บทที่ 224 ควรต้องแนะนำตัว?
บทที่ 224 ควรต้องแนะนำตัว?
เมื่อได้ยินเสียงของเฮ่อหลาน จิงเจ้อหรงเงยหน้าขึ้นไปมองทันที และเมื่อเขาเห็นสองแม่ลูกจึงรีบก้าวขาไปด้านหน้า “อาหลาน ซวงเอ๋อร์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลย”
เฮ่อหลานประหลาดใจมากเช่นกันเมื่อเห็นจิงเจ้อหรงที่นี่ ก่อนจะกล่าวอย่างประหลาดใจ “อาเจ้อ ฉันว่าจะถามคุณอยู่เหมือนกันค่ะ ไม่คาดคิดว่าจะมาเจอกันที่นี่ คุณมาทานข้าวหรือคะ?”
ถังซวงกล่าวขึ้นอย่างสบาย ๆ จากด้านข้าง “ค่ะ ลุงจิงมาที่นี่เพื่อทานข้าว แม่ดูสิคะ เหมือนว่าคุณเหม่ยก็จะมากับลุงจิงด้วยนะ” ในตอนท้ายเธอยิ้มแล้วหันมองเหม่ยหยิงตงก่อนจะพูดว่า “ฉันไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกับคุณเหม่ยที่นี่ นึกว่าคุณเหม่ยจะอยู่ในเมืองหลวงตลอดซะอีก”
เหม่ยหยิงตงและหลี่ว์ตานมองถังซวงด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
หลังเหม่ยหยิงตงชำเลืองมองหญิงสาวแล้ว เธอเปลี่ยนเป้าหมายไปที่เฮ่อหลานอย่างรวดเร็ว ทว่าพอเห็นรูปลักษณ์ของเฮ่อหลานชัดเจนแล้ว เธอเผลอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
เดิมทีนั้นภาพลักษณ์ของเฮ่อหลานที่เธอเคยพบคือหญิงสาวบ้านนอกที่แต่งตัวธรรมดาซ่อมซ่อ ทว่าวันนี้แม้เฮ่อหลานจะแต่งตัวอย่างสบาย ๆ แต่รูปร่างหน้าตาของเธอกลับอ่อนเยาว์ และดูงดงามผิดจากหญิงสาวบ้านนอกโดยสิ้นเชิง นี่ยังไม่กล่าวถึงท่าทางสง่างาม หากคนอื่นที่ไม่รู้มองมา ก็คงจะคิดว่าเธอเป็นคุณหญิงจากตระกูลใหญ่แน่
แม้จะมีความคิดมากมายวิ่งอยู่ในหัว แต่เหม่ยหยิงตงก็ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ เลย เธอยังคงนิ่งสงบเช่นเคย ก่อนจะหันมองถังซวงด้วยแววตาอ่อนโยน มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า “นี่คงจะเป็นแม่ของเธอสินะจ๊ะ คุณเฮ่อกับลูกสาวนี่สวยเหมือนกันเลยนะคะ”
เฮ่อหลานรู้ว่าบุคคลผู้นี้คือเหม่ยหยิงตง เมื่อลูกสาวของเธอกลับจากเมืองหลวงคราวนั้น เธอพูดถึงคุณเหม่ยด้วย และไม่คาดคิดว่าจะได้พบกันในวันนี้ แต่เนื่องจากอีกฝ่ายพูดอย่างสุภาพ เธอจึงยกยิ้มแล้วตอบกลับว่า “ขอบคุณคุณเหม่ยสำหรับคำชมนะคะ คุณกับลูกสาวก็หน้าตาคล้ายกันมาก แล้วก็ยังหน้าตาดีเหมือนกันเลยค่ะ”
“อ้อ… ค่ะ ขอบคุณค่ะ แต่เธอดูไม่ค่อยเหมือนฉันเท่าไหร่หรอกค่ะ”
เมื่อเฮ่อหลานได้ยินอย่างนั้นแล้ว เธอไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อ จึงเงียบไป
หยางซู่ที่ตามมาจากด้านหลังรู้สึกว่าเวลานี้เขากำลังตกที่นั่งลำบากเมื่อได้พบกับเฮ่อหลานและลูกสาว แต่ในเมื่อเหม่ยหยิงตงเดินทางมาจากเมืองหลวง เขาเลยคิดว่าทุกคนล้วนแต่คุ้นเคยกันดี จึงตกลงรับคำขอร้องของเหม่ยหยิงตงเพื่อพาจิงเจ้อหรงออกมาด้วย แต่ใครจะคิดว่าในร้านอาหารนับพันแห่ง เขาจะได้พบเจอกับคู่หมั้นของจิงเจ้อหรง
“พี่สะใภ้ ผมไม่คิดว่าพวกคุณจะมาที่นี่ด้วย ดูบังเอิญจังเลยนะครับ”
จะไม่ใช่ความบังเอิญหรือโชคชะตาได้ยังไง? ในเมืองใหญ่โตขนาดนี้แต่กลับได้พบกันเนี่ยนะ
หลังได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานหันมองหยางซู่ด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ บังเอิญจริง ๆ”
แม้ใบหน้าของเฮ่อหลานจะมีรอยยิ้ม แต่มันก็เป็นเพียงรอยยิ้มจาง ๆ และหยางซู่สัมผัสได้ว่ามีความเย็นเยือกในนั้น เฮ่อหลานคงจะจดจำเขาในทางที่แย่ไปแล้ว พระเจ้า… ทำไมวันนี้เขาถึงซวยอย่างนี้นะ!
ด้านหลังของหยางซู่คือฟ่านเป่าหลงและหลิวปิง ซึ่งเฮ่อหลานได้พบกับพวกเขาในคราวก่อน เวลานี้ทุกคนตกอยู่ในความอึดอัด ขณะนั้นเองจิงเจ้อหรงกล่าวแนะนำตัวพวกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยังไงเฮ่อหลานก็คือคนที่เขาใส่ใจและนึกถึงเสมอ ดังนั้นท่าทางของพวกเพื่อน ๆ จึงผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
“สวัสดีครับ”
เมื่อเห็นฟ่านเป่าหลงและหลิวปิงทักทายด้วยรอยยิ้ม เฮ่อหลานจึงยิ้มตอบ
เหม่ยหยิงตงมองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ในแววตาเผยความเศร้าหมองชัดเจน หยางซู่มาจากเมืองหลวง ทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เวลานี้เธอจึงสนิทสนมกับเขามากที่สุด สำหรับฟ่านเป่าหลงและหลิวปิง พวกเขาเป็นเพื่อนของจิงเจ้อหรงที่ได้พบเจอกันที่นี่ ดังนั้นเหม่ยหยิงตงจึงไม่ได้รู้จักทุกคนดี เพิ่งได้พบและทักทายกันเมื่อครู่นี้เอง
แต่เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าพวกเขาทั้งหมดจะรู้จักเฮ่อหลานดี และยังเรียกอีกฝ่ายว่าพี่สะใภ้…
จิงเจ้อหรงคงพาเฮ่อหลานมาแนะนำกับเพื่อน ๆ เรียบร้อยแล้ว การที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเฮ่อหลานเป็นคนสำคัญและจะมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เหม่ยหยิงตงเผลอกำหมัดแน่น เล็บที่สวยงามนั้นแทบจะจิกลงในฝ่ามือ
ซึ่งหลี่ว์ตานสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของแม่ เธอหันมองถังซวงและเฮ่อหลานด้วยความโกรธราวกับต้องการให้ทั้งสองหายไปจากตรงนี้ หากไม่ใช่เพราะทั้งสอง แม่ของเธอจะต้องได้สิ่งที่ปรารถนาและได้แต่งงานกับตระกูลจิง อีกอย่างเธอก็ถูกผลักไสจากโม่เจ๋อหยวนเพราะผู้หญิงคนนี้เช่นกัน
เรื่องทั้งหมดมันเป็นอย่างนี้เพราะสองแม่ลูกตรงหน้า!
ถังซวงมองความเกลียดชังที่ฉายชัดในแววตาของหลี่ว์ตานด้วยความขบขัน เธอไม่คิดสนใจอะไรนักเพียงหันมองทางอื่น ก่อนจะหันไปหาเฮ่อหลานแล้วพูดว่า “แม่คะ คุณชายซ่างรอพวกเราอยู่ กลับไปที่โต๊ะก่อนเถอะค่ะ”
“คุณชายซ่าง? คุณชายซ่างคือใครหรือครับ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว จิงเจ้อหรงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ก่อนเฮ่อหลานจะทันได้อธิบาย ซ่างสยงเยี่ยเดินมาแล้วมองเฮ่อหลานด้วยความสงสัย “คุณเฮ่อครับ คุณกับคุณถังยังสั่งอาหารไม่เสร็จหรือครับ? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นซ่างสยงเยี่ยเดินเข้ามาใกล้ เฮ่อหลานรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “คุณชายซ่างคะ พวกเราสั่งอาหารเสร็จแล้วค่ะ แต่บังเอิญเจอคนรู้จักก็เลยแวะทักทายนิดหน่อย”
จิงเจ้อหรงมองซ่างสยงเยี่ยที่แต่งตัวดูดี ท่าทางจะร่ำรวยไม่น้อย เขาเอ่ยถามออกไปตรง ๆ ว่า “อาหลาน เขาเป็นใครหรือครับ?”
จิงเจ้อหรงกับซ่างสยงเยี่ยยืนมองกัน ซ่างสยงเยี่ยลอบคิดในใจว่าจิงเจ้อหรงดูดีมาก แม้แต่เขาที่เป็นผู้ชายยังต้องยอมรับว่าจิงเจ้อหรงหล่อเหลาเอาการ ทว่าเขากลับไม่ทราบว่าจิงเจ้อหรงเป็นอะไรกับเฮ่อหลาน ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามออกไปว่า “คุณเฮ่อครับ เขาเป็นใครหรือครับ?”
เฮ่อหลานกำลังจะแนะนำ แต่จิงเจ้อหรงก้าวไปด้านหน้าก่อนจะโอบมือบนไหล่ของเธอเบา ๆ แล้วแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับ ผมเป็นคนรักของอาหลาน ชื่อจิงเจ้อหรง ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ซ่างสยงเยี่ยเลิกคิ้วมองเฮ่อหลานด้วยความประหลาดใจก่อนจะพูดต่อว่า “ผมไม่นึกมาก่อนว่าคุณเฮ่อจะมีคนรักแล้ว แต่ก็ไม่แปลกใจเลยเพราะคุณเฮ่อทั้งสวยและมีเสน่ห์ขนาดนี้”
คำพูดเหล่านี้ไม่ได้มีความหมายอะไรกับซ่างสยงเยี่ยที่เป็นคนตรงไปตรงมา ในเมืองก่างเฉิงเขามักกล่าวออกไปอย่างง่ายดายและยังแสดงความชื่นชมออกไปตรง ๆ โดยไม่เขินอาย แต่สำหรับแผ่นดินใหญ่แล้ว การที่ผู้ชายกล่าวถึงผู้หญิงเช่นนี้ในที่สาธารณะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เวลานี้เองที่คนรอบตัวหันมองซ่างสยงเยี่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น และขณะเดียวกันก็มองไปที่เฮ่อหลาน เพราะอยากทราบถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง
เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว เหม่ยหยิงตงหัวเราะทันที
“คุณเฮ่อคะ คำพูดของคุณชายซ่างน่าสนใจทีเดียว เราทุกคนอายแทนเลยค่ะที่เห็นเขาชมคุณออกนอกหน้าขนาดนี้”
ซ่างสยงเยี่ยเลิกคิ้วก่อนจะชำเลืองมองเหม่ยหยิงตงแล้วพูดว่า “นั่นเป็นเพราะคุณเฮ่อสวยและใจดีจริง ๆ หนิครับ แต่ถ้าเป็นคุณ ผมคงกล่าวคำชมแบบนี้ไม่ได้”
“…” เหม่ยหยิงตง ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินอย่างนั้น