บทที่ 81 การอ่านมีประโยชน์(รีไรท์)
บทที่ 81 การอ่านมีประโยชน์(รีไรท์)
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวง โม่เจ๋อหยวนก็มีรอยยิ้ม “แน่นอน รถเก็บเกี่ยวนี้เป็นของเธอแล้ว เธอสามารถให้ใครก็ได้ที่เธอต้องการ”
จิงเจ้อหรงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเขาได้ยิน “ในเมื่อเราตัดสินใจมอบมันให้กับหมู่บ้านเถาฮวาแล้ว ในเวลานั้นมันจะถูกส่งไปที่นั่นโดยตรง แต่…” ในตอนท้าย เขามองตรงไปที่โม่เจ๋อหยวน และพูดว่า “ในเวลานั้นเธอคงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยโรงงานผลิตรถเกี่ยวข้าวมากขึ้นแล้วล่ะ”
“ไม่มีปัญหาครับ”
โม่เจ๋อหยวนตอบรับทันที
“เอาล่ะ งั้นเรากลับกันเถอะ”
ในที่สุด เครื่องจักรก็ถูกส่งตรงไปยังหมู่บ้านเถาฮวา และเมื่อแรกเห็น พวกชาวบ้านก็เต็มไปด้วยความสงสัย
“เครื่องนี้มีไว้ทำอะไร?”
“ใช่ มันดูแปลก ๆ นะ”
“ฉันได้ยินมาว่าเครื่องนี้ถังซวงมอบให้กับฝ่ายผลิตของเรา เธอไปเอาเครื่องนี้มาจากไหนน่ะ? แล้วมันใช้ทำอะไรกันแน่?”
หลิวเหลียงไค ผู้ใหญ่บ้านก็มองไปที่เครื่องจักรด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน เขามองไปที่ถังซวงอย่างสงสัย “ถังซวง เครื่องนี้ใช้ทำอะไรหรือ?”
“ลุงผู้ใหญ่บ้าน มันไว้สำหรับเกี่ยวข้าวค่ะ ที่หมู่บ้านกำลังจะเก็บเกี่ยวข้าวกันแล้วใช่ไหมคะ? งั้นเรามาลองใช้งานมันกันเลยเถอะค่ะ”
หลิวเหลียงไครู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“นี่เกี่ยวข้าวได้จริง ๆ หรือ?”
“แน่นอนค่ะ เราไปที่นากันตอนนี้เลยเถอะ ฉันจะสาธิตให้ทุกคนดูก่อน แล้วค่อยสอนชาวบ้านเรียนรู้วิธีใช้เครื่องนี้”
เมื่อหลิวเหลียงไคได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จนเขาแทบรอไม่ไหว “งั้นไปที่นากันเถอะ”
ตอนนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านเถาฮวารู้แล้วว่าเครื่องนี้ใช้ทำอะไร ขณะเดียวกัน อารมณ์ของทุกคนก็ต่างตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็นจึงแห่กันไปที่นาข้าวเพื่อดูว่าเครื่องเกี่ยวข้าวอย่างไร
“เครื่องจักรนี้เกี่ยวข้าวได้จริง ๆ แล้วไม่ต้องเกี่ยวเองด้วย”
“เครื่องนี้น่าทึ่งจริง ๆ ถังซวงไปเอามาจากไหนน่ะ? นี่เธอมีความสามารถขนาดนั้นเลยหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง
“ใช่ ถังซวงเอาเครื่องนี้มาจากไหน?”
ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่ ถังซวงก็ได้ควบคุมเครื่องจักรไปยังนาข้าวแล้วเก็บเกี่ยวข้าวในพริบตา
โม่เจ๋อหยวนมองไปที่ถังซวงที่มีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เดิมทีเขาวางแผนที่จะเป็นคนดำเนินการสาธิต แต่เนื่องจากซวงเอ๋อร์ต้องการทำด้วยตนเอง เขาจึงไม่พูดอะไรอีก และตามคาดถังซวงเก่งมาก อะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อมีเธอ
หลี่จงอี้ เฮ่อหลานและถังเซวี่ยที่เห็นเครื่องจักรกำลังเก็บเกี่ยวข้าวเป็นครั้งแรก พวกเขารู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นเช่นกัน “งั้น… นี่คือสิ่งที่เสี่ยวโม่กับซวงเอ๋อร์ยุ่ง ๆ อยู่กับมันทุกวันนี้สินะ เยี่ยมมากจริง ๆ ทั้งสองคน คิดค้นเครื่องจักรเช่นนี้ได้”
หลี่จงอี้ก็ภูมิใจในตัวทั้งสองเช่นกัน
“ใช่ เสี่ยวโม่และยัยหนูซวงยอดเยี่ยมจริง ๆ”
ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะทำหน้าบึ้ง “พี่สาวกับพี่โม่นี่จริง ๆ เลย พวกเขาไม่ได้บอกอะไรหนูสักอย่าง” แต่ในไม่ช้าเธอก็มีความสุข “แต่พวกเขาน่าทึ่งมากจริง ๆ ค่ะ”
ชาวบ้านโดยรอบก็ตกใจและตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“ให้ตายเถอะ เก็บเกี่ยวข้าวได้จริง ๆ เครื่องนี้สุดยอดเกินไปแล้ว”
“มันวิเศษมากเลย ข้าวในหมู่บ้านทั้งหมดจะเก็บเกี่ยวได้ด้วยเครื่องนี้ใช่ไหม? เราไม่ต้องทำงานหนักในการเก็บเกี่ยวแล้ว”
“นี่ช่วยให้เราทุ่นแรงได้เยอะมากเลยนะ”
ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นและในขณะเดียวกันก็รู้สึกขอบคุณถังซวงมาก
“ถังซวงเก่งจริง ๆ เธอให้เครื่องจักรกับฝ่ายผลิตของเรา ดีจริง ๆ ที่ทั้งสามคนแม่ลูกมาที่หมู่บ้านของเรา”
“ใช่ ๆ เฮ่อหลานเองก็เก่งมาตั้งแต่เธอยังเด็กแล้ว แต่ฉันไม่ได้คาดหวังเลยว่าลูกสาวของเธอเองก็จะมีความสามารถมากขนาดนี้ เธอทำเพื่อหมู่บ้านของพวกเราขนาดนี้!”
แต่ก็ยังมีบางคนที่พูดคำที่ไม่น่าฟังออกมา
“ยังไม่รู้ว่าเครื่องนี้มาได้ยังไงเลย ถ้าเราใช้มันในหมู่บ้านของเรา จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?”
ข่งหม่านจูพูดขึ้นมา และยังคงไม่ยินดีกับสามแม่ลูก
นับตั้งแต่สามแม่ลูกมาที่หมู่บ้าน ผู้คนในหมู่บ้านต่างพูดถึงพวกเธอ และพวกเขาก็ยังคิดว่าถังซวงและถังเซวี่ยนั้นเป็นเด็กดี ถึงขนาดเปรียบเทียบกับลูกชายของบางครอบครัว เมื่อสมัยเด็กทุกคนต่างก็กล่าวว่าเฮ่อหลานเป็นเด็กดี และตอนนี้ทุกคนกำลังพูดว่าลูกสาวของเฮ่อหลานว่าดีอย่างนู้นดีอย่างนี้ แล้วแบบนี้จะไม่ทำให้เธอโกรธได้อย่างไร?
เมื่อโม่เจ๋อหยวนได้ยิน เขาก็เหลือบมองข่งหม่านจู และพูดออกไปตรง ๆ ว่า “ซวงเอ๋อร์กับผมพัฒนาเครื่องจักรนี้ร่วมกัน และเครื่องจักรนี้เป็นของเธอ ดังนั้นเธอจึงสามารถใช้มันได้ตามที่เธอต้องการเท่าไหร่ก็ได้ เพราะเธอได้ให้มันกับฝ่ายผลิตแล้ว เครื่องจักรนี้จึงเป็นของฝ่ายผลิต พวกเขาสามารถใช้มันได้เต็มที่”
“อะไรนะ… เธอกับถังซวงเป็นคนคิดค้นเครื่องจักรนี้หรือ?”
ข่งหม่านจูทำหน้าเหลือเชื่อ
และทุกคนก็ประหลาดใจ
“น่าทึ่งจริง ๆ เครื่องจักรนี้คิดค้นขึ้นโดยถังซวง และชายหนุ่มคนนี้ พวกเขายังเด็กอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงเก่งกันขนาดนี้นะ”
“ฉันรู้สึกว่าเด็กผู้หญิงไม่ได้แย่ไปกว่าเด็กผู้ชายเลยนะ หนูถังซวงมีความสามารถมาก อนาคตของเธอต้องไปได้ดีแน่”
หลิวเหลียงไคที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจเช่นกัน ในความคิดของเขา หากถังซวงและโม่เจ๋อหยวนประดิษฐ์เครื่องนี้จริง ๆ ก็ถือได้ว่าพวกเขาสองคนน่าเหลือเชื่อมาก
ในเวลานี้ เฮ่อหลานก็เอ่ยขึ้นทันทีว่าลูกสาวทั้งสองกำลังจะเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของตำบล
“ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยเข้าเรียนล่าช้า แต่พวกเธอก็พยายามอย่างหนักด้วยตัวเอง เรียนรู้ตำราเรียนทั้งหมดของชั้นประถม และก็ผ่านการศึกษาระดับประถมศึกษาอย่างราบรื่น ในอีกไม่กี่วัน ทั้งคู่จะได้เข้าเรียนโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของตำบลแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนอื่น ๆ ต่างก็ฮือฮา
“อะไรกัน… สองคนนี้สอบผ่านโรงเรียนประถมได้เองหรือ? เก่งอะไรขนาดนี้”
“ใช่ แล้วยังเป็นโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของในตำบลด้วย ฉันได้ยินมาว่าถ้ามีผลการเรียนไม่ดีก็เข้าเรียนไม่ได้นะ”
“ถังซวงกับถังเซวี่ยฉลาดมากจริง ๆ”
คนรอบข้างมองเฮ่อหลานด้วยความอิจฉา และคิดว่าลูกสาวสองคนของเธอเก่งเกินไป การที่พวกเธอไม่ได้เข้าเรียนชั้นประถมและเรียนรู้ด้วยตัวเอง ทั้งยังข้ามระดับไปเรียนมัธยมต้นได้ มันประหยัดค่าเล่าเรียนไปมาก พวกเขามองการณ์ไกลจริง ๆ
หลิวเหลียงไคตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่เฮ่อหลานพูด จากนั้นเขาก็นึกถึงความสามารถของถังซวง และรู้สึกว่าการตัดสินใจของเฮ่อหลานนั้นถูกต้อง
“เฮ่อหลาน ในเมื่อถังซวงกับถังเซวี่ยฉลาดมาก เธอต้องอบรมพวกเขาให้ดีนะ”
“ฉันต้องทำแบบนั้นอยู่แล้วค่ะ ฉันจึงซื้อบ้านอยู่ในตำบล หลังจากโรงเรียนเปิด เราสามคนแม่ลูกจะอาศัยอยู่ในตำบล แล้วคงได้กลับมาที่หมู่บ้านเพื่อพักผ่อนเป็นครั้งคราวค่ะ”
เมื่อคนอื่นได้ยินแบบนี้ก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม
“อะไรนะ!… ซื้อบ้านในตำบล มันแพงมากเลยนะ”
“ใช่ ๆ อันที่จริงตำบลนี้อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านของเรา ถึงจะต้องตื่นเช้าไปโรงเรียนแต่ก็ไม่เป็นไรมาก ไม่เห็นต้องไปซื้อบ้านให้วุ่นวายเลย”
แม้แต่ป้าหวงก็เกลี้ยกล่อม “อาหลาน เธอตัดสินใจซื้อบ้านจริงๆ หรือ? ไม่เห็นต้องใช้เงินขนาดนั้นเลย”
แต่เฮ่อหลานพูดอย่างหนักแน่นว่า “ฉันได้ซื้อบ้านไปแล้วค่ะ และฉันจะอบรมซวงเอ๋อร์และเสี่ยวเซวี่ยให้ดีอย่างแน่นอน ฉันเชื่อว่าพวกเธอต้องมีอนาคตที่สดใสแน่” นี่คือสิ่งที่เธอสามารถเพื่อลูกสาวสองคนของเธอได้ “และตอนนี้ฉันยังทำงานเย็บปักถักร้อยได้มากมาย ดังนั้นเงินจึงมีพอใช้ค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนอื่น ๆ ก็ไม่พูดอะไรอีก
แต่ข่งหม่านจูพูดขึ้นด้วยความอิจฉาริษยา “เด็กผู้หญิงจะเรียนอ่านหนังสือไปเพื่ออะไร? แม้ว่าเธอจะสนับสนุนให้เรียนหนังสือ สุดท้ายพวกเธอก็จะแต่งงานออกไปอยู่กับครอบครัวของคนอื่นอยู่ดีในอนาคต”
ถ้าพูดถึงเธอ เฮ่อหลานย่อมทนได้ แต่เธอไม่สามารถยอมให้พูดถึงลูกสาวของเธอได้ หญิงสาวมองไปที่ข่งหม่านจูแล้วพูดว่า “ทำไมผู้หญิงถึงเรียนไม่ได้? ว่ากันว่าผู้หญิงถือท้องฟ้าไว้ครึ่งหนึ่ง จะหญิงหรือชายก็ไม่ต่าง ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยจะแต่งงานออกไปในอนาคต พวกเธอก็ยังคงเป็นลูกสาวของฉัน ความจริงนี้ไม่มีวันเปลี่ยน”
“แก…”
เดิมทีข่งหม่านจูต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง หากแต่หลิวเหลียงไคได้พูดดักก่อนว่า “ผู้หญิงก็ควรมีความรู้ เธอไม่เห็นหรือว่าครั้งล่าสุด โรงงานเครื่องจักรและทีมขนส่งของอำเภอมาที่นี่เพื่อขอให้ถังซวงช่วยซ่อมรถน่ะ? หมายความว่าการอ่านหนังสือมาก ๆ มันเป็นประโยชน์ไม่ใช่หรือ?”
ในตอนนี้ทุกคนต่างคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า อีกทั้งสิ่งที่ถังซวงนำกลับมา พวกเขาจึงรู้สึกว่าการอ่านมีประโยชน์จริง ๆ จากก้นบึ้งของหัวใจ