอดนอนขนาดนั้น “หลังจากที่คุณปู่กลับไปแล้ว คุณปู่ต้องดูให้เขากินข้าวนะคะ อย่าอดอาหารจนเสียสุขภาพเพื่อการวิจัยเลยค่ะ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะบังคับให้เขากินแน่นอน”
หลี่จงอี้พูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากกินเสร็จ เขาก็เอาอาหารกลับไป
“เสี่ยวเซวี่ย ฉันจะเข้าตำบลตอนบ่ายนะ เธออยู่บ้านอ่านหนังสือเองได้ไหม?” หลังจากซื้อบ้านไป ถังซวงก็เสียเงินไปมาก เธอจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยเอาซะเลย ดังนั้นเด็ดสาวจึงวางแผนที่จะขายของบางอย่าง
ถังเซวี่ยได้ยินพี่สาวพูดก็ส่ายหัวทันทีและพูดว่า “พี่สาว ฉันอยู่เองได้ พี่ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ”
“ตกลง พอฉันออกไปแล้ว อย่าลืมปิดประตูให้ดีด้วยนะ”
“อื้ม”
ถังเซวี่ยตอบรับอย่างเชื่อฟัง
แต่ก่อนจะไป ถังซวงได้ทิ้งขวดเครื่องลายครามขนาดเล็กสองขวดให้กับถังเซวี่ย
“ผงยาในขวดกระเบื้องสีขาวนี้สามารถทำให้ผู้ใหญ่มึนงงได้ หากเธอโรยมันใส่พวกเขา ส่วนขวดกระเบื้องเคลือบสีเขียวมียาแก้พิษอยู่ เธอเก็บไว้เพื่อป้องกันตัวนะ เมื่อฉันว่างแล้วฉันจะทำเพิ่มให้ เอาไว้ป้องกันตัว”
ถังเซวี่ยรับมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ขอบคุณค่ะพี่สาว” เธอไม่คาดคิดเลยว่าพี่สาวของเธอทำสิ่งนี้ได้ด้วย
เมื่อเห็นว่าถังเซวี่ยปิดประตูและหน้าต่างแล้ว ถังซวงก็ออกไปอย่างสบายใจ เธอปลอมตัวและไปหาเฉินกวงหยางอย่างที่เคยทำ
เมื่อเฉินกวงหยางเห็นถังซวง เขาก็น้ำตาไหลด้วยความปีติ “สาวน้อยของฉัน เธอมาแล้ว รู้ไหมว่าฉันพยายามตามหาเธอมากแค่ไหน ทำไมเธอไม่ทิ้งที่อยู่ติดต่อไว้ให้ฉันเลยล่ะ?”
เมื่อได้ยิน ถังซวงเหลือบมองไปที่เฉินกวงหยางและถามว่า “คุณต้องการอะไรจากฉัน?”
“มีคนต้องการพบเธอน่ะ”
“พบฉันหรือ? ใครกัน?”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ระแวดระวังของถังซวง เฉินกวงหยางรีบพูดทันที “อย่ากังวลไปเลย เขาเป็นเพียงชายชราที่ต้องการพบเธอเท่านั้นเอง”
“ทำไมต้องอยากเจอฉันด้วย?”
ถังซวงถามต่อและมองไปที่เฉินกวงหยางด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
เฉินกวงหยางไม่ตอบอะไร แต่หยิบกล่องไม้กล่องหนึ่งออกมา “เปิดดูสิ”
ถังซวงขมวดคิ้วเมื่อเธอได้ยิน และก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย เฉินกวงหยางขายยาชนิดไหนออกไปกัน
เมื่อเฉินกวงหยางเห็นใบหน้าที่ระแวดระวังของถังซวง เขาก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เธอจำยาเพื่อสุขภาพที่เธอเคยขายก่อนหน้านี้ได้ไหม?”
“แน่นอน ฉันจำได้”
ในเวลานั้น หลังจากผลิตยาเม็ดเพื่อสุขภาพแล้ว สามแม่ลูกก็แบ่งไว้กินแค่พอประมาณเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงขายยาที่เหลือออกไปและขายได้เงินเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ขายอีกเลย
“ชายชราคนนี้เขาซื้อยาเม็ดเพื่อสุขภาพไป เขาพบว่ายาของเธอมีประสิทธิภาพมาก ดีกว่ายาเม็ดเพื่อสุขภาพทั่วไป ดังนั้นเขาจึงต้องการพบเธอน่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงส่ายหัวของเธอทันทีและพูดว่า “ถ้าชายชราคนนั้นคิดว่ามันดี ก็ดีแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่เราต้องพบกัน”
เฉินกวงหยางรู้ว่าถังซวงระวังตัวมาก ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมเธอได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำเหมือนกัน ชายหนุ่มเปิดกล่องไม้อย่างเรียบง่ายและพูดว่า “เธอดูนี่ก่อน”
ถังซวงมองดูมันหลังจากได้ยินคำพูดนั้น และเลิกคิ้ว เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่อง
“นี่คือบัวหิมะเทียนซานนี่”
“ใช่ ชายชราคนนั้นขอให้ฉันมอบให้เธอ”
“ให้ฉัน?”
ถังซวงไม่อยากเชื่อเลย บนโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ เด็กสาวไม่คิดว่าคนที่เธอไม่เคยพบมาก่อนจะให้ของล้ำค่าแก่เธอได้
เมื่อเห็นถังซวงไม่เต็มใจรับ เฉินกวงหยางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดว่า “เอาล่ะ ฉันไม่อยากจัดการเรื่องไร้สาระนี่อีกแล้ว ให้ฉันพูดตรง ๆ เลยนะ ชายชราคนนี้ชื่อจวงเหวินเหอ ไม่รู้ว่าเธอเคยได้ยินชื่อเขาไหม”
“จวงเหวินเหอ?”
ถังซวงส่ายหน้าทันที “ไม่”
“ถ้าอย่างนั้นเธอเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลจวงในเมืองหลวงไหม? ในอดีตมีแพทย์ของราชวงศ์หลายคนที่ขึ้นตรงกับขุนนางระดับสูงน่ะ” ในตอนท้าย เสียงของเฉินกวงหยางก็แผ่วเบามาก ท้ายที่สุดการแพทย์แผนจีนก็ถูกระงับอย่างรุนแรงในตอนนี้ ไม่มีใครกล้าพูดว่าพวกเขารู้จักการแพทย์แผนจีน
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินกวงหยาง ถังซวงก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
แน่นอนว่าเธอเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลจวงในเมืองหลวง พวกเขาเป็นตระกูลแพทย์ที่มีชื่อเสียง และทุกคนก็ให้ความเคารพตระกูลจวงมาก หากคุณสามารถผูกมิตรกับแพทย์ที่มีชื่อเสียงได้ มันอาจจะช่วยชีวิตคุณได้เมื่อถึงจุดหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นตั้งแต่สิบปีก่อน ตระกูลจวงก็ประสบปัญหาหนักมาก ไม่รุ่งเรืองเหมือนที่เคยเป็นอีกต่อไป พวกเขาตกต่ำไปนานแล้ว
“งั้น… ชายชราคนนั้นมาจากตระกูลจวง ตัวเขาเองก็เข้าใจหลักการแพทย์ หลังจากที่ได้เห็นยาของฉัน เขารู้สึกว่าผลที่ได้ออกมาดีมาก ดังนั้นเขาจึงอยากพบฉัน?”
“ใช่”
เฉินกวงหยางพยักหน้าทันทีแล้วพูดว่า “ผู้เฒ่าจวงกล่าวว่า ถ้าเธอสามารถเขียนใบสั่งยาที่ใช้บัวหิมะเทียนซานได้ บัวหิมะนี้ก็จะเป็นของเธอ”
“จริงหรือ?”
ถังซวงยังคงระแวดระวัง เธอไม่ได้คลายความสงสัยเพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นตระกูลจวง
“แน่นอนว่าเป็นความจริง”
มีร่องรอยของความเศร้าโศกและความเสียใจในดวงตาของเฉินกวงหยาง “วันเวลาของผู้เฒ่าจวงใกล้สิ้นสุดแล้ว และเขาไม่มีเวลามาโกหกเธอหรอก”
ถังซวงผงะเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น โดยคิดว่าอาจมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่
เมื่อมองไปที่บัวหิมะเทียนซานคุณภาพสูงในกล่อง ถังซวงก็ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป เธอหยิบปากกากับกระดาษและเขียนใบสั่งยา “ได้แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินกวงหยางก็ตอบสนองทันที “เดี๋ยวฉันจะเอาให้ชายชราดูก่อนนะ รอก่อน ๆ”
ถังซวงส่ายหัวอย่างระอาเมื่อเห็นว่าเฉินกวงหยางกำลังเดินออกไปข้างนอกโดยไม่ได้หยิบบัวหิมะไปด้วย
อาจเป็นเพราะเธอมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ที่เชื่อมั่นในตัวเอง หรือเธอรู้สึกว่าคงจะไม่สามารถเอาบัวหิมะออกไปเฉย ๆ ได้ แม้ว่าเธอจะได้รับมันก็ตาม แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ถังซวงก็ไม่สนใจที่จะอยากรู้ ตอนนี้เธอสงสัยเกี่ยวกับชายชราจวงคนนั้นเท่านั้น
อีกฝ่ายพยายามทำอะไรท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้กันแน่…