บทที่ 111 แม่สื่อ
บทที่ 111 แม่สื่อ
เมื่อเห็นถังซวงมาเปิดประตู ป้าหวงก็ยิ้มและพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ แม่ของเธออยู่บ้านหรือเปล่า?”
“อยู่ค่ะ”
ถังซวงเห็นป้าหวง ก็รีบต้อนรับทันที
เฮ่อหลานได้ยินเสียงจากหน้าบ้าน เธอจึงออกมาด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ป้าหวงนี่เอง ถ้าอย่างนั้นเข้ามาก่อนเลยค่ะ เข้ามานั่งก่อน”
ใบหน้าของป้าหวงยิ้มแย้มแจ่มใส เธอจับมือเฮ่อหลานทันที “อาหลาน อีกสองวันเธอว่างไหม? อาเฉียงของเรากำลังจะแต่งงาน ฉันมาเชิญเธอไปร่วมงานแต่งงานน่ะ”
หวงเฉียงเป็นหลานชายคนโตของป้าหวง และตอนนี้เขากำลังจะแต่งงาน เธอจึงมีความสุขมาก
เฮ่อหลานได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะ “ไม่ต้องห่วงค่ะคุณป้า เราทุกคนว่าง เราจะไปร่วมแต่งงานแน่นอน”
“ดีเลย ๆ ตกลงกันแล้วนะ”
เฮ่อหลานต้องการเชิญป้าหวงให้นั่งพักอยู่ที่บ้านสักพัก แต่ป้าหวงโบกมือแล้วพูดว่า “อาหลาน ฉันไม่นั่งดีกว่า อาเฉียงกำลังจะแต่งงานในเร็ว ๆ นี้แล้ว มีหลายสิ่งที่ต้องเตรียม ฉันกลับก่อนนะ”
“ถ้างั้นคุณป้ากลับดี ๆ นะคะ”
ในตอนกลางคืน หลี่จงอี้กับโม่เจ๋อหยวนก็มาทานอาหารเย็นด้วย เฮ่อหลานจึงเล่าเรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง
“ลุงหลี่คะ อีกสองวันเราจะกลับไปที่หมู่บ้านเถาฮวานะคะ หลานชายของป้าหวงกำลังจะแต่งงาน เราเลยจะไปร่วมงานแต่งงานน่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่จงอี้ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาสิ พวกเราอยู่ที่นี่ได้ไม่มีปัญหา”
แต่โม่เจ๋อหยวนกลับถามว่า “ป้าหลานครับ ผมไปด้วยได้ไหมครับ? ยังไงสองวันนี้ผมก็หยุดพอดี”
เฮ่อหลานยิ้มและพูดว่า “ได้สิ”
เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนจะไปที่หมู่บ้านเถาฮวาด้วย หลี่จงอี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ถ้างั้นฉันกลับไปดูบ้านตัวเองหน่อยดีกว่า”
เช้าวันรุ่งขึ้น เฮ่อหลานพาถังซวง ถังเซวี่ยและโม่เจ๋อหยวนกลับไปที่หมู่บ้านเถาฮวา
ส่วนหลี่จงอี้ก็ตรงไปที่หมู่บ้านตระกูลหลี่
เมื่อเฮ่อหลานและคนอื่น ๆ กลับถึงบ้าน พวกเธอก็ทำความสะอาดกันสักพัก จากนั้นก็เริ่มทำอาหาร
หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน เฮ่อหลานคิดว่าบ้านของป้าหวงต้องกำลังยุ่งมากแน่ เธอจึงอยากจะไปดูว่ามีอะไรให้เธอช่วยได้บ้าง
“แม่รีบไปช่วยป้าหวงเถอะ พวกหนูจะไปบนภูเขากับพี่โม่”
เฮ่อหลานได้ยินก็ตอบรับ “แต่อย่าไปไกลนะ”
หลังจากที่เฮ่อหลานออกไป ถังซวง และคนอื่น ๆ ก็ออกไปเช่นกัน
ป้าหวงมีความสุขมากที่เห็นเฮ่อหลานมา หญิงวัยกลางคนจับมือเธอ “อาหลาน เธอมาก่อนวันงานเลยหรือเนี่ย มา ๆ มานั่งข้างในก่อน”
ลูกสะใภ้สองคนของป้าหวงทักทายเฮ่อหลานด้วยรอยยิ้ม และเหรินชุยฮวา ลูกสะใภ้คนเล็กก็เดินเข้ามาหาเฮ่อหลานอย่างกระตือรือร้นและพูดว่า “เฮ่อหลาน ฉันได้ยินมาว่าถังซวงชนะที่หนึ่งในการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับมณฑล จริงหรือเปล่าคะ?”
“ใช่”
ใบหน้าของเฮ่อหลานเต็มไปด้วยความสุข
เหรินชุยฮวาได้ยินคำพูดนั้นก็พูดต่อ “งั้นที่เขาพูดกันก็เป็นความจริงสินะ ถังซวงน่าทึ่งมากจริง ๆ ฉันได้ยินมาว่าถังซวงซื้อจักรเย็บผ้าให้เธอด้วยเงินรางวัล นี่ก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกันสินะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้หญิงทุกคนที่มาช่วยงานก็มองเฮ่อหลานเป็นตาเดียวอย่างสงสัย
เฮ่อหลานก็ยอมรับอย่างเปิดเผย
“ใช่ ซวงเอ๋อร์เป็นเด็กกตัญญูมาก เธอซื้อของขวัญให้ฉันทันทีหลังจากที่เธอได้รับรางวัลมาน่ะ”
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานยอมรับ ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างพากันอิจฉา
ดวงตาของเหรินชุยฮวาเป็นประกาย และเธอพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เฮ่อหลาน งั้นคราวหน้าถ้าเราต้องการใช้จักรเย็บผ้า ฉันขอยืมจักรเย็บผ้าของเธอได้ไหม?”
ทันทีที่เหรินชุยฮวาพูดจบ เสียงของป้าหวงก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “ตอนนี้อาหลานอาศัยอยู่ในตำบล เธอจะยืมได้ยังไง ฮะ… จะยืมมายังไง นี่ยังเหลืองานอีกมากที่ยังไม่เสร็จ ถ้าเธอมีเวลามาคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็รีบไปช่วยงานซะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่สามี เหรินชุยฮวาก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตา
แม่สามียืนอยู่เคียงข้างเฮ่อหลานเช่นเคยราวกับว่าเฮ่อหลานเป็นลูกสะใภ้ของเธออย่างนั้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เหรินชุยฮวาก็แค่นเสียงด้วยความไม่พอใจและเดินไปด้านหลัง
ป้าหวงดึงเฮ่อหลานมาคุยด้วยความลำบากใจ “อาหลาน ไม่ต้องไปสนใจเธอนะ ไปนั่งข้างในกันเถอะ”
เฮ่อหลานยิ้มเล็กน้อยและไม่พูดอะไร
ผู้คนรอบข้างเริ่มพูดคุยกัน
“ตั้งแต่เธอหย่า ชีวิตของเฮ่อหลานก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ”
“ใช่ ใครจะคิดว่าผู้หญิงที่มีลูกติดและยังเป็นลูกสาวตั้งสองคนจะมีชีวิตที่ดีได้ขนาดนี้”
“ครั้งนี้เป็นเพราะความสามารถของถังซวง เธอยังเรียนอยู่เลยแต่ก็หาเงินได้แล้ว”
“ใช่ ไหนจะจักรเย็บผ้าอีก ครอบครัวอย่างเรา ๆ ต้องทำงานอย่างหนักตลอดทั้งปี คงไม่สามารถซื้อได้หรอก แต่เธอกลับไปโรงเรียนและเข้าร่วมการแข่งขัน แล้วได้เงินรางวัลมาซื้อจักรเย็บผ้า การเข้าร่วมการแข่งขันได้เงินมากขนาดนั้นเลยหรือ?”
“ใช่ ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าการแข่งขันจะได้เงินมากขนาดนี้เชียวหรือ ถังซวงยังเด็กอยู่แท้ ๆ เด็กผู้ชายบางคนในหมู่บ้านยังไม่สามารถทำเงินได้มากขนาดนี้เมื่ออายุเท่าเธอเลย”
“ฉันว่าการศึกษามีประโยชน์จริง ๆ นะ ตราบใดที่ตั้งใจเรียน ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงก็จะมีอนาคตที่ดีแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิตใจของผู้หญิงบางคนที่อยู่ที่นั่นก็เปลี่ยนไป และรู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะจ่ายไม่กี่หยวนเพื่อให้เด็กผู้หญิงในครอบครัวได้ไปโรงเรียน และจะดีกว่านี้ถ้าเด็กผู้หญิงในครอบครัวสามารถทำแบบถังซวงได้
ด้านภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้าน อู๋จวนเพิ่งมาถึง เมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เหลียงไคของเราก็พูดมานานแล้วว่าการศึกษามีประโยชน์ ถ้าเรียนได้ดีก็จะได้เข้าเรียนในระดับสูงขึ้นและเมื่อเรียนจบจะมีงานที่ดีทำแน่นอน”
“แต่ในอนาคตผู้หญิงก็ต้องแต่งงานออกไปนะ ถึงพวกเธอจะเก่งแค่ไหน สุดท้ายพวกเธอก็ต้องไปอยู่ตระกูลอื่นอยู่ดี”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลายคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
อู๋จวนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แล้วถังซวงล่ะ? เธอก็เป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกัน เธอสามารถซื้อของราคาแพงให้แม่ของเธอได้ แล้วเธอจะไม่เลี้ยงดูแม่ของเธอหลังจากที่เธอแต่งงานเลยหรือ? ตราบใดที่เธอยังหาเงินได้ เธอจะเลี้ยงดูเฮ่อหลานอย่างแน่นอน”
“นี่… ฟังดูสมเหตุสมผลอยู่นะ”
บรรดาผู้ที่ยังคงลังเลในใจต่างก็มั่นใจแล้วว่าการส่งเด็กผู้หญิงไปเรียนหนังสือถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องและคุ้มค่า
ส่วนเฮ่อหลานซึ่งอยู่ในห้องขณะนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เธอกำลังคุยกับป้าหวง หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันครู่หนึ่ง เฮ่อหลานก็หยิบซองสีแดงสำหรับงานแต่งงานออกมาให้หวงเฉียง
“อาหลาน ฉันจะไม่สุภาพแล้วนะ”
แต่เมื่อป้าหวงเหลือบมองเงินห้าหยวนที่อยู่ข้างใน เธอก็รีบพูดว่า “อาหลาน เธอให้มากเกินไปแล้ว”
ในยุคนี้ คนส่วนใหญ่ให้เงินหนึ่งหรือสองหยวนเท่านั้น ห้าหยวนนี่มันเยอะมากจริง ๆ
แต่เฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะยัดซองแดงใส่มือป้าหวง
“คุณป้ารับไว้เถอะค่ะ ไม่ใช่คุณป้าหรือคะที่ดูแลฉันมาตั้งแต่เด็ก? ยิ่งกว่านั้น เงินในซองนี้สำหรับอาเฉียงนะคะ”
หลังจากพูดจบเธอก็ลุกขึ้นยืนทันที
“คุณป้าคะ ฉันคิดว่าที่นี่มีคนเพียงพอแล้ว งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ แล้วฉันจะมาร่วมงานแต่งพรุ่งนี้ค่ะ”
“ได้สิ ๆ แล้วรีบมานะ”
ป้าหวงรู้ดีว่าเฮ่อหลานกลัวว่าเธอจะยัดซองคืน เธอจึงไม่พูดอะไรอีก
เฮ่อหลานออกไปข้างนอก ทักทายคนอื่น ๆ แล้วกลับออกไป
เมื่อกลับถึงบ้าน เธอพบหญิงวัยกลางคนที่มีดวงตาสดใสคนหนึ่งยืนรออยู่ที่ประตู
เฮ่อหลานไม่รู้จักบุคคลนี้ และเมื่อเห็นอีกฝ่ายโผล่หน้ามา เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “กำลังมองหาใครหรือคะ?”
หญิงวัยกลางคนหันศีรษะไปเมื่อได้ยินเสียง จากนั้นมองเฮ่อหลานตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เธอคือเฮ่อหลานใช่ไหม? ฉันมาที่นี่เพื่อตามหาเธอน่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่ฉันไม่รู้จักคุณนะคะ”
“อ๋อ ไม่เป็นไร ๆ ฉันรู้จักเธอก็พอแล้ว ฉันมีอะไรจะบอก เข้าไปคุยกันข้างในสิ”
หญิงวัยกลางคนทำตัวสนิทสนมกับเธอ ก้าวไปข้างหน้าและดึงเฮ่อหลานให้ตามเข้าไปด้วยทันที
เฮ่อหลานรีบดึงมือเธอไว้แล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะ คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“คุณน้องเฮ่อหลาน เธอโชคดีมากเลยนะ วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อเป็นแม่สื่อให้เธอ”