บทที่ 24 สำเร็จระดับรวมแก่นปราณ และกระบี่กิเลน
ไม่ว่าโม่ฟู่โฉวกับโจฝานจะโน้มนาวอย่างไร หานเจวี๋ยก็ยังคงหนักแน่น
ทั้งสองคนทำได้เพียงจากไปอย่างจนปัญญา
หลังออกมาจากถ้ำเทวา ทั้งสองเหาะไปได้สักระยะหนึ่ง
โจวฝานทนไม่ไหวกล่าวขึ้นว่า “ถึงแม้เขาจะเก่งกาจ แต่จะขี้ขลาดเกินไปแล้วกระมัง!”
พูดเสียสวยหรู ในสายตาของโจวฝานคือกลัวตายชัดๆ
เขาเคยสืบถามจากศิษย์ยอดเขาหยกวิเวก หานเจวี๋ยดีไปหมดทุกอย่าง เสียอย่างเดียวคือขี้ขลาดเกินไป
ครั้งนี้โม่ฟู่โฉวไม่ได้ช่วยแก้ต่างให้หานเจวี๋ย เขาถอนหายใจก่อนเอ่ย “ถึงฝึกบำเพ็ญทั้งชีวิต ก็ไม่อาจปิดด่านได้ตลอด เจ้าและข้าต่างเป็นมนุษย์ อย่างไรก็ไม่พ้นต้องช่วงชิงโอกาสวาสนา คอยดูเถิด ไม่ช้าก็เร็วเขาจะรู้สำนึกเอง”
โจวฝานพยักหน้า
เขาพลันตั้งตารอการเดินทางไปทำภารกิจครั้งนี้
หากได้ยาวิเศษโอสถวิญญาณมาครอง บางทีเขาอาจจะเหนือกว่าหานเจวี๋ยก็เป็นได้!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ โจวฝานมีไฟลุกโชนในใจ
เขาถูกหานเจวี๋ยจัดการทันทีทันใดในการทดสอบของสำนักฝ่ายในก่อนหน้านี้ จนเกิดเป็นบาดแผลร้ายแรงในใจ แม้ว่าเขาไม่ได้เกลียดชังหานเจวี๋ย แต่ก็อยากจะกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาตลอด
…
[ยินดีด้วย ท่านได้รับเข็มขัดเก็บสมบัติ]
[เข็มขัดเก็บสมบัติ: มีพื้นที่กว้างใหญ่มหาศาล สามารถใช้เป็นแหวนเก็บสมบัติหรือถุงเก็บสมบัติได้ เข็มขัดยืดหดได้อย่างอิสระ และไม่ถูกทำลายโดยง่าย]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว มองเข็มขัดเก็บสมบัติเส้นเล็กในมือ
เข็มขัดเก็บสมบัติราวกับภาพวาดม้วนหนึ่ง เพียงแต่ภาพวาดม้วนนี้แคบกว่ามาก เขาส่งพลังจิตเข้าไปสำรวจภายในเข็มขัด ด้านในมีพื้นที่มากถึงหนึ่งพันลูกบาศก์เมตร ใหญ่กว่าถุงเก็บสมบัติของเขามากทีเดียว
เขารีบหยดเลือดแสดงความเป็นเจ้าของ
เมื่อทำเสร็จสิ้น ก็โยนของจากถุงเก็บสมบัติเข้าไปในเข็มขัดเก็บสมบัติ จากนั้นค่อยนำเข็มขัดมารัดรอบเอวตัวเอง
เข็มขัดเก็บสมบัติค่อยๆ หดเข้ามารัดชุดคลุมของเขาไว้แน่น แต่เขากลับไม่รู้สึกว่าเอวถูกรัดหรือหลวมแต่อย่างใด รู้สึกสบายเป็นอย่างมาก
หานเจวี๋ยเล่นมันอยู่สักพัก ก็กลับไปฝึกฝนต่อ
…
สองปีผ่านไปในพริบตา
พลังวิญญาณทั้งหกสายของหานเจวี๋ยบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์
เขาเตรียมตัวฝ่าด่านเคราะห์แล้ว!
เขาเปิดการทำงานเขตอาคมเพื่อฝ่าด่านเคราะห์ภายในถ้ำเทวา
แม้ว่าเคราะห์สวรรค์ของระดับรวมแก่นปราณจะรุนแรง ทว่าอานุภาพก็ไม่ถึงขึ้นทำลายภูเขา หลักๆ จะรวมตัวอยู่เหนือศีรษะของผู้ทะลวงระดับ
เล่ากันว่าเคราะห์สวรรค์ระดับรวมแก่นปราณจะก่อให้เกิดมารในใจได้ง่ายมาก
ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานสิบคน มีเพียงสองสามคนเท่านั้นที่ทะลวงระดับสำเร็จ
หากไม่ถูกเคราะห์สวรรค์ผ่าตายก็ธาตุไฟเข้าแทรก
หานเจวี๋ยมีคุณสมบัติขั้นสุดยอด อีกทั้งฝึกฝนวิชาระดับสูงสุด เป็นธรรมดาที่จะไม่กลัวเรื่องพวกนี้
เมื่อเขากระตุ้นพลังภายในอย่างต่อเนื่อง เมฆครึ้มก็รวมตัวกันเหนือศีรษะ มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ
ในเวลาเดียวกันนี้ มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของหานเจวี๋ย
‘เจ้าต้องการสิ่งใด’
‘ชื่อเสียง?’
‘ลาภยศ?’
‘สตรี?’
‘เจ้าแกร่งเพียงพอแล้ว อย่าได้เก็บซ่อนไว้อีกเลย แสดงออกมาให้ผู้คนได้ประจักษ์ความยิ่งใหญ่ของเจ้าเถอะ!’
เสียงนี้ฟังดูคล้ายมารร้าย พยายามหลอกล่อให้หานเจวี๋ยลุ่มหลงไม่หยุด
หานเจวี๋ยไม่แยแสใดๆ อยากหัวเราะเสียด้วยซ้ำ
นี่คือมารในใจหรือ
ไม่มากพอที่จะทลายกำแพงป้องกันของเขาลงได้!
สองมือของหานเจวี๋ยเริ่มเปลี่ยนไปมาอย่างไร้กฎเกณฑ์ พลังวิญญาณภายในร่างพรั่งพรูตามมา
สร้างฐาน รวมแก่นปราณทอง!
ในจุดตันเถียนของเขาเริ่มรวบรวมพลังวิญญาณ ดูเหมือนศูนย์กลางของวังวนในร่างกายมนุษย์
ทันใดนั้นสายฟ้าสายแล้วสายเล่าจากเมฆครึ้มก็ฟาดผ่าลงบนร่างหานเจวี๋ยอย่างต่อเนื่อง
หานเจวี๋ยใช้วิชาวัฏจักรหกวิถีดูดซับอัสนีสวรรค์กลับทันที
การฝ่าด่านเคราะห์โดยมีพลังวิญญาณหกสาย ช่างเสถียรเป็นที่สุด!
รากวิญญาณอัสนีของหานเจวี๋ยไม่อาจดูดซับอัสนีสวรรค์ได้ทั้งหมด แต่อาศัยพลังวิญญาณอื่นต้านทานไว้ เขาจึงไม่รู้สึกเจ็บคันใดๆ
ไม่นานนัก เขาพบว่าไม่ใช่พลังวิญญาณของเขาที่แข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองต่างหาก
‘ไม่นึกว่าสมบัติวิญญาณชิ้นนี้จะช่วยต้านด่านเคราะห์ได้…’
หานเจวี๋ยคิดอย่างประหลาดใจ
อาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองสามารถต้านทานการโจมตีของผู้บำเพ็ญระดับเปลี่ยนวิญญาณ ในภายหน้าก็ใช้ฝ่าด่านเคราะห์ระดับปราณก่อกำเนิดได้ใช่หรือไม่?
หานเจวี๋ยตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
ช่างเป็นสมบัติที่ดีจริงๆ!
หานเจวี๋ยปลุกเร้าจิตวิญญาณ ฝ่าด่านเคราะห์ต่อไป
…
เจ็ดวันต่อมา
หานเจวี๋ยฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จในที่สุด
[ยินดีด้วย ท่านบรรลุถึงระดับรวมแก่นปราณ ได้รับกระบี่เวทชั้นเลิศหนึ่งเล่ม]
[ยินดีด้วย ท่านได้รับกระบี่กิเลน]
[กระบี่กิเลน: กระบี่สร้างจากเอ็นกระดูกกิเลน แฝงด้วยจิตวิญญาณกิเลน มีประสิทธิภาพในการขับไล่สิ่งชั่วร้าย]
กระบี่หนึ่งเล่มปรากฏขึ้นในมือหานเจวี๋ย ทุกส่วนของกระบี่มีสีดำขลับ บนคมกระบี่ฝังเกล็ดกิเลนไว้ ด้ามกระบี่ยิ่งดูทรงพลัง คมกระบี่กว้างสามนิ้วมือ ความยาวราวหนึ่งเมตรกว่า
เมื่อกุมกระบี่เล่มนี้ หานเจวี๋ยรู้สึกว่ากลางฝ่ามือเย็นวาบ
เป็นกระบี่ที่งดงามมาก!
เหมาะกับเขาเหลือเกิน!
หานเจวี๋ยเก็บกระบี่กิเลนกลับไป จากนั้นจึงเริ่มทำตบะระดับรวมแก่นปราณให้มั่นคง
ครึ่งเดือนต่อมา
เขาเริ่มฝึกแก่นของวิชาวัฏจักรหกวิถีขั้นที่สาม ขณะเดียวกันก็รับสืบทอดพลังวิเศษอย่างแรก
พลังดูดวิญญาณหกสาย!
พลังวิเศษนี้เป็นดังชื่อ สามารถดูดวิญญาณได้ โดยเฉพาะดวงวิญญาณเร่รอน หลังจากสำเร็จพลังวิเศษนี้แล้ว ยังทำให้หานเจวี๋ยมองเห็นร่างวิญญาณที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นด้วย
หานเจวี๋ยเรียนรู้เคล็ดพลังภายในสำเร็จแล้ว ก็เริ่มฝึกฝนพลังวิเศษ
คุณสมบัติรากวิญญาณหกสายระดับสูงทำให้เขาเรียนรู้เสร็จสิ้นในสิบวัน
พลังวิเศษก็คือพลังวิเศษ ล้ำลึกยิ่งกว่าวิชาเวท
เป็นธรรมดาที่อานุภาพจะแกร่งยิ่งกว่า!
หานเจวี๋ยอยากลองตามหาดวงวิญญาณเร่รอนดู แต่ว่าที่นี่คือสำนักหยกพิสุทธิ์
เขาเปิดหน้าจอแสดงคุณสมบัติของตัวเองขึ้นมา
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 64/499]
[เผ่าพันธุ์: มนุษย์]
[ตบะ: ระดับรวมแก่นปราณขั้นที่หนึ่ง]
[วิชายุทธ์: วิชาวัฏจักรหกวิถี (สืบทอดได้) ]
[วิชาเวท: ดรรชนีกระบี่เทพ ย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้น สามกระบี่แยกเงา (ไร้เทียมทาน) ตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร]
[พลังวิเศษ: พลังดูดวิญญาณหกสาย]
[อาวุธเวท: อาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทอง (สมบัติวิญญาณระดับเจ็ด) เข็มขัดเก็บสมบัติ กระบี่กิเลน]
[คุณสมบัติรากวิญญาณ: ร่างวิญญาณหกสาย ประกอบด้วยรากวิญญาณวายุ รากวิญญาณอัคคี รากวิญญาณวารี รากวิญญาณพสุธา รากวิญญาณพฤกษา และรากวิญญาณอัสนีระดับสูงสุด เสริมดวงชะตาขึ้นอีกระดับ]
[ดวงชะตาแต่กำเนิดมีดังนี้]
[ไม่เป็นสองรองใคร: รูปโฉมหล่อเหลา เจ้าเสน่ห์ระดับสูงสุด]
[ชะตาเซียนกระบี่: คุณสมบัติมรรคกระบี่ระดับสูงสุด ความเข้าใจมรรคกระบี่ระดับสูงสุด]
[ความไวของท่าร่าง: คุณสมบัติท่าร่างระดับสูงสุด]
[ทายาทจักรพรรดิเซียน: ได้รับวิชายุทธ์บำเพ็ญเซียนระดับสูงและหินวิญญาณชั้นสูงหนึ่งพันก้อน]
[ตรวจสอบค่าความสัมพันธ์]
…
อายุขัยเพิ่มถึง 499 ปีแล้ว ไม่เลวเลย!
สี่ร้อยกว่าปีก็เพียงพอแล้วที่จะให้เขาทะลวงไปถึงระดับปราณก่อกำเนิด!
แต่หากใช้เวลาเกินกว่าร้อยปี ก็นับว่าเขาพ่ายแพ้!
หานเจวี๋ยคิดอย่างภาคภูมิใจ
ฉับพลันนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ หลังจบการทดสอบของสำนักฝ่ายใน เขายังไม่เคยกล่าวลาเซียนซีเสวียนเลย
เสียมารยาทเข้าให้แล้ว!
หลังออกมาจากถ้ำเทวา เขาบินไปยังฝ่ายในของสำนักหยกพิสุทธิ์
เส้นทางนั้นแยกแยะได้ง่ายมาก เพราะยอดเขาทั้งสิบแปดสะดุดตาจนเกินไป
หานเจวี๋ยขี่กระบี่ไปพลาง ตรวจดูค่าความสัมพันธ์ไปพลาง
ระดับความประทับใจและระดับความเกลียดชังของภาพเสมือนทั้งหลายไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เขากดเปิดจดหมายดู
[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านถูกผู้บำเพ็ญสายมารจู่โจม]
[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านถูกผู้บำเพ็ญสายมารจู่โจม]
…
ละการแจ้งเตือนหลายสิบครั้ง
…
[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านถูกผู้บำเพ็ญสายมารจู่โจม ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่หนีรอดไปได้]
หานเจวี๋ยชะงัก
เจ้าสำนักถูกผู้บำเพ็ญสายมารจู่โจม?
จดหมายแจ้งเตือนมากมายขนาดนี้ ดูท่าทางจะน่าเวทนายิ่งนัก!
หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะกังวล หรือว่าลัทธิมารฟ้ามืดจะโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์ในไม่ช้านี้แล้ว
ขณะที่คิด หานเจวี๋ยก็มาถึงยอดเขาหยกวิเวก
เขารีบคุกเข่าลงด้านหน้าตำหนักหยกวิเวก
ครั้นประตูใหญ่เปิดออก เขาถึงลุกขึ้นและเข้าไปในตำหนัก
“ศิษย์น้องหาน ในที่สุดเจ้าก็กลับมาจนได้!”
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ตำหนิ
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หรือว่าแม่นางผู้นี้จะเป็นญาติของเซียนซีเสวียนจริงๆ?
เหตุใดมาเมื่อใดก็จะได้เจอนางทุกครั้ง
ตบะของฉางเยวี่ยเอ๋อร์เลื่อนขึ้นมาเป็นสร้างฐานขั้นห้าแล้ว ความเร็วระดับนี้ถือว่ารวดเร็วในหมู่คนทั่วไป แต่ไม่อาจเทียบกับหานเจวี๋ยได้
เทียบไม่ได้อย่างสิ้นเชิง!
หานเจวี๋ยคุกเข่าคำนับด้านหน้าเซียนซีเสวียนพร้อมกล่าวขึ้น “ศิษย์มาเยี่ยมคารวะอาจารย์ขอรับ หลังจากการทดสอบของฝ่ายในจบลง ศิษย์ก็รีบเร่งฝึกบำเพ็ญ จนลืมมาเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสเช่นท่านไปเสียได้!”
เซียนซีเสวียนหรี่ตาพลางเอ่ยถาม “เจ้ายังรู้จักกลับมาด้วยหรือ อาจารย์นึกว่าเจ้าทรยศอาจารย์ของเจ้าเสียแล้ว”
หานเจวี๋ยรู้สึกละอายใจ
เขากำลังจะอธิบาย เซียนซีเสวียนก็เอ่ยต่อว่า “สำนักหยกพิสุทธิ์กำลังจะเกิดหายนะอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อาจารย์จะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง ให้เจ้าหนีไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ได้เลย!”
………………………………………………