บทที่ 95 โจวฝานกับตงหวางเซียน
ไก่คุกรัตติกาลออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทานไป และนำคำพูดของหานเจวี๋ยไปบอกกล่าวหลี่ชิงจื่อ
หลี่ชิงจื่อแม้จะสับสนและกังวล แต่หานเจวี๋ยเอ่ยเช่นนี้แล้ว เขาก็ทำได้เพียงสะกดอารมณ์ไว้แล้วหมุนตัวจากไป
ไก่คุกรัตติกาลกลับไปใต้ต้นฝูซังเช่นกัน
มู่หรงฉี่ถามอย่างประหลาดใจว่า “ท่านไก่ สถานการณ์ภายในถ้ำเป็นอย่างไรบ้าง”
สามร้อยกว่าปีผ่านไป ผนึกต้องห้ามภายในถ้ำเทวาฟ้าประทานถูกหานเจวี๋ยเพิ่มระดับนานแล้ว พลังจิตไม่สามารถแทรกผ่านเข้าไปได้
ไก่คุกรัตติกาลตอบเสียงต่ำ “ท่านไก่บอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ตั้งใจฝึกฝนให้ดี หากเจ้าพบศัตรูผู้แข็งแกร่งที่เจ้าไม่สามารถเอาชนะได้ในอนาคต ด้วยตบะของเจ้าในตอนนี้ ข้าและนายท่านไม่พาเจ้าหนีไปด้วยหรอก!”
มู่หรงฉี่อึ้งงัน
สวินฉางอันส่ายหน้า เขาชินแล้วที่ไก่คุกรัตติกาลมักพูดติดปากเรื่องหลบหนี
…..
ภายในถ้ำเทวา
หานเจวี๋ยกำลังตรวจดูแหวนเก็บสมบัติของเฒ่าประหลาดอู้เต้า
คนผู้นี้มีแหวนเก็บสมบัติสี่วง ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนัก เขาย่อมรวยมากเป็นธรรมดา
ขณะที่หานเจวี๋ยตรวจดู น้ำลายแทบไหลหก
สมบัติและทรัพยากรขนาดนี้มากพอจะสร้างสำนักได้เลย
หากมอบทรัพย์สินนี้ให้สำนักหยกพิสุทธิ์ สำนักหยกพิสุทธิ์จะต้องก้าวหน้ารวดเร็วขึ้นแน่นอน
ทว่าหานเจวี๋ยไม่ใช่คนที่เห็นแก่ผู้อื่นเช่นนั้น
‘นี่เป็นของข้าทั้งหมด!’
หลังค้นหาอยู่สักพัก หานเจวี๋ยพบป้ายคำสั่งชิ้นหนึ่ง
ด้านบนสลักคำว่าเทพเซียนไว้สองตัว
ข้างป้ายคำสั่งเทพเซียนยังมีจดหมายด้วยฉบับหนึ่ง มาจากจวนเซียนสวรรค์
เนื้อหาโดยประมาณคือหากใช้ป้ายคำสั่งเทพเซียนนี้ จะสามารถสมัครเข้าร่วมจวนเซียนสวรรค์ได้ แต่จะผ่านเข้าไปได้หรือไม่ ต้องดูที่คุณสมบัติด้วย
จวนเซียนสวรรค์รับลูกศิษย์ไม่เคยพิจารณาเรื่องตบะ ดูแค่คุณสมบัติเท่านั้น
เพียงส่งพลังวิญญาณเข้าไปในป้ายคำสั่งเทพเซียน ป้ายคำสั่งเทพเซียนจะนำทางผู้สมัครไปยังที่ตั้งของจวนเซียนสวรรค์ เมื่อผู้สมัครหาพบแล้ว ป้ายคำสั่งเทพเซียนก็จะหายไป
พูดอีกอย่างคือ ป้ายคำสั่งเทพเซียนนี้ยังไม่เคยถูกใช้งาน
นอกจากป้ายคำสั่งเทพเซียนแล้ว คิดไม่ถึงว่าเฒ่าประหลาดอู้เต้าจะยังมีโอสถฝึกบำเพ็ญระดับรวมกายาด้วย ทำเอาหานเจวี๋ยค่อนข้างแปลกใจ
พนักงานส่งของคนนี้ไม่เลวทีเดียว!
หลังจากตรวจดูเรียบร้อย หานเจวี๋ยก็เริ่มแบ่งเสี้ยววิญญาณ ใช้เป็นกรรมวิธีสร้างหุ่นเชิดสวรรค์ เขาเพียงต้องแบ่งเสี้ยววิญญาณออกมาเล็กน้อยเท่านั้น สามารถควบคุมกายเนื้อของเฒ่าประหลาดอู้เต้าได้ก็เพียงพอแล้ว
เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องระมัดระวัง หานเจวี๋ยตัดสินใจยืมมือคนอื่นเข้าช่วย
ถ้าหากสำนักไร้ลักษณ์มีผู้อยู่เบื้องหลังเล่า
……
เจ็ดวันต่อมา
เฒ่าประหลาดอู้เต้าไปจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เจ้าสำนักหลี่ชิงจื่อนำผู้อาวุโสและผู้ดูแลหลายสิบคนไปส่งกลับ เรื่องนี้ทำให้เกิดการถกเถียงกันเป็นวงกว้างภายในสำนักหยกพิสุทธิ์
ภายในแดนบำเพ็ญพรตที่พวกเขาอาศัยอยู่ การดำรงอยู่ของสำนักไร้ลักษณ์โดดเด่นมากที่สุด ก่อนหน้านี้ก็บดขยี้โจมตีสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตจนพ่าย มีชื่อเสียงลือเลื่อง ในสายตาของพวกเขา สำนักหยกพิสุทธิ์กับสำนักไร้ลักษณ์ยังมีช่องว่างที่ห่างกันไม่น้อย
หลี่ชิงจื่อประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่า สำนักไร้ลักษณ์และสำนักหยกพิสุทธิ์จะคบค้าสมาคม สร้างความสัมพันธ์อันดีที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ข่าวนี้แพร่กระจายไปในต้าเยี่ยนอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในสำนักต่างๆ
เมื่อออกมาจากสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว หานเจวี๋ยควบคุมเฒ่าประหลาดอู้เต้าให้บินไปทิศทางหนึ่ง มุ่งหน้าไปด้วยความเร็วสูง
เสี้ยววิญญาณที่หานเจวี๋ยเหลือทิ้งไว้ในร่างของเฒ่าประหลาดอู้เต้าคงอยู่ได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะหายไป
ก่อนเวลาหนึ่งเดือนนี้ เขาจะต้องเปลี่ยนสถานที่ตายของเฒ่าประหลาดอู้เต้า
คำนวณดูแล้ว หานเจวี๋ยในตอนนี้ยังไม่มีศัตรูคู่แค้น จูเชวี่ยอยู่บนฟ้า สำนักมารปีศาจอยู่แดนเหนือที่ไกลแสนไกล เขาไม่รู้ว่าจะพาเฒ่าประหลาดอู้เต้าไปส่งที่ใดดี
ถ้าไม่มีจริงๆ ก็คงต้องส่งไปที่เผ่าปีศาจ!
ไม่ถึงสองวัน เฒ่าประหลาดอู้เต้าก็ออกไปจากดินแดนต้าเยี่ยน
หานเจวี๋ยตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย มุ่งตรงไปตลอด
ระหว่างทาง เขาพบเจอหลายสำนัก ทว่าอ่อนแอเกินไปทั้งนั้น ไม่มีทางรับการแก้แค้นของสำนักไร้ลักษณ์ได้แน่
จะต้องไปยังสำนักที่แข็งแกร่งกว่านี้!
หากที่ต้าเยี่ยนไม่มี แดนบำเพ็ญพรตอื่นน่าจะมีอยู่
ทั้งชีวิตนี้หานเจวี๋ยยังไม่เคยออกจากสำนักหยกพิสุทธิ์ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องแดนบำเพ็ญพรตอื่นๆ ทำได้เพียงไปให้ไกลจากต้าเยี่ยนที่สุดเท่าที่จะทำได้
……
เรื่องนี้กลับทำให้ตงหวางเซียนลำบาก
ก่อนที่จะเข้าไปในสำนักหยกพิสุทธิ์ เฒ่าประหลาดอู้เต้ากลัวว่าตงหวางเซียนจะทำให้เสียงาน จึงให้ตงหวางเซียนรออยู่ด้านนอกสำนัก
เมื่อเฒ่าประหลาดอู้เต้าจากไป ตงหวางเซียนก็ตามไปด้วย
เฒ่าประหลาดอู้เต้าสิ้นเร็วเกินไป ก่อนตาย พลังวิญญาณระดับรวมกายาในร่างยังไม่ทันได้ถูกใช้ หานเจวี๋ยควบคุมเขาให้บินด้วยความเร็วเต็มกำลัง แล้วตงหวางเซียนจะตามทันได้อย่างไร
“อาจารย์บ้าไปแล้วหรือ”
ตงหวางเซียนเหยียบกระบี่บิน ขมวดคิ้วแน่นพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง
เมื่อระยะห่างระหว่างอาจารย์กับศิษย์เริ่มไกลขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่เพียงต้องไล่ตาม แต่ยังต้องแยกแยะทิศทางของเฒ่าประหลาดอู้เต้าด้วย
ทันใดนั้นเบื้องหน้าปรากฏเงาร่างคนสองคน คือโจวฝานและโม่ฟู่โฉว
คนทั้งสามสวนทางกันไป
ไม่รู้เพราะเหตุใด โจวฝานกับตงหวางเซียนหันมามองหน้ากันอย่างไม่รู้ตัว
ขณะสายตาประสานกัน ทั้งสองมองเห็นความหวาดผวาที่อธิบายไม่ถูกในดวงตาของอีกฝ่าย ราวกับเผชิญหน้าศัตรูโดยธรรมชาติ
‘เขาเป็นใครมาจากที่ใดกัน’
โจวฝานขมวดคิ้วครุ่นคิด
ตงหวางเซียนพึมพำกับตัวเอง “เจ้าเด็กนี่เป็นใครกัน รู้สึกชังเขาอย่างบอกไม่ถูก”
ทั้งสองฝ่ายไม่ได้หยุดเดินทาง แต่ละฝ่ายหายตัวไปบนท้องฟ้าคนละทิศ
โจวฝานมองไปยังโม่ฟู่โฉว ก่อนเอ่ยว่า “คนเมื่อครู่ทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจนัก หากไม่ใช่ว่าเขาแข็งแกร่งมาก ข้าคงคิดจัดการเขาแล้ว”
โม่ฟู่โฉวไร้ซึ่งคำพูด กล่าวอย่างไม่ชอบใจว่า “ช่วยสงบใจหน่อยได้หรือไม่ ตามเจ้ามา ข้าประสบความยากลำบากมาตั้งเท่าไรแล้ว ครั้งนี้พวกเรากลับสำนักหยกพิสุทธิ์ ดังนั้นอย่าสร้างปัญหาอีก”
โจวฝานหัวเราะเจ้าเล่ห์ “ข้ารู้แล้ว อยากเห็นสีหน้าคนสำนักหยกพิสุทธิ์พวกนั้นตอนเจอพวกเราจริงๆ โดยเฉพาะหานเจวี๋ย”
โม่ฟู่โฉวส่ายหน้า
ไม่รู้ทำไม เขามีลางสังหรณ์บางอย่าง
อาจจะไม่ใช่หานเจวี๋ยที่ตกตะลึง แต่เป็นพวกเขาเอง
ทางโจวฝานในตอนนี้กลับลำพองใจมาก ไม่นานก่อนหน้านี้เขาโจมตีระดับเปลี่ยนวิญญาณคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส กำลังหลงระเริงนัก
โจวฝานเห็นว่าถึงแม้หานเจวี๋ยจะเป็นผู้อาวุโสสังหารเทพ หลายปีมานี้ตบะก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นสูงมาก
พลังวิญญาณในต้าเยี่ยนอ่อนแอมาก เทียบแดนบำเพ็ญพรตอื่นไม่ได้เลย ผู้ทรงพลังระดับเปลี่ยนวิญญาณในแดนบำเพ็ญพรตอื่นยังไม่อาจทะลวงขอบเขตเล็กๆ ภายในหนึ่งร้อยปีได้ นับประสาอะไรกับหานเจวี๋ยที่อยู่ในต้าเยี่ยน
……
ครึ่งเดือนต่อมา
หานเจวี๋ยควบคุมเฒ่าประหลาดอู้เต้าจนมาถึงเขาลึกแห่งหนึ่ง ในบริเวณพันลี้ไร้ร่องรอยของผู้คน
เฒ่าประหลาดอู้เต้าเดินหน้าต่อ ไม่เก็บงำกลิ่นอายของระดับรวมกายาเลยสักนิด วิหคปีศาจตามรายทางจึงตกใจกลัวจนหนีกระเจิง
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าที่นี่พอประมาณแล้ว
ถึงแม้เขาสุ่มหาสถานที่หนึ่งพาเฒ่าประหลาดอู้เต้ามาทิ้งไว้ แต่ภายในสำนักไร้ลักษณ์ต้องมียอดผู้บำเพ็ญแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะตามมาเจอที่นี่ก็เป็นได้
หานเจวี๋ยลอยลงมาหยุดใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง เฒ่าประหลาดอู้เต้าโบกมือ สลักอักษรสองตัวลงบนลำต้น
มารปีศาจ!
ตัวอักษรทั้งสองเว้นระยะห่างกัน หากคนของสำนักไร้ลักษณ์มาพบ จะต้องมีความคิดมากมายผุดขึ้นมาไม่หยุดเป็นแน่
เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อย หานเจวี๋ยก็ตัดขาดเสี้ยววิญญาณ เสี้ยววิญญาณกระจัดกระจายหายไป เฒ่าประหลาดอู้เต้านั่งขัดสมาธิลงใต้ต้นไม้ จู่ๆ ศีรษะก็พับลง สองมือตกลงบนพื้น แน่นิ่งไร้วิญญาณ
เมื่อจิตรับรู้กลับมาภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยถอนหายใจยาว
เช่นนี้น่าจะไม่มีปัญหาแล้ว!
หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา สาปแช่งจูเชวี่ยสักรอบก่อนค่อยว่ากัน
….
เจ็ดวันต่อมา
หานเจวี๋ยรู้สึกเบื่อหน่าย จึงกดเปิดค่าความสัมพันธ์และตรวจดูจดหมาย
[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย ในพื้นที่พันลี้หญ้ามิอาจงอกงาม]
[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านกลายเป็นราชาปีศาจของพื้นที่หนึ่ง]
[ฉางเยวี่ยเอ๋อร์สหายของท่านพบเจอโอกาสวาสนา ได้รับวิชายุทธ์บรรพกาล]
[นักพรตเต๋าจิ่วติ่งสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสำนักเดียวกัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[หยางเทียนตงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ] x3
[โม่จู๋สหายของท่านปลุกวิญญาณมารตื่นขึ้น ถลำเข้าสู่สายมาร จิตสังหารเพิ่มสูง]
[หยางเทียนตงสหายของท่านกลืนกินราชาปีศาจ ตบะเพิ่มสูง]
[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่หนีรอดมาได้]
…..
สายตาของหานเจวี๋ยหยุดชะงักที่ข่าวของโม่จู๋
ปลุกวิญญาณมาร?
นี่มันเรื่องอะไรกัน
หานเจวี๋ยส่งจิตเข้าไปสำรวจภายในตำหนักที่ขังโม่จู๋ไว้ทันที ก่อนที่เขาจะหน้าเปลี่ยนสี
……………………………………………………….