บทที่ 100 ความฝันในอนาคต
บทที่ 100 ความฝันในอนาคต
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมองไปตามต้นเสียงนั้นทันที
ชายคนนั้นกำลังมองพวกเขาสองคนด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ฉันเป็นผู้รับผิดชอบการแข่งขันคณิตศาสตร์ในมณฑล เดิมทีการแข่งขันคณิตศาสตร์นี้มีขึ้นเพื่อคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถ เนื่องจากเธอทั้งคู่ได้รับรางวัลที่หนึ่ง จึงมีคนต้องการพบพวกเธอน่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมองหน้ากัน จากนั้นมองไปที่ชายคนนั้นแล้วพูดว่า “งั้นเราต้องไปบอกกับอาจารย์ก่อนนะครับ”
“ได้เลย”
เมื่อฮั่วไห่เหล่ยรู้ว่ามีคนต้องการพบถังซวงและโม่เจ๋อหยวน เขาก็นึกถึงสิ่งที่เขาเคยได้ยินมาก่อนหน้า ดังนั้นจึงรีบโบกมือให้พวกเขาและพูดว่า “ไปเถอะ ฉันจะรออยู่ที่นี่เอง”
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนตามชายคนนั้นไปที่สำนักงานด้านหลังอาคารที่ทำการสอบ
“คุณซุน พวกเขาอยู่ที่นี่แล้วครับ”
หลังจากที่ผู้รับผิดชอบพาทั้งสองคนมา เขาก็ออกไปทันที
และในที่สุด ถังซวงก็มองเห็นคนที่นั่งอยู่ข้างในอย่างชัดเจน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ลุงซุน…”
เมื่อซุนหงเห็นถังซวง เขาก็ตกใจเช่นกัน “ถังซวง ทำไมเป็นเธอ?” ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่า “เธอได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันคณิตศาสตร์ครั้งนี้หรือ?”
ถังซวงพยักหน้า “ใช่ค่ะ ฉันได้ที่หนึ่งในกลุ่มมัธยมต้น”
“ถังซวง เธอจะเก่งเกินไปแล้ว”
ซุนหงอดไม่ได้ที่จะชื่นชม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม แต่จู่ ๆ ก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ฉันจำได้ว่า… เธอไม่ได้ไปโรงเรียนนี่”
“ค่ะ ฉันกับเสี่ยวเซวี่ยไม่เคยไปโรงเรียนมาก่อน และเราเพิ่งเริ่มเรียนอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้น่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซุนหงก็ชื่นชมมากยิ่งขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้เรียนหนังสือมาตั้งแต่แรก แต่เธอยังได้ที่หนึ่งในการแข่งขัน เธอฉลาดจริง ๆ”
เมื่อนักเรียนทั่วไปได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาจะพูดว่า ‘ไม่หรอกค่ะ/ครับ’ อย่างแน่นอน แต่ถังซวงกล่าวอย่างยอมรับคำชมอย่างตรงไปตรงมาว่า “ค่ะ เสี่ยวเซวี่ยกับฉันฉลาดมาก แม้เราจะเรียนล่าช้า ถ้าเราทั้งคู่ไปโรงเรียนเร็วเหมือนคนอื่น ๆ บางทีเราอาจเรียนจบมัธยมปลายแล้วก็ได้”
ซุนหงหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนี้
“ถังซวง ทำไมฉันไม่คิดว่าเธอน่าสนใจขนาดนี้มาก่อนนะ มันน่าขันจริง ๆ ที่เธอยกย่องตัวเองโดยหน้าไม่แดงเลย”
ถังซวงพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ที่ฉันพูดเป็นความจริง แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย”
“ใช่ ๆ เธอฉลาดที่สุด”
ซุนหงหัวเราะอีกครั้ง แล้วเริ่มเข้าประเด็น
“จริง ๆ แล้ว จุดประสงค์ของการแข่งขันคณิตศาสตร์ครั้งนี้ก็เพื่อคัดคนเก่ง ๆ จากทั่วประเทศ ฉันได้ดูข้อสอบของพวกเธอทั้งสองฉบับแล้ว และมันยากมากที่จะได้คะแนนเต็มในการแข่ง ดังนั้นเธอยินดีที่จะเข้าร่วมค่ายฝึกอบรมไหม?”
“ค่ายฝึกอบรมอะไรคะ?”
“ค่ายฝึกอบรมการเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ”
“แล้วหลังจากฝึกเสร็จล่ะ?” ถังซวงมองตรงไปที่ซุนหง และถามอย่างรอบคอบ
ซุนหงไม่ได้ปิดบังอะไรจากถังซวง และพูดโดยตรงว่า “หลังจากนั้น เธอจะเข้าสู่กองทัพ”
ตอนนี้ถังซวงเข้าใจแล้วว่านี่คือการคัดเลือกผู้มีความสามารถที่โดดเด่นสำหรับกองทัพ แต่ความฝันของเธอไม่ใช่สิ่งนี้ ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธโดยไม่ลังเลว่า “ลุงซุนคะ ฉันไม่มีแผนที่จะไปค่ายฝึกอบรมค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนที่อยู่ด้านข้างก็พูดว่า “ใช่ครับ ผมก็ไม่ได้วางแผนที่จะไปเช่นกัน”
ซุนหงรู้อยู่แล้วว่านี่คือหลานชายคนโตของตระกูลโม่ เมื่อโม่เจ๋อหยวนเข้ามา เขาจึงไม่ถามเด็กคนนี้ตั้งแต่แรก เพราะเขารู้ว่านี่ไม่ใช่คนที่เขาสามารถควบคุมได้ตามอำเภอใจ
แต่เขาไม่คาดคิดว่าถังซวงจะปฏิเสธด้วย
“ลุงซุนคะ ฉันไม่ได้อยากไปเป็นทหาร ฉันมีแผนสำหรับอนาคตอยู่แล้วน่ะค่ะ”
“แผนอะไรหรือ?”
ซุนหงรู้สึกว่าถังซวงเป็นเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ทั่วไปที่อาจไม่รู้ตัวว่าเธอปฏิเสธโอกาสครั้งสำคัญไป ดังนั้นเขาจึงถามอีกรอบให้แน่ใจ
“ฉันอยากเป็นหมอค่ะ”
นี่คือสิ่งที่ถังซวงตัดสินใจมานานแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้
โม่เจ๋อหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเขาได้ยินคำพูดของถังซวง “ซวงเอ๋อร์ต้องการเป็นหมอสินะ ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ฉันจะสนับสนุนเธอแน่นอน”
“ขอบคุณค่ะพี่โม่”
ถังซวงยิ้มให้โม่เจ๋อหยวน และในขณะเดียวกันก็อยากรู้ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร
โมเจ๋อหยวนได้คิดเกี่ยวกับการพัฒนาในอนาคตของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธซุนหงด้วย “ลุงซุนครับ ผมไม่ได้วางแผนที่จะไปค่ายฝึกอบรมเช่นกัน หลังจากจบมัธยมปลาย ผมจะทำงานที่โรงงานเครื่องจักรและพัฒนาเครื่องจักรต่อไปครับ”
“เธอ… พวกเธอ…”
เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ปฏิเสธ ซุนหงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แต่เขาก็รู้ด้วยว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้โมเจ๋อหยวนได้พัฒนาเครื่องจักรที่เป็นรถเก็บเกี่ยวแบบครบวงจร และรู้ว่าผู้บังคับบัญชาของเขาให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มคนนี้มาก ดังนั้นเขาจะต้องเคารพทางเลือกของเด็กคนนี้
ส่วนถังซวง…
ซุนหงมองเธออย่างงงงวยและถาม “ทำไมจู่ ๆ เธอถึงอยากเรียนหมอล่ะ? เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือ?”
“ลุงซุนคะ เรื่องนี้ฉันคิดมานานแล้ว หวังว่าลุงซุนจะเข้าใจค่ะ”
“เฮ้อ… พวกเธอได้รับโอกาสที่คนอื่นแย่งกันแทบตายจริง ๆ แต่พวกเธอกลับไม่ได้อยากได้ ถ้าคนอื่นรู้เข้าล่ะก็ พวกนั้นคงอยากทุบพวกเธอแน่”
ถังซวงหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเขา “ความฝันของทุกคนย่อมแตกต่างกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนต่างก็มีเป้าหมายเหมือนกัน นั่นคือการทำประโยชน์เพื่อคนหมู่มากให้ได้มากที่สุด จะเป็นหมอหรือนักสร้างสิ่งประดิษฐ์ ต่างก็ทำเพื่อคนหมู่มาก”
“ดีมาก”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวง ซุนหงอดไม่ได้ที่จะชื่นชม จากนั้นหัวเราะออกมา และเข้าใจถึงการที่พวกเขาปฏิเสธที่จะเข้าค่ายฝึก “มันขึ้นอยู่กับพวกเธอนั่นแหละ แต่ยังไงพวกเธอต้องตั้งใจเรียนต่อไปนะ”
“ได้เลยค่ะ ลุงซุน”
โม่เจ๋อหยวนยังกล่าวอีกว่า “อย่ากังวลไปเลยครับลุงซุน พวกเราจะพยายามต่อไปอย่างแน่นอน”
หลังจากพูดเช่นนี้ ซุนหงก็คุยกับถังซวงเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
“กลุ่มค้ามนุษย์เมื่อคราวที่แล้วถูกจับได้ทั้งหมดแล้ว และยังพบเด็กผู้หญิงที่ถูกหลอกไปจากหมู่บ้านของเธอและหมู่บ้านข้าง ๆ ด้วย มีเด็กจำนวนมากที่ถูกลักพาตัวโดยคนเหล่านั้น และหลายคนที่ยังต้องค้นหาอยู่”
“ลุงซุน ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักนะคะ”
ซุนหงรีบโบกมือของเขาและพูดว่า “ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย นี่ควรเป็นสิ่งที่เราควรทำ จริง ๆ แล้วเราต้องการจะคุยกับเธอจริง ๆ จัง ๆ ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่เราไม่มีเวลาเลย ทำไมวันนี้เราไม่ไปกินข้าวด้วยกันหน่อยล่ะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็ไม่ปฏิเสธ และบอกฮั่วไห่เหล่ยให้ไปด้วยกัน จากนั้นทุกคนก็ตรงไปยังร้านอาหาร
ฮั่วไห่เหล่ยไม่รู้จักซุนหงในตอนแรก แต่หลังจากที่รู้ เขาก็ดูเหมือนจะเกร็ง ๆ ไปเล็กน้อย แต่เมื่อเขารู้ว่าถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนปฏิเสธข้อเสนอของซุนหง เขาก็กลายเป็นหุ่นทันที
“พวกเธอจะไม่เข้าร่วมค่ายฝึกจริง ๆ หรือ? ฉันได้ยินมาว่าใครก็ตามที่ออกมาจากที่นั้นจะกลายเป็นคนที่มีความสามารถแนวหน้าของประเทศเลยนะ”
“อาจารย์ครับ ซวงเอ๋อร์กับผมได้ตัดสินใจแล้ว ดังนั้นเราจะไม่เปลี่ยนใจง่าย ๆ หรอก”
ในที่สุด ซุนหงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้เด็ก ๆ มีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว เรามาทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการกันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าซุนหงพูดเช่นนั้น ฮั่วไห่เหล่ยก็ไม่พูดอะไรอีก มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าในใจของตัวเองเจ็บปวดมากแค่ไหน