ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 650 ต่อให้ฝันชาวสวรรค์ก็คิดไม่ถึงว่า พวกเขาได้…….

ตอนที่ 650 ต่อให้ฝันชาวสวรรค์ก็คิดไม่ถึงว่า พวกเขาได้.......

จะว่าไป นางก็มีฐานะเป็นถึงเทียนโฮว่ หากจะทำสิ่งเพื่อปกป้องความสงบสุขของแดนสวรรค์ ย่อมมิใช่เรื่องที่ผิดอยู่แล้ว

ยิ่งเมื่อต้องเห็นแก่บุตรของทั้งสองที่มีด้วยกัน เขายังจะลงโทษนางลงได้อย่างไร?

ครู่ใหญ่ ที่ด้านนอกประตูค่อยมีเสียงนางกำนัลกราบทูลกลับมาว่า “เทียนโฮว่เพคะ …….เทียนตี้ทรง….”

ฮว๋ายยู่หัวใจชะงักวูบ รู้ว่าจะต้องเป็นเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน นางรีบถามกลับไป “เทียนตี้ทรงเป็นอย่างไร?”

“ผู้ดูแลพระตำหนักของเทียนตี้บอกว่า เทียนตี้ทรงเหนื่อยล้าแล้ว คืนนี้จะทรงปิดตำหนักเข้าฌาน รอจนพรุ่งนี้จึงจะเสด็จออกมาเพคะ”

“เข้าฌานไปแล้ว?” ข่าวนี้สร้างความประหลาดใจให้กับฮว๋ายยู่อย่างมาก

หากว่านางจำได้ไม่ผิดละก็ พลังตบะของพระองค์ลึกล้ำไพศาล แข็งแกร่งไร้เทียมทาน แล้วอยู่ดีๆจะต้องไปเข้าฌานได้อย่างไร?

“เจ้าเห็นเทียนตี้เสด็จไปเข้าฌานด้วยตาของตนเองกระนั้นหรือ?”

ครู่ต่อมาฮว๋ายยู่ถึงได้ถามออกไป

หัวใจของเทพธิดารับใช้ผู้นั้นก็สะท้านขึ้นมา ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่กล้าทูลตอบ

ท้ายที่สุด ก็ได้ยินน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกของฮว๋ายยู่ตรัสออกมาว่า “คงจะไม่เห็นสินะ?”

เทพธิดารับใช้ผู้นั้นเดิมทียืนเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกของประตู ตอนนี้จึงรีบคุกเข่าโครมลงไป เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านว่า “พระอาญาไม่พ้นเกล้า แม้ว่าบ่าวจะไม่ได้เห็นเทียนตี้เสด็จไปเข้าฌานมากับตาของตนเอง แต่ว่าผู้ที่ให้คำตอบก็คือผู้ถวายการรับใช้ข้างกายเทียนตี้ บ่าวมิได้โป้ปดนะเพคะ”

ฮว๋ายยู่เอนร่างอยู่บนฟูกอ่อนนุ่ม นวดเฟ้นขมับที่อยู่ๆก็ปวดตุบๆขึ้นมาอย่างรุนแรง

“ข้าเคยบอกไปตั้งหลายครั้งแล้วว่า สิ่งที่เห็นด้วยตาของตนเองจึงจะถือว่าเป็นจริง แค่ทางโน่นเอ่ยออกมาอย่างชุ่ยๆประโยคเดียว ก็สามารถไล่เจ้ากลับมาได้แล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ไม่คู่ควรจะรับใช้อยู่ข้างกายข้าอีกต่อไปแล้ว”

เทพธิดาองค์นั้นพอได้ฟัง ก็ร้อนรนเขกศีรษะลงกับพื้น ละล่ำละลักกราบทูลด้วยน้ำเสียงและร่างที่สั่นสะท้าน “ขอทรงพระเมตตา โปรดทรงอภัยด้วยเพคะ บ่าวทำงานไม่รอบคอบ บ่าวรู้ผิดแล้ว ต่อไปจะไม่ทำพลาดอีกแล้วเพคะ”

ฮว๋ายยู่มิได้สนใจนางแม้แต่น้อย พระนางโบกพระหัตถ์ขึ้นมาครั้งหนึ่ง ก็ปรากฏเงาดำมืดขึ้นมาสายหนึ่งในทันที

เงาดำสายนั้นพุ่งผ่านร่างกายของเทพธิดาไปในชั่วพริบตา

เทพธิดาผู้นั้นสองตาเบิกโพลง ในแววตามีแต่ความหวาดกลัว แต่ไม่มีเสียงใดออกมาจากลำคอทั้งนั้น

ทันทีที่ถูกเงาสีดำนั้นทะลวงผ่านไป ร่างกายก็กลายเป็นเพียงซากศพที่แห้งกรังไปในพริบตา

เงาสีดำนั้นยังคงโอบล้อมศพที่แห้งกรอบเอาไว้ บีบรัดพัวพันจนเนื้อหนังที่แห้งกรอบบนศพสลายหายไป เหลือเพียงกระดูกขาวโพล่ออกมา และเพียงครู่เดียวกระดูกสีขาวก็ถูกเงาดำนั้นกลืนกินเข้าไปจนหมดสิ้น

เพียงแค่ชั่วลมหายใจ คนที่เคยมีชีวิตผู้หนึ่งก็ถูกดูดกลืนเข้าไปต่อหน้าต่อตาจนหมดสิ้น

หลังเงาดำนั้นกลืนกินเทพธิดาเข้าไปแล้ว ก็กลับมาอยู่ที่ข้างกายฮว๋ายยู่อย่างเชื่อฟังดังเดิม

คราวนี้ สีพระพักตร์ที่เดิมอ่อนล้าอยู่เล็กน้อยของฮว๋ายยู่ ค่อยกลับคืนสู่ความสดใสขึ้นมาอีกหลายส่วน

พระนางไม่สนพระทัยจะเหลียวมองดูสิ่งใดทั้งสิ้น โบกพระหัตถ์ที่แฝงพลังวิญญาณออกไปอีกครั้ง เรียกเอาเทพธิดารับใช้อีกสองคนเข้ามา

“พวกเจ้ารีบไปที่พระตำหนักไท่เหิงกง ทูลเชิญเทียนตี้เสด็จมาอีกครั้งให้ได้ ทูลพระองค์ว่าข้าเจ็บครรภ์รุนแรง ทรมานราวถูกมีดทิ่มแทง เกรงว่ารัชทายาทในครรภ์จะมีอันตราย”

เทพธิดาสององค์นั้นยืนอยู่ตรงจุดที่เทพธิดาเมื่อครู่ถูกกลืนกินไป โดยมิได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆทั้งสิ้น

พวกนางคุกเข่าลงไปอย่างนอบน้อมเชื่อฟัง แม้ว่ารอบกายจะไม่มีผู้อื่น ก็ยังไม่กล้าเหลือบมองอะไรวุ่นวาย

“ทูลหนึ่งครั้งยังไม่มา ก็ทูลเชิญอีกครั้ง ทำไปจนกว่าเทียนตี้จะทรงยอมเสด็จ”

“เพคะ เทียนโฮว่”

สองเทพธิดารีบล่าถอยออกไป

ถึงแม้ว่าเทียนตี้และเทียนโฮ่วจะทรงอยู่ร่วมกันในพระตำหนักหลิงเซียวเป่าเตี้ยน แต่ว่าพระตำหนักหลิงเซียวเป่าเตี้ยนนี้กว้างขวางโอ่อ่า

ใหญ่โตโอฬารกว่าวังของฮ่องเต้บนโลกนับสิบเท่า

เทียนตี้ทรงมีพระตำหนักส่วนพระองค์ เรียกว่า ไท่เหิงกง

เทียนโฮว่ก็ทรงมีพระตำหนักส่วนพระองค์ ที่เรียกว่า ยู่หวงกง

พระตำหนักที่ทั้งสองประทับอยู่ร่วมกันด้วยความรักใคร่ เรียกว่า ยวนยาง[1]กง

ตอนนี้ฮว๋ายยู่ทรงอยู่ที่ยวนยางกง

การประดับประดาในพระตำหนักยวนยางกงอบอวลไปด้วยกลิ่นไอของความรัก แม้แต่ม่านรอบด้านก็โปร่งบาง ให้ความรู้สึกคล้ายมีคล้ายไม่มี อย่างที่บรรยายไม่ถูก

ฮว๋ายยู่ใช้มือข้างหนึ่งประคองศีรษะเอาไว้ มองดูภาพสถานการณ์ที่ประตูสวรรค์ทิศใต้ในกระจก ในใจก็ยังคงรู้สึกว่าไม่น่าวางใจได้อยู่ดี

จึงบัญชาให้คนไปเชิญแพทย์สวรรค์จิ้นหยุนมา

……….

เทพธิดาทั้งสองพอล่าถอยออกจากยวนยางกงไป ค่อยเผยสีหน้าแปลกใจออกมา

“เมื่อครู่นี้ อาเมี่ยว กลับเข้าไปทูลรายงานแล้วมิใช่หรือ? แล้วทำไม่เทียนโฮว่ยังทรงต้องการให้พวกเราไปทูลเชิญเทียนตี้อีก?”

“จะต้องเป็นเพราะว่าอาเมี่ยวทูลเชิญเทียนตี้ไม่สำเร็จ เทียนโฮว่จึงทรงสั่งให้พวกเราไปอีกครั้ง”

“แต่ว่าแล้วอาเมี่ยวหายไปไหนกัน…. นับตั้งแต่ที่เทียนโฮว่ทรงพระครรภ์ที่สอง พระอารมณ์ยิ่งทีก็ยิ่งย่ำแย่ เจ้าว่าอาเมี่ยว นางจะเกิดเรื่องอะไร…..”

ขณะที่หนึ่งในเทพธิดาทั้งสองกำลังจะพูดอะไรออกมา ก็ถูกเทพธิดาอีกองค์หนึ่งปิดปากเอาไว้ในทันที

“สาวเย่า[2] เจ้าไม่รักชีวิตแล้วหรือไร?”

เทพธิดาที่ชื่อสาวเย่าเบิกตาโตขึ้นมา นางออกแรงกระชากมือของอีกฝ่ายออกไป “พี่อิ้งหง ท่านระแวงมากเกินไปแล้ว เทียนโฮว่ของพวกเราทรงพระทัยดี มีพระเมตตาสูงส่ง ไม่มีทางทำให้อาเมี่ยวต้องลำบากเช่นนั้นหรอก นางจะต้องทำสิ่งใดผิด ทำให้พระนางไม่พอพระทัย จึงไล่นางไปยังที่อื่น”

เทพธิดาอิ้งหงเพียงมองดูนางด้วยสายตาเย็นยะเยือก เอ่ยเตือนนางว่าเมื่ออยู่ในพระตำหนักหลิงเซียวเป่าเตี้ยนต้องพูดให้น้อยทำให้มาก เรื่องที่ไม่ควรไต่ถามหรือไม่ควรยุ่งต้องปิดปากเอาไว้เป็นดีที่สุด

สาวเย่าเพียงเข้าใจว่านางเป็นขี้ตื่นขวัญอ่อนไปเอง

เทียนโฮว่ทรงเป็นที่เลื่องลือในความดีงามเลิศล้ำ จนได้รับความเคารพรักจากทั่วทั้งแดนสวรรค์

คิดว่าเป็นเพราะว่าพระนางกำลังทรงพระครรภ์ พระอารมณ์ในช่วงนี้จึงมิสู้ดีสักเท่าไร ยิ่งไปกว่านั้น อยู่ๆก็มีสตรีจากโลกเบื้องล่างที่มีดวงตาเช่นเดียวกับพระนางปรากฏตัวขึ้นมา ไม่รู้ว่ามีเรื่องลับลมคมนัยอันใดอยู่เบื้องหลัง พระนางย่อมต้องทรงพระอารมณ์ไม่ดี มิใช่หรือ?

……………

ประตูสวรรค์ทิศใต้

กลุ่มของตู๋กูซิงหลันถูกนักรบสวรรค์สองพันนายและสองในแปดแม่ทัพสวรรค์ล้อมเอาไว้

ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด

นักรบสวรรค์เดิมทีก็ย่อมมีฝีมือเก่งกาจไม่ธรรมดา โดยเฉพาะหน่วยที่อยู่ใต้บัญชาของแปดแม่ทัพสวรรค์ นับว่าเป็นทหารชั้นยอด ชนิดที่ว่ากองทัพของพวกมนุษย์ไม่อาจเทียบชั้นได้เลย

ทันทีที่เกิดการลงมือ ย่อมสะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งแดนสวรรค์

อาวุธในมือของพวกเขาล้วนเป็นยอดศาสตราวุธ ที่หอก ดาบทั่วไปไม่อาจทำลายได้

นักรบสวรรค์สองพันนายปะทะกับหนึ่งคนและสิบมังกร ดูอย่างไรฝ่ายตู๋กูซิงหลันก็ต้องเสียเปรียบหนัก

เก้ามังกรยักษ์ลากพระตำหนักหลิงเซียวเป่าเตี้ยนมานานถึงหนึ่งหมื่นปี เป็นเพียงสัตว์ชั้นต่ำที่สุดในสายตาของเทพบนแดนสวรรค์

อย่าว่าแต่เหล่านักรบเทพเลย พวกมันเป็นสัตว์ที่แม้แต่เทพที่ต่ำต้อยที่สุดในแดนสวรรค์ก็ยังมองข้าม

พวกเขาย่อมไม่เห็นมังกรทั้งเก้าตัวนี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

ดังนั้นพวกเขาจึงหันปลายหอกดาบทั้งหมดไปที่ตู๋กูซิงหลันตั้งแต่แรกแล้ว

แต่ไหนเลยจะรู้ว่าพอประมือกันเข้าจริงๆ เก้ามังกรที่ยามปกติได้แต่ต้องพินอบพิเทาเยี่ยงสัตว์ต่ำต้อย กลับสามารถพิทักษ์ตู๋กูซิงหลันเอาไว้ได้อย่างแน่นหนา แต่ละตัวแยกเขี้ยวกางกรงเล็บออกมาต่อสู้กับพวกเขาอย่างเต็มที่

ตอนแรกๆพวกนักรบเทพยังสามารถต้านทานพวกมันกลับไปได้

แต่พอนักรบเทพหลายสิบคนตกตายใต้กรงเล็บของมังกรทั้งเก้าตน พวกเขาถึงได้รู้สึกถึงความผิดปกติ

มังกรทั้งเก้าตนนี้ผิดไปจากยามที่ลากพระตำหนักหลิงเซียวเป่าเตี้ยนอย่างลิบลับ

ร่างกายของพวกมันแข็งแกร่งดุจขุนเขา กรงเล็บของพวกมันก็คมกริบกว่าหอกดาบ

เพียงตะปบลงมาครั้งหนึ่งก็ตัดร่างของเทพนักรบออกเป็นสองส่วน!

ตู๋กูซิงหลันยังคงยืนตะหง่านอยู่บนศีรษะของเยี่ยเฉิน นางได้รับความคุ้มครองจากเก้ามังกรอย่างถวายชีวิต ไม่ยอมปล่อยให้นักรบเทพคนใดหลุดเข้ามาได้แม้แต่คนเดียว

มังกรทั้งเก้านี้ถูกซือเป่ยจับมาลากพระตำหนักหลิงเซียงเป่าเตี้ยน แม้จะบอกว่าถูกทรมานมานานนับหมื่นปี

แต่วันนี้ก็ได้เห็นแล้วว่า นี่มิใช่แต่เพียงการถูกทรมานเท่านั้น

ตลอดหนึ่งหมื่นปีมานี้ พวกมันได้ดูดซับไอทิพย์ในแดนสวรรค์เข้าไปตลอดเวลา กล้ามเนื้อและกระดูกผ่านการกระหน่ำซ้ำฟาดตีจากสายฟ้าแห่งสวรรค์ จนเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งชนิดที่ตีรันฟันแทงไม่เข้า

เกรงว่าแม้แต่ชาวสวรรค์เองก็คงจะคิดไม่ถึงว่า พวกเขาได้บ่มเพาะอาวุธที่มีชีวิตเช่นนี้ขึ้นมาด้วยมือของตนเอง

…………….

[1] 鸳鸯: MANDARIN DUCK นกเป็ดน้ำ เนื่องจากธรรมชาติที่จับคู่เพียงครั้งเดียวชั่วชีวิต จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักแท้ หรือรักเดียวใจเดียว

[2] 芍药: PEONY ดอกไม้ในตระกูลโบตั๋น มีทั้งสีม่วงอมชมพู ชมพูอมแดง และม่วงขาว ผลิบานช่วงเดือนพฤษภาคม (หลังจากโบตั๋นบานในเดือนมีนาคม) ได้ชื่อว่าเป็นเทพธิดาแห่งดอกไม้ สัญลักษณ์ของความรักและมิตรภาพ ชาวจีนนิยมมอบให้แก่กัน ในวันที่ 20 พฤษภาคม หรือ เดือน5วันที่20 =520= ที่มีเสียงพ้องกับคำว่า หว่อ อ้าย หนี่ (ฉันรักเธอ)

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท