บทที่ 86 เซียนพิภพไท่อี่ บุตรแห่งสวรรค์คนแรกของจวนเซียนสวรรค์
สัตว์เทพจูเชวี่ย?
หานเจวี๋ยได้สติขึ้นมา ปฏิกิริยาแรกของเขาคือรู้สึกว่าจูเชวี่ยมีปัญหา
ไม่ดูแลลูกตัวเองให้ดี ตายแล้วยังมาโทษเขาอีก?
ไม่รู้ว่าตลอดทางจูโต้วฆ่าสิ่งมีชีวิตไปตั้งเท่าไร!
แต่ว่าชื่อเสียงของจูเชวี่ยนั้นโด่งดังเป็นอย่างมาก หานเจวี๋ยต้องตรวจตอบดูค่าความสัมพันธ์อย่างระมัดระวัง
รูปประจำตัวของจูเชวี่ยเป็นหัวนกตัวหนึ่ง สอดคล้องกับจูเชวี่ยในจินตนาการของหานเจวี๋ยเป็นอย่างมาก
[จูเซวี่ย: เซียนพิภพไท่อี่ขั้นกลาง สัตว์เทพฟ้าประทาน ดวงชะตาแข็งแกร่ง เหตุเพราะท่านสังหารบุตรของเขา จึงเกิดความอาฆาตแค้นต่อท่านอย่างเต็มเปี่ยม รอท่านสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์แล้ว จะต้องตามหาท่านเพื่อแก้แค้น ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]
เซียนพิภพไท่อี่!
ฟู่…
หานเจวี๋ยถูกทำให้ตกใจเสียแล้ว เก่งกาจเพียงนี้เชียว
ไม่รู้ว่าระหว่างระดับมหายานกับเซียนพิภพไท่อี่จะมีระดับอื่นคั่นกลางหรือไม่ ไม่ว่าจะมีหรือไม่ ล้วนไม่ใช่ระดับที่หานเจวี๋ยจะสามารถต่อต้านได้
ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงต้องรอเขาบินขึ้นไปแล้วจูเชวี่ยถึงค่อยแก้เค้น
หรือว่าจูเชวี่ยลงมายังโลกมนุษย์ไม่ได้?
เป็นไปได้อย่างมาก!
บางทีนี่อาจจะเป็นกฎของเซียนกระมัง
ดูท่าหากจะบินขึ้นไปในภายหน้า อย่างน้อยต้องแข็งแกร่งกว่าจูเชวี่ย ไม่อย่างนั้นก็อันตรายมาก
ขณะที่หานเจวี๋ยคิดไปพลาง เขาก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเงียบๆ
ก็ไม่รู้ว่าหนังสือแห่งความโชคร้ายจะสามารถสาปแช่งสัตว์เทพได้หรือไม่
หานเจวี๋ยทำการสาปแช่งอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีผลสะท้อนกลับ ดูท่าคงจะได้
เขาตัดสินใจแล้ว
ต่อจากนี้ช่วงเวลาว่างจากการฝึกฝน เขาจะสาปแช่งเฒ่าประหลาดอู้เต้ากับจูเชวี่ย!
เช้าวันถัดมา
สวินฉางอันกลับมาใต้ต้นฝูซังด้วยวิญญาณล่องลอย
เมื่อคืนเขาดื่มสุราที่โรงเตี๊ยมจนเมามาย สุราของสำนักหยกพิสุทธิ์ล้วนไม่ใช่สุราธรรมดา ผู้บำเพ็ญดื่มแล้วก็สามารถเมาได้
การเมาในครั้งนี้ทำให้สวินฉางอันจมอยู่ในเคราะห์รัก
หานเจวี๋ยออกจากถ้ำเทวา มายืนตรงหน้าสวินฉางอัน
สวินฉางอันจิตใจเหม่อลอย ไม่ทันสังเกตเห็นการมาของหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว และอดนึกถึงที่มาของสวินฉางอันไม่ได้
โสมวิญญาณบรรพกาลกลับชาติมาเกิด ชาติก่อนถูกเลี้ยงดูโดยสำนักพุทธ เพราะตกหลุมรักกับปีศาจสาวชั่วขณะ ทำให้พุทธาเทพพิโรธ จึงส่งตัวมาโลกมนุษย์ เพื่อผ่านด่านเคราะห์รักชั่วกัลปวสาน
มีเพียงแค่การลืมเลือนรัก และสะบั้นรักเท่านั้น ถึงจะหลุดพ้นจากทุกข์แห่งวัฏสงสารได้ นี่เป็นชาติที่สามสิบเก้า ทว่าสวินฉางอันเกิดในตระกูลผู้บำเพ็ญ แม้ว่าจะมีพรสวรรค์เลิศล้ำ แต่จนใจที่เกิดมาอัปลักษณ์ เชี่ยนเอ๋อร์จึงไม่ชอบ หลังจากถูกเชี่ยนเอ๋อร์ปฏิเสธอยู่หลายครั้ง เขาเจ็บปวดรวดร้าวใจจนต้องโกนผมบวชเป็นพระ
เมื่อวานหานเจวี๋ยใช้พลังจิตจับภาพการพูดคุยระหว่างสวินฉางอันและเชี่ยนเอ๋อร์ ภาพที่ปรากฏนั้น…
ราวกับหมาที่ชอบเลีย[1]
ไม่สิ
หมาชอบเลียเป็นศัพท์ในอินเตอร์เน็ตของโลกปัจจุบัน ณ สถานที่แห่งนี้ควรเรียกว่ามีความรู้สึกลึกซึ้งมากกว่า
ความรู้สึกลึกซึ้งเพียงข้างเดียว
หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าควรเกลี้ยกล่อมสวินฉางอันอย่างไรดี
นี่เป็นเคราะห์รัก ลำพังแค่การเกลี้ยกล่อมไหนเลยจะสามารถช่วยอะไรได้
หานเจวี๋ยเอ่ยปากเรียก “ศิษย์เอ๋ย”
สวินฉางอันใจลอยอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นชัดเจนว่าเป็นหานเจวี๋ยก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาคุกเข่าตรงหน้าเขา จู่ๆ อารมณ์ของเขาพลันพุ่งปะทุออกมา ร้องไห้คร่ำครวญเอ่ยว่า “อาจารย์! ในใจของศิษย์ทุกข์ตรมยิ่งนัก…”
ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด หานเจวี๋ยถึงนึกถึงตือโป๊ยก่ายขึ้นมา
ทั้งสองมีลักษณะพิเศษเหมือนกัน
ล้วนอัปลักษณ์
หานเจวี๋ยทอดถอนใจกล่าว “ศิษย์เอ๋ย ความรักระหว่างชายหญิงก็คือทุกข์ นี่เป็นเหตุผลที่อาจารย์ปิดด่านฝึกฝนมาตลอด”
“ทว่าเหตุใด…ถึงมีสาวงามเข้าหาท่านมากเช่นนั้น แต่ข้าก็ชอบหญิงเพียงคนเดียว นางกลับ…”
สวินฉางอันร้องไห้ปานจะขาดใจ
ตรงกลางเขา ไก่คุกรัตติกาลที่กำลังงีบอยู่ใต้ต้นไม้พลิกตัวไปมา
“เจ้าโง่ ตั้งใจฝึกฝนไม่ได้หรือ…”
ไก่คุกรัตติกาลพูดด้วยน้ำเสียงฮึดฮัด หลังจากกินจูโต้วไปแล้ว มันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสายเลือดของมันกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง มันตื่นเต้นมาก รู้สึกว่าตัวเองจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
มันเริ่มวาดหวังแม้กระทั่งอยากให้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกลับมาท้าสู้กับมัน
เจ้าไข่สุนัขเอ๋ย!
พอถึงเวลานั้นข้าจะทำให้เจ้าเข้าใจความร้ายกาจของพ่อไก่!
อีกด้านหนึ่ง
หานเจวี๋ยที่เผชิญหน้ากับคำถามของสวินฉางอัน เอ่ยตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “เป็นเพราะอาจารย์แข็งแกร่ง เดิมทีโลกนี้ก็เคารพผู้แข็งแกร่ง หากตบะของเจ้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า แม่นางผู้นั้นจะไม่รักเจ้าเชียวหรือ ตบะของเจ้าธรรมดา รูปร่างหน้าตาพื้นๆ นางจะมุ่งหวังอะไรในตัวเจ้าได้ มุ่งหวังความจริงใจของเจ้าหรือ”
“ความจริงใจเป็นสิ่งที่ด้อยค่าที่สุดในโลก!”
“ตั้งใจฝึกฝนวิชากระบี่บินไร้หัวใจที่อาจารย์ถ่ายทอดให้เจ้าให้ดี กระบี่นี้สามารถเป็นหนึ่งในใต้หล้า!”
ได้ยินเช่นนี้สวินฉางอันก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมูกน้ำตา ยิ่งทำให้ดูอัปลักษณ์กว่าเดิม จนหานเจวี๋ยต้องเบือนหน้าหนี
จู่ๆ เขาก็เข้าใจเชี่ยนเอ๋อร์ขึ้นมา
แต่ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของพุทธาเทพ ที่จงใจให้สวินฉางอันน่าเกลียดถึงเพียงนี้
หานเจวี๋ยเคยลองเปลี่ยนโฉมของสวินฉางอันดูแล้ว แต่ไม่นานก็กลับมาอัปลักษณ์เช่นเดิม ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
สวินฉางอันเบิกตากว้าง เอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น “จริงหรือ”
“มีเหตุผลที่อาจารย์ต้องหลอกเจ้าด้วยหรือ”
หากผู้อื่นพูดเช่นนี้สวินฉางอันย่อมไม่เชื่อ แต่พอหานเจวี๋ยพูด เขาก็เชื่อแล้ว
ดูท่าตอนนี้หานเจวี๋ยก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จักมาจริงๆ
เมื่อนึกถึงท่าทีที่สิงหงเสวียนมีต่อหานเจวี๋ย สวินฉางอันก็จุดประกายขึ้นมาทันที
กระบี่บินไร้หัวใจ!
ข้าจะต้องฝึกฝนต่อไป!
หานเจวี๋ยไม่ได้พูดอะไรมาก บางคำพูดมากไปอาจจะไม่มีน้ำหนัก
อันที่จริงสิ่งที่เขาพูดไปใช่ว่าจะเป็นคำพูดจากใจทั้งหมด
มนุษย์คือการดำรงอยู่ที่ ‘ต่ำทราม’ มาก เมื่อเจ้าอ่อนแอ จะดูถูกความจริงใจ คิดแต่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง เมื่อเจ้าแข็งแกร่งแล้วกลับแสวงหาความจริงใจ
หานเจวี๋ยลงเขาไปหาไก่คุกรัตติกาล หลังจากมั่นใจว่าไก่คุกรัตติกาลไม่เป็นอะไรแล้วถึงกลับไปถ้ำเทวาฟ้าประทาน
หลังจากถูกจูเชวี่ยอาฆาตแค้น หานเจวี๋ยก็มีความรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง
แม้ตอนนี้จูเชวี่ยจะลงมาไม่ได้ แต่หากภายหน้าสามารถลงมาได้เล่า
เขาจะต้องช่วงชิงเวลาเพิ่มความแข็งแกร่งให้มาก
……
สามปีต่อมา
เรื่องที่สัตว์เทพจูโต้วโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์ได้สงบลงไปแล้ว ในสำนักหยกพิสุทธิ์มีคนพูดถึงเรื่องนี้น้อยมาก แต่กลับก่อให้เกิดความวุ่นวายในแดนบำเพ็ญพรต
ตอนที่จูโต้วม้วนตัวมาต้าเยี่ยน วางมาดใหญ่โตยิ่งนัก คนจำนวนมากล้วนมองเห็น
ภายในสำนักหยกพิสุทธิ์ก็มีสายสืบของสำนักต่างๆ อยู่ หลังจากรู้ว่าจูโต้วถูกผู้อาวุโสสังหารเทพสังหารในหนึ่งวินาที ก็ทำให้สำนักต่างๆ ตกใจจนไม่กล้ามีความคิดชั่วร้ายใดๆ ทำได้เพียงผูกมิตรกับสำนักหยกพิสุทธิ์ และพยายามไม่สร้างความขัดแย้ง
ในสำนักหยกพิสุทธิ์ไม่มีสายสืบของเผ่าปีศาจ ข่าวของสายสืบสำนักต่างๆ ก็ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ เพราะอย่างนั้นการตายของจูโต้วจึงเป็นเรื่องลับในวงแคบๆ พวกปีศาจไม่อาจสืบได้
ราชาปีศาจเตี่ยนซู่สงสัยเป็นอย่างมากว่าจูโต้วหายไปไหน หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับสำนักหยกพิสุทธิ์?
เป็นครั้งแรกที่ราชาปีศาจเตี่ยนซู่รู้สึกหวั่นเกรงสำนักหยกพิสุทธิ์ขึ้นมา
สำนักนี้ไม่ธรรมดา!
วันนี้
หลี่ชิงจื่อมาเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ย
เมื่อมาถึงตรงหน้าหานเจวี๋ย ยังไม่ทันเอ่ยปาก หานเจวี๋ยก็กล่าวขึ้นมาก่อน “เรื่องเกี่ยวกับโอกาสวาสนาไม่ต้องมาหาข้า ข้าไม่ไปทั้งนั้น!”
หลี่ชิงจื่อกระแอมไอกล่าวว่า “ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องดี”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ลืมตาขึ้นมา
หลี่ชิงจื่อทอดถอนใจกล่าว “สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตแห่งต้าเว่ยได้เปิดศึกกับสำนักไร้ลักษณ์แห่งเขตต้นกำเนิดบรรพกาล ทั้งสองสำนักล้วนเป็นยักษ์ใหญ่ ตรงกลางคั่นด้วยต้าเยี่ยน เขตแก่นประจิม เมื่อเริ่มต้นเปิดศึกทั้งสองเขตอาจจะถูกลากไปข้องเกี่ยวด้วย”
หานเจวี๋ยรู้สึกหมดคำพูด ห่างกันไกลขนาดนี้ก็ยังเปิดศึกกันได้อีก?
กินอิ่มจนไม่มีอะไรจะทำแล้วสินะ!
จะว่าไป ทั้งสองสำนักต่างก็มีคู่อาฆาตของหานเจวี๋ยแฝงอยู่
“ว่ากันว่าตงหวางเซียนบุตรแห่งสวรรค์ของสำนักไร้ลักษณ์ได้สังหารบุตรของเจ้าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตกำลังรุ่งเรือง ไหนเลยจะสามารถทนได้ จึงเปิดศึกโดยตรง แขกระดับรวมกายาผู้นั้นได้ล่วงหน้าสังหารไปทางสำนักไร้ลักษณ์แล้ว”
น้ำเสียงของหลี่ชิงจื่อแฝงไปด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
เมื่อใดสำนักหยกพิสุทธิ์ถึงจะมีผู้ทรงพลังระดับรวมกายาบ้าง!
ไม่สิ
มีระดับสุญตาและเปลี่ยนวิญญาณมาจำนวนหนึ่งเขาก็ดีใจแล้ว
หานเจวี๋ยเอ่ยปากกล่าว “ไม่เป็นไร ให้พวกเขาเป็นสุนัขกัดกัน เพียงแค่ไม่คุกคามถึงสำนักหยกพิสุทธิ์ก็พอ หากคิดจะเหยียบย่ำพวกเรา สำนักหยกพิสุทธิ์มีข้าอยู่ ท่านก็วางใจได้”
ตอนนี้ศัตรูของหานเจวี๋ยคือจูเชวี่ย สำนักไร้ลักษณ์กับสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตจะนับเป็นอะไรได้?
“อีกอย่าง ในซากปรักหักพังของสำนักบรรพกาลที่พวกเราค้นพบในครั้งก่อนได้ปรากฏชายตาบอดผู้หนึ่งขึ้น พลังของเขาลึกล้ำยากจะหยั่งถึง พวกเราอยากจะดึงเขามาเป็นพวก แต่เขาไม่ยอมตอบตกลงมาโดยตลอด ตอนนี้พักอยู่ในเมืองสำนักฝ่ายในชั่วคราว ผู้อาวุโสหาน ท่าน…สามารถช่วยพวกเราพูดเกลี้ยกล่อมได้หรือไม่” หลี่ชิงจื่อกล่าวอย่างเกรงใจ รู้สึกละอายใจอยู่บ้าง
จะดึงคนมาเป็นพวกยังต้องให้ผู้อาวุโสสังหารเทพช่วย เจ้าสำนักอย่างเขาก็มีความสามารถไม่พอจริงๆ
เมื่อหานเจวี๋ยได้ยินก็รีบตรวจสอบผู้แข็งแกร่งที่สุดในสำนักหยกพิสุทธิ์นอกจากเขาทันที
[เซียวเหยา: ระดับสุญตาขั้นเก้า บุตรแห่งสวรรค์คนแรกของจวนเซียนสวรรค์เมื่อห้าพันปีก่อน ผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียวของสำนักเมฆาวิญญาณในสมัยบรรพกาล ดวงตาทั้งคู่มืดบอดเพราะถูกสวรรค์ลงโทษ]
……………………………………….
[1] หมาชอบเลีย หมายถึงคนที่ยอมตามจีบ ตามเอาอกเอาใจทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่รัก