พระองค์เองก็ไม่ทรงทราบว่าทำไมอยู่ๆจึงได้เกิดความสนพระทัยขึ้นมา
บางทีอาจเป็นเพราะวันเวลาในแดนสวรรค์นั้นน่าเบื่อหน่าย ไม่มีเรื่องใดให้ตื่นเต้นมานานแล้วก็ได้
จิตวิญญาณจากโลกเบื้องล่างดวงหนึ่ง ก็สามารถสิงสถิตย์ในร่างเนื้อของผู้อื่น เล็ดลอดขึ้นมาถึงบนนี้ได้ นี่ยังมิใช่เรื่องที่น่าสนใจอีกหรือ?
แถมเหล่าเทพบนแดนสวรรค์ก็ยังไม่มีผู้ใดจับพิรุธของเจ้ามดปลวกตัวนี้ได้อีกต่างหาก
พระองค์ทรงสงสัยอยู่ในพระทัยว่า ภายใต้ร่างที่มีเนื้อหนังนั่น แท้จริงแล้วซุกซ่อนจิตวิญญาณแบบใดเอาไว้กันแน่?
จึงได้ทรงประทับทอดพระเนตรอยู่เฉยๆ โดยมิได้ลงมือใดๆ
ระดับจักรพรรดิสวรรค์ ย่อมไม่ทรงลงมือกับพวกมดปลวกอยู่แล้ว
พระองค์ประสงค์จะประทับอยู่ด้านนอก มองดูเจ้านกยักษ์ค่อยๆฉีกกระชากร่างเนื้อนั่นออก ปล่อยให้เลือดสดๆไหลนองลงมา พอเหลือแต่ซากกองอยู่บนพื้น โฉมหน้าที่แท้จริงนั้นมีหรือจะไม่ปรากฏออกมา?
…………………..
ที่ด้านนอกของเจดีย์กำราบมาร เหล่าเทพที่เฝ้าสังเกตการณ์ดูอยู่แต่ไกล ต่างก็พากันประหลาดใจขึ้นมา
พวกเขารู้สึกได้ถึงความอึกทึกครึกโครมที่กำลังเกิดขึ้นภายในเจดีย์ หรือว่าในนั้น….จะมีการต่อสู้กัน?
ใครกำลังต่อสู้กันอยู่?
และต่อสู้กันเพราะอะไร?
นี่จึงเป็นประเด็นหลักที่เหล่าเทพทั้งหลายสนใจ
เทียนตี้กับเจ้าสวะจากโลกเบื้องล่างนั้นยังคงอยู่ข้างในนั้นนี่นา
“กรรรร ….” ทันใดนั้นเอง เสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดของเหล่ามังกรหยกเขียวก็ดังมาแต่ไกล
เหล่าเทพต่างก็พากันหันไปมอง พอเห็นว่ามังกรหยกเหล่านั้นกำลังลากพระตำหนัก หลิงเซียวเป่าเตี้ยนมาทางนี้ พวกเขาก็พากันหลีกทางให้
พระตำหนักหลิงเซียวเป่าเตี้ยน คือที่ประทับของเทียนตี้และเทียนโฮ่ว ทั้งยังมีท้องพระโรงที่เหล่าเทพใช้เป็นสถานที่ประชุมอีกด้วย
การประชุมในวันนี้เสร็จสิ้นไปแต่แรกแล้ว อีกทั้งตอนนี้เทียนตี้ก็ทรงประทับอยู่ในเจดีย์กำราบเทพมาร เช่นนั้นผู้ที่ประทับอยู่ในพระตำหนักหลิงเซียนเป่าเตี้ยน ย่อมต้องเป็นเทียนโฮ่วแล้ว!
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า เรื่องนี้จะถึงกับทำให้เทียนโฮ่วทรงเคลื่อนไหวเช่นกัน
เหล่าเทพในแดนสวรรค์ต่างก็ทราบกันดีว่า เทียนตี้ทรงรักถนอมเทียนโฮ่วมาโดยตลอด แม้จะบอกว่าเป็นมุกที่ถนอมเอาไว้บนฝ่าพระหัตถ์ก็ไม่ถือว่าเกินไป
แม้ว่าเทียนตี้จะทรงมีฝีมือโหดเ**้ยม จัดการเรื่องราวต่างๆด้วยความเด็ดขาดและรุนแรง แต่กลับทรงดีต่อเทียนโฮ่วอย่างยิ่ง
บนแดนสวรรค์นี้ เทียนโฮ่วปรารถนาสิ่งใดย่อมได้รับสิ่งนั้น แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีเรื่องให้หมองพระทัยมาก่อนเลย
เพียงแต่ที่ผ่านมาเทียนโฮ่วมักจะเก็บพระองค์ น้อยครั้งนักที่จะเผยพระโฉม
อีกอย่างในแดนสวรรค์ก็ยากจะมีเรื่องใดเกิดขึ้นจนถึงขั้นกระเทือนถึงพระนางด้วยเช่นกัน
เหล่ามังกรหยกที่ลากพระตำหนักหลิงเซียวเป่าเตี้ยนหยุดห่างจากเจดีย์กำราบเทพมารในระยะพันเมตร
ครู่ต่อมา ก็มีสิบแปดเทพธิดาที่งดงามเหาะออกมาจากตำหนักกลางของพระตำหนักหลิงเซียวเป่าเตี้ยน
เหล่าเทพธิดายกเกี้ยวนอนสีแดงหลังใหญ่เอาไว้ ทั้งยังมีบันไดหยกหนึ่งร้อยแปดขั้นเหาะตามมาอีกด้วย
รอบด้านของเกี้ยวมีม่านโปร่งคลุมอยู่ แม้ผ้าเนื้อบางจะพลิ้วไหวไปตามสายลม แต่ยังก็สามารถมองเห็นเค้าโครงของสตรีที่อยู่ภายในได้
งดงามเกินผู้ใดจะเปรียบ สูงส่งเหนือใดเทียบ
ท่วงท่าของนางสง่างาม สมดั่งที่เป็นพระมารดาผู้อยู่เหนือหกภพภูมิ
แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจได้ยลพระพักตร์
ยามที่เกี้ยวทรงมาถึง กลิ่นหอมก็ขจรขจายไปทั่วทั้งสี่ทิศ ทำให้จิตใจของผู้คนรู้สึกเบิกบานขึ้นมาในทันที
เหนือเกี้ยวทรงหลังนั้น มีนกยูงขาวหลายตัวบินโฉบไปมา พวกมันทางหนึ่งโผบิน ทางหนึ่งก็ส่งเสียงกู่ร้องที่ไพเราะออกมา
เผ่านกอมตะนั้น ได้ดับสูญไปตั้งแต่ครั้งบรรพกาลแล้ว
สายเลือดที่หลงเหลืออยู่จึงมีแต่นกยูงและเจ้านกยักษ์เท่านั้น
นกยูงนับเป็นวิหคที่งดงามเป็นยอด ส่วนนกยักษ์ก็โหดเ**้ยมดุร้ายที่สุด
นกยักษ์ที่มีอยู่มาตั้งแต่ยุคบรรพกาล คล้ายจะเหลือแต่เพียงเจ้าตัวที่อยู่ในเจดีย์กำราบเทพมารตัวนี้ตัวเดียวเท่านั้นแล้ว
นกยูงขาวก็หาพบได้ยาก นกยูงขาวเหล่านี้เดิมทีเป็นสัตว์ในโลกปัจจุบัน แต่เนื่องเพราะเทียนโฮ่วโปรดปราน เทียนตี้จึงส่งคนลงไปนำขึ้นมา เลี้ยงเอาไว่ในพระตำหนักหลิงเซียวเป่าเตี้ยน
เช่นเดียวกับปลามังกรที่อยู่ในสายธารแห่งดวงดาว
มิว่าสิ่งใดที่เทียนโฮ่วทรงโปรดปราน เทียนตี้ก็ทรงนำมามอบให้ถึงพระหัตถ์อย่างไม่มีข้อแม้
แต่ว่าเหตุใดเทียนตี้จึงได้ทรงรักใคร่และโปรดปรานเทียนโฮ่วถึงเพียงนี้ กลับเป็นเรื่องที่ไม่มีผู้ใดในแดนสวรรค์กล้าวิพากย์วิจารณ์
ผู้ที่รู้เรื่องอยู่บ้างก็บอกว่า เทียนโฮ่วทรงถูกเทียนตี้รับพระองค์ขึ้นมา คล้ายจะเป็นรักแรกพบ
………………
ในเจดีย์กำราบเทพมาร ตู๋กูซิงหลันกำลังขี่คอของนกยักษ์อยู่
เจ้าตัวร้ายนี้แม้ว่าจะเป็นลูกหลานของนกอมตะ แต่คงจะเป็นเพราะผ่านการเข่นฆ่าสังหารมาอย่างโชกโชนตั้งแต่ครั้งบรรพกาล ทั้งยังชมชอบเนื้อมนุษย์ ดังนั้นบนร่างจึงเปี่ยมไปด้วยไอสังหารที่น่าตื่นตระหนก
เพียงแค่ไอสังหารของมันก็รุนแรงพอบีบเค้นคนให้ขาดใจตายได้แล้ว
ที่ด้านนอกกรงยังมีตี้เสียประทับยืนทอดพระเนตรอยู่ ต่อให้ตู๋กูซิงหลันสามารถเอาชนะเจ้านกยักษ์ได้ เกรงว่าพอออกไปก็ต้องถูกฝ่าพระหัตถ์ของเทียนตี้อัดติดกำแพงจนแซะก็แซะไม่ออกเป็นแน่
และถึงแม้ว่านางจะมาด้วยร่างจริงก็คงไม่อาจเอาชนะตี้เสียได้อยู่ดี
คนอย่างตู๋กูซิงหลันย่อมรู้จักการประมาณตนอยู่แล้ว
ที่ด้านนอกกรง ตี้เสียทอดพระเนตรมองดูนางเกาะติดหนึบอยู่บนคอของนกยักษ์อย่างไม่ยอมปล่อยอย่างเงียบๆ ไม่มีท่าทีจะลงมือแต่อย่างใด
ในขณะที่เจ้านกยักษ์ก็ทั้งกู่ร้อง ทั้งกระพือปีก และหมุนไปมาอยู่บนพื้น พยายามจะเหวี่ยงนางลงมาอยู่ตลอด
แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกลับติดอยู่กับมันอย่างแน่นหนา เหมือนกับผ้าปิดปากแผลแผ่นหนึ่ง
จิตมังกรของเยี่ยเฉินได้แต่ร่ำร้องอย่างโหยหวน พูดจริงๆนะ ตอนนี้เขาอยากจะตายๆให้สิ้นเรื่องไปเสียมากกว่า
ยังดีกว่าต้องมาถูกทรมานอยู่เช่นนี้
สตรีผู้นี้เป็นตัวประหลาด ที่ไม่ว่าเรื่องใดก็สามารถกระทำออกมาได้ทั้งสิ้น!
เขามีลางสังหรณ์ว่า อีกสักครู่นางจะต้องจิตวิญญาณแตกสลาย ส่วนจิตมังกรของเขาก็ต้องติดอยู่ในวังวนไม่มีวันได้ไปผุดไปเกิดเป็นแน่
เพราะหากว่ากันตามสายเลือดแล้ว พวกเขาก็เท่ากับว่าเป็นพี่ชายน้องสาวกัน
หากจะจะเถียงว่าตนกับนางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น ผู้ใดในแดนสวรรค์จะยอมเชื่อถือกัน?
ตู๋กูซิงหลันไม่สนใจเสียงกรีดร้องอันโหยหวนจากจิตมังกรของเยี่ยเฉิน นางอาศัยมุมอับที่ตี้เสียไม่อาจทอดพระเนตรเห็น ล้วงเอายันต์โลหิตสองผืนออกมาซัดใส่ร่างของเจ้านกยักษ์
ก่อนที่จะขึ้นมาบนแดนสวรรค์ นางได้ตระเตรียมยันต์โลหิตเอาไว้มากพอสมควร เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ
นางแค่คิดไม่ถึงว่า จะได้ใช้เร็วถึงเพียงนี้
สิ่งที่ผนึกอยู่ในยันต์โลหิตเหล่านี้คือพลังหยินสุดขั้ว พอเข้าสู่ร่างของนกยักษ์จึงให้ผลเหมือนใช้พิษสะกดข่มพิษ
หลังจากที่อาจารย์จากไป ตู๋กูซิงหลันก็ศึกษาและค้นคว้าอยู่เนิ่นนาน ถึงได้คิดวิธีพิษสะกดพิษเช่นนี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่เคยได้ทดลองมาก่อน จึงไม่ได้มีความมั่นใจอย่างเปี่ยมล้นว่ายันต์โลหิตนี้จะสามารถควบคุมเจ้านกยักษ์เอาไว้ได้
จิตมังกรของเยี่ยเฉินร้องคร่ำครวญออกมา เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องมีวันเช่นนี้มาก่อนเลย วันที่ได้แต่หวังว่าวิธีการขอตู๋กูซิงหลันจะได้ผล
ร่างกายของเขาจะตายก็ได้ แต่เขาไม่อยากจิตวิญญาณแตกดับ
พวกสวรรค์ล้วนชั่วร้าย ……แค่ลองคิดๆดูก็น่าหวาดผวามากแล้ว
พอยันต์โลหิตสองแผ่นถูกผนึกลงไป เจ้านกยักษ์ก็เพลากำลังลงไปบ้าง
ไอหยินที่วิ่งพล่านอยู่ภายในร่างของมัน ทำให้มันรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
อีกทั้งกรงเล็บก็ยังถูกล่ามเอาไว้ มันจึงไม่อาจวาดลวดลายได้อย่างเต็มที่ พอไม่อาจกำจัดตู๋กูซิงหลันได้อย่างรวดเร็ว ก็เท่ากับว่าตกบ่วงของนางเข้าแล้ว
สีพระพักตร์ของตี้เสียที่ทอดพระเนตรอยู่ด้านนอก ก็ชักจะแข็งกระด้างขึ้นมาอีกหลายส่วน
พระองค์ไม่ทรงคาดคิดมาก่อนเลยว่า เจ้านกยักษ์ตัวนี้จะยอมสงบอยู่ภายใต้พวกมดปลวก
สายพระเนตรของพระองค์ยังคงจับจ้องอยู่ที่ตู๋กูซิงหลันแขวนตัวอยู่บนลำคอเจ้านกยักษ์ พระองค์โบกพระหัตถ์ขึ้นมาครั้งหนึ่ง ประตูกรงก็เปิดออก พระวรกายกลายเป็นแสงสีทองพุ่งเข้าไปในกรงของนกยักษ์
ฝ่าพระหัตถ์ข้างหนึ่งซัดลงบนลำคอของตู๋กูซิงหลันอย่างรวดเร็ว ทำให้นางตกลงมาจากบนลำคอของนกยักษ์ในทันที
จากนั้นก็โบกพระหัตถ์ขึ้นเขวี้ยงนางลอยสูงขึ้นไปในอากาศ
ตู๋กูซิงหลันขมวดคิ้วขึ้นมา ริมฝีปากของนางท่องคาถา นิ้วมือก็ขยับเป็นปางมือต่างๆ
ขณะที่นางเหลือบตามองไปทางปากประตูกรง ร่างก็พุ่งไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด
แต่ว่าตี้เสียคือผู้ใดกัน?
ไหนเลยจะยินยอมให้นางหลบหนีไปโดยง่าย?
พระหัตถ์ข้างหนึ่งพุ่งตรงออกมา ประทับลงบนใจกลางแผ่นหลังของตู๋กูซิงหลัน ฝ่ามือนั้น ใช้ออกด้วยพลังของเทียนตี้ผู้ไร้ที่เปรียบ ย่อมสามารถบีบให้วิญญาณของนางที่สถิตย์อยู่ในร่างของเยี่ยเฉินหลุดออกมากว่าครึ่ง
…………………