บทที่ 164 ตามหาความสมดุล
บทที่ 164 ตามหาความสมดุล
หลังได้ยินคำพูดของหูปิน ถังซวงหัวเราะแล้วพูดว่า “ขอบคุณค่ะ งั้นหลังจากนี้ฉันคือนักเรียนชั้นมัธยมปีที่สามนะคะ”
หลังจากทราบผลการสอบของถังซวงแล้ว ฮั่วไห่เหล่ยยินดีกับเธอ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจเล็กน้อย “เธอจะไปอยู่ในชั้นมัธยมปีที่สามแล้ว ก็ไม่ใช่นักเรียนในชั้นของฉันอีกต่อไปแล้วสิ”
ถังซวงยิ้มก่อนจะตอบกลับ “อาจารย์ฮั่ว อาจารย์สอนฉันมาตลอด ไม่ต้องพูดอย่างนั้นเลยค่ะ อีกอย่างฉันก็ยังเรียนอยู่ที่นี่นะคะ”
“อืม อาจารย์ก็หวังว่าเธอจะทำงานหนักต่อไปในอนาคต เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะอาจารย์”
ถังซวงตอบกลับด้วยรอยยิ้มแล้วกลับไปที่ห้องเรียน
ถังเซวี่ยรอถังซวงอยู่ และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมาแล้ว เธอก็รีบดึงพี่สาวเข้าใกล้แล้วถามว่า “พี่คะ พี่หายไปไหนนานจัง แล้วพี่สอบเสร็จรึยัง?”
“เสร็จแล้ว”
“แล้วเป็นยังไงบ้างคะ?”
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของถังเซวี่ย ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ไม่ต้องกังวล พี่สอบผ่านแล้ว และกำลังจะขึ้นชั้นมัธยมปีที่สามในอีกสองวัน”
“สุดยอดเลย”
ถังเซวี่ยมีความสุขมากหลังจากได้ยินว่าพี่สาวของตนสามารถสอบข้ามระดับได้
จงเฟยเฟยนั่งอยู่ตรงหน้าของสาวทั้งสอง ก็อดไม่ได้ที่จะหันศีรษะกลับมาถามว่า “สอบอะไรหรือ? มัธยมปีสามคืออะไร?”
ถังเซวี่ยไม่พูดมาก แต่มองไปที่ถังซวงอย่างขออนุญาต
ถังซวงพูดออกมาอย่างผ่อนคลาย “อ้อ… ฉันไปขอสอบข้ามระดับมาน่ะ แล้วก็สอบผ่านแล้ว อีกสองวันฉันจะได้เป็นนักเรียนมัธยมชั้นปีสามแล้ว”
“อะไรนะ…”
จงเฟยเฟยถึงกับอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อ เพื่อนร่วมชั้นทุกคนที่เพิ่งเลิกเรียนก็ได้ยินคำพูดนั้นด้วยเหมือนกัน ทุกคนจึงรีบมารวมตัวอย่างรวดเร็ว
“ถังซวง เธอสอบข้ามระดับได้จริงหรือ? ข้ามไปปีสามเลยหรือ?”
ทุกคนมองถังซวงด้วยความสงสัย และต้องการคำยืนยัน
ถังซวงยิ้ม “ใช่”
เธอกำลังจะเลื่อนชั้นจริง ๆ สุดท้ายแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องต้องปิดบัง
หลังได้ยินคำพูดของถังซวง คนอื่น ๆ ทั้งตกใจ ทั้งอิจฉา อย่างที่ทุกคนรู้ดี ถังซวงเพิ่งเข้าเรียนเมื่อไม่นานนี้ แต่เธอกลับข้ามระดับสู่ชั้นปีสามได้ในทันที
แต่สิ่งนี้ไม่ได้มีผลกระทบกับถังซวงเลย เธอแค่ยิ้มและพูดต่ออีกสองสามคำ ก่อนจะหันไปหาถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย กลับกันเถอะ” ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง นักเรียนคนไหนที่อยู่ใกล้บ้าน พวกเขาก็จะกลับไปกินข้าวที่บ้าน
“ค่ะ กลับบ้านกัน”
ถังซวงอยากรีบกลับบ้านเพื่อไปบอกข่าวดีกับแม่ของตน
เมื่อสองสาวมาถึงหน้าประตูโรงเรียน ก็เห็นโม่เจ๋อหยวนยืนรออยู่แล้ว “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย กลับบ้านกันเถอะ”
“พี่โม่ พี่รู้ไหมว่าพี่สาวฉันสอบผ่านแล้ว และอีกไม่นานจะได้เรียนในชั้นมัธยมปีสามด้วย” ถังเซวี่ยพูดออกไปด้วยความตื่นเต้น เธอพูดมันก่อนที่ถังซวงจะทันได้บอกกล่าวเสียอีก
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว โม่เจ๋อหยวนยิ้มแล้วตอบว่า “ฉันรู้อยู่แล้วว่าซวงเอ๋อร์จะต้องสอบผ่าน”
เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนไม่แปลกใจ ถังเซวียก็ทำหน้ามุ่ย “พี่โม่มั่นใจว่าพี่สาวฉันจะสอบผ่านขนาดนั้นเลยหรือ? อืม ใช่ ฉันก็เชื่อมั่นในตัวพี่สาวเหมือนกัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงนี่ แต่ยังไงพวกพี่ทั้งสองคนก็ฉลาดมาก และไม่ต้องกังวลอะไรเลย”
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว โม่เจ๋อหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดต่อ “เสี่ยวเซวี่ย พี่สาวของเธอฉลาดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่วนเธอก็ไม่แพ้กัน อย่าประเมินตัวเองต่ำเกินไปเลย ตั้งใจเรียนต่อไปนะ”
“ค่ะ”
ถังเซวี่ยพยักหน้าพร้อมยิ้มรับ
เมื่อเฮ่อหลานรู้ว่าลูกสาวของเธอสอบข้ามระดับชั้นไปยังมัธยมปีสามได้แล้ว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ซวงเอ๋อร์ ลูกเก่งมากเลยจริง ๆ” เป็นเพราะลูกสาวของเธอเก่งกาจเสมอมา เธอจึงยอมรับมันได้อย่างรวดเร็ว
ด้านเฮ่อจื่อกุยที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะ
“ซวงเอ๋อร์เก่งมากจริง ๆ ฉันได้ยินมาตลอดว่าแม่ของฉันฉลาดมากตอนเธอยังเด็ก เธอเหมือนคุณยายไม่ผิดเพี้ยน”
ถังซวงยิ้มและพูดตอบว่า “อื้ม ฉันคงจะเป็นเหมือนคุณยายแน่เลยค่ะ” แม้เธอจะไม่เคยได้พบเจอคุณยายเฮ่อ แต่เธอก็สามารถสัมผัสได้จากคำพูดของแม่ว่าคุณยายเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและซื่อตรงมาก น่าเสียดายที่พวกเราไม่เคยได้พบกัน
หลังจากได้ยินคำพูดของถังซวงแล้ว เฮ่อจื่อกุยหัวเราะ “ถ้าพ่อของฉันเห็นเธอ เขาจะต้องชอบเธอมากแน่ ๆ”
โม่เจ๋อหยวนที่อยู่ด้านข้างถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยิน
“ซวงเอ๋อร์ ปู่ของเธอกับคนอื่น ๆ จะมาฉลองปีใหม่ด้วยกันหรือ?”
เฮ่อเจียรุ่ยอธิบายขณะนั่งอยู่ด้านข้าง “คุณปู่และคนอื่น ๆ ไม่ได้มา แต่พวกเราจะไปก่างเฉิงน่ะ”
โม่เจ๋อหยวนตกใจ เขาหันไปถามทันที “ซวงเอ๋อร์… เธอก็จะไปก่างเฉิงด้วยหรือ?”
หลังเห็นโม่เจ๋อหยวนเป็นอย่างนี้ ถังซวงรีบอธิบายทันที “เราจะไปก่างเฉิงเพื่อเลี้ยงฉลองปีใหม่ แล้วจะกลับมาหลังจบงาน อีกอย่างเราต้องไปเยี่ยมคุณปู่และคนอื่น ๆ ด้วย”
เมื่อรู้ว่าถังซวงและคนอื่น ๆ จะกลับมา โม่เจ๋อหยวนถอนหายใจอย่างโล่งอก เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่กลับมาอีก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหดหู่เล็กน้อยเพราะเขาคิดว่าช่วงปีใหม่นี้ซวงเอ๋อร์และคนอื่น ๆ จะเข้าไปฉลองที่เมืองหลวงด้วยกันเสียอีก
“แล้วเธอจะไปก่างเฉิงเมื่อไหร่หรือ?”
“หลังปีใหม่น่ะ”
ถังซวงเคยคุยเรื่องนี้กับแม่ของตนนานแล้ว ว่าในวันหยุดยาว เธอยังมีแผนที่จะผลิตยาที่นี่ก่อน แล้วค่อยไปก่างเฉิงหลังจากนั้น จะได้สบายใจ
“แล้วจะกลับเมื่อไหร่?”
หลังจากเห็นความกังวลในแววตาของโม่เจ๋อหยวน เฮ่อเจียรุ่ยอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้า “เจ๋อหยวน ถังซวงจะอยู่ที่นั่นไม่นานหรอก สุดท้ายแล้วพวกเธอก็ต้องกลับมาก่อนโรงเรียนเปิดแน่นอน ไม่ต้องกังวลนักหรอก”
“อ้อ…”
สุดท้ายแล้ว โม่เจ๋อหยวนก็ยังอดไม่ได้ที่จะหดหู่ใจ เพราะเขาจะไม่ได้เจอถังซวงเป็นเวลานาน
ถังซวงรับรู้ถึงอารมณ์ของโม่เจ๋อหยวน ดังนั้นเธอจึงกล่าวปลอบใจ “พี่โม่ แค่ครึ่งเดือนเอง อาจจะเลยไปนิดหน่อยแต่เราได้พบกันอีกแน่”
“อื้ม”
โม่เจ๋อหยวนพยายามอย่างที่สุดเพื่อยิ้มออกมา แต่วันนี้อาหารกลับไม่อร่อยเหมือนทุกวัน หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เขากลับมาก่อนจะโทรหาจิงเจ้อหรง
เมื่อจิงเจ้อหรงรู้ว่าทั้งแม่และลูกสาวกำลังจะไปก่างเฉิง หัวใจของเขาพลันบีบรัด ในที่สุดเขาก็เรียกชื่อเฮ่อหลานได้แล้วแท้ ๆ แต่เธอกำลังจะไปก่างเฉิง ไปไกลจากเขาอีกแล้ว…
เมื่อโม่เจ๋อหยวนเห็นว่าปลายสายเงียบไป อารมณ์ของเขากลับดีขึ้นอย่างประหลาด จากนั้นเขาพูดช้า ๆ ว่า “ลุงจิง ป้าหลานและคนอื่น ๆ จะกลับมาหลังจากเลี้ยงฉลองเสร็จ อาจจะสองสามวันก่อนที่ซวงเอ๋อร์จะเปิดเรียนครับ”
“อ้อ…”
หลังจากได้ยินแล้ว จิงเจ้อหรงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และรู้ตัวแล้วว่าตนทำตัวงี่เง่า ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขุ่นเคือง “ไอ้เด็กคนนี้” นี่เป็นความไม่พอใจของอีกฝ่าย แต่เด็กนี่กลับมาทำให้ตนไม่พอใจไปด้วย แต่สุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็ยังถามโม่เจ๋อหยวนว่า “อาหลานกับคนอื่น ๆ จะเดินทางไปก่างเฉิงเมื่อไหร่?”
“หลังปีใหม่สักหน่อยครับ”
โม่เจ๋อหยวนตอบกลับอย่างว่าง่าย ก่อนจะหัวเราะแล้วพูดต่อว่า “ขอแสดงความยินดีกับลุงจิงด้วยครับ” อีกฝ่ายเปลี่ยนสรรพนามเรียกขานเฮ่อหลานเป็นอาหลานแล้ว แสดงว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองน่าจะพัฒนาไปอีกขั้น
“อืม เข้าใจแล้ว อีกสองสามวันฉันจะไปหาอาหลาน”
จิงเจ้อหรงอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างขบขันกับโม่เจ๋อหยวน “ซวงเอ๋อร์เก่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และเธอจะต้องพบเจอกับคนเก่ง ๆ มากขึ้นในอนาคตแน่ เธอคงจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้ถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นแน่”
อืม… เป็นเพราะซวงเอ๋อร์คือลูกสาวของอาหลาน เขาถือว่าเธอและเสี่ยวเซวี่ยเป็นลูกของตนตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนคิดอย่างไรกับถังซวง แม้เขาจะรู้ดีว่าเด็กหนุ่มคนนี้ก็เก่งกาจไม่แพ้กัน แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวง ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบได้ บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อวัยชรามักหวงลูกสาวตัวเอง