ฝ่ามือที่เดิมทีวางอยู่เหนือตัวพิณ ตอนนี้สอดเข้าไปในเส้นผมของนาง ประคองท้ายทอยของนางเอาไว้
มืออีกข้างโอบรอบเอวที่บอบบาง คว้านางแน่นจนถึงแทบจะถึงกระดูก
เขามีหรือจะไม่คิดถึงนาง……
ทุกวันทุกค่ำคืน คิดถึงจนแทบคลั่ง
ในดวงตาหงส์มีแต่ภาพของสาวน้อยที่น่าสงสาร เขาไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีก มือที่ประคองท้ายท้อยออกแรงดึงเข้ามาเล็กน้อย ริมฝีปากก็ส่งออกไป ประทับจูบลงบนริมฝีปากแดงฉ่ำของนางอย่างลึกซึ้ง
จูบนี้ เนิ่นนาน………….
“ข้าครุ่นคิดถึงเจ้า จนเจ็บปวดรวดร้าว”
น้ำเสียงของเขาสะทกสะท้อนอารมณ์อันลึกซึ้ง หลังคลายจูบนางอย่างอ้อยอิ่ง ก็ค่อยเอ่ยประโยคนี้ออกมา
คำพูดนี้ มิว่าจะเป็นจีเฉวียนหรือซื่อมั่วต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
พวกเขากลายเป็นคนเดียวกันไปแล้ว ความรัก ความอดกลั้น ความตามใจ ทั้งหมดที่มีให้กับตู๋กูซิงหลัน ล้วนรวมอยู่ในร่างเดียวกัน
จีเฉวียนในวันนี้ย่อมมิใช่จีเฉวียนในวันวานอีกแล้ว
ตู๋กูซิงหลันเงยหน้าขึ้นมา ริมฝีปากยังมีไออุ่นของเขาอยู่ ปลายจมูกก็ยังได้กลิ่นหอมอ่อนเหมือนกลิ่นไม้หอมจากกายของเขา
นางเดินทางไปทั่วทุกมุมโลก ได้เห็นทิวทัศน์งดงามมามากมาย แต่ว่ากลับไม่มีสิ่งใดที่งดงามต้องตาตรึงใจเช่นเดียวกับเขาเลย
ลมหายใจของเขายังรินรดอยู่บนใบหน้าของนาง ริมฝีปากนั้นยังไม่ห่างไปไหน ตู๋กูซิงหลันจึงจูบตอบไปอีกครั้ง
จูบอย่างหนักแน่น จนแทบจะกลืนเขาลงไปในท้อง
นางไม่สนใจอีกแล้ว ใครให้เขาลงมือก่อนก้าวหนึ่ง เอาวิธีที่นางคิดจะใช้เมื่อได้กลับมาพบกันมาทำ?
เช่นนี้นางย่อมต้องจูบกลับให้มันหนักๆไปเลย!
ก็ในเมื่อคิดเอาไว้แล้ว ว่าจะต้องจูบเขาให้ตายไปเลย!
ต่อให้อยู่ในแดนสวรรค์ มีเหล่าเทพมองเห็นกันอย่างถ้วนทั่ว นางก็ยังจะจูบจีเฉวียนให้ขาดใจ
จนกระทั่งลมหายใจของจีเฉวียนเปลี่ยนเป็นเร่งร้อนขึ้นมา
ยามที่เป็นจีเฉวียน เขารักอย่างเร้าร้อน
ยามที่เป็นซือมั่ว เขารักอย่างต้องเก็บงำ
ตอนนี้เขาเป็นทั่งจีเฉวียน และซื่อมั่ว
พวกเขาต่างก็รักตู๋กูซิงหลันถึงแก่นกระดูก อย่าว่าแต่เป็นการรุกถึงเพียงนี้ เพียงแค่สายตาที่มองมาของนาง ก็สามารถทำให้เลือดลมในร่างสูบฉีดได้แล้ว
หากมิใช่เป็นเพราะว่าตอนนี้มีสายตาของผู้คนจับจ้องอยู่ เกรงว่าเขาคงไม่อาจควบคุมตนเอง จัดการกระทำเรื่องที่เกินสมควรกับนางไปแล้ว
แม้ว่าในใจจะเร่าร้อนราวกับมีเพลิงสุม แต่สีหน้าของจีเฉวียนก็ยังคงเย็นเฉียบดุจสายน้ำ
เมื่อรวมเป็นหนึ่งเดียวกับซื่อมั่ว ย่อมต้องได้รับอุปนิสัยอนุรักษ์นิยมของเขามาด้วย
ดังนั้นจึงมีแต่หัวใจที่เต้นระทึกครึกโครม
อีกด้านหนึ่ง สีพระพักตร์ของตี้เสียเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำไปแล้ว
พระองค์ต้องทนเห็นตู๋กูซิงหลันโผเข้าไปในอ้อมกอดของจีเฉวียนกับตา ทำลายความนึกฝันที่ว่านางกลับมาขอโทษพระองค์ด้วยความสำนึกผิดไปจนหมดสิ้น!
นางกล้าดีอย่างไร?
ทั้งที่อยู่ต่อหน้าต่อตาเหล่าเทพทั้งหลายในแดนสวรรค์ ยังกล้าจูบบุรุษอื่นอย่างเอาเป็นเอาตาย?
ความโกรธกริ้วทั่วร่างของตี้เสีย พวยพุ่งขึ้นมาทางศีรษะ และเปลี่ยนเป็นแสงเพลิงออกมาทางดวงตาสีทองทั้งสอง
สตรีผู้นั้น!
เดิมทีพลบค่ำของวันพรุ่งนี้ ก็จะต้องกลายเป็นสนมของเขาแล้วแท้ๆ!
เรื่องนี้ ทั่วทั้งแดนสวรรค์ต่างก็รู้กันทั่ว นางกลับกล้าไม่รักชีวิต ครอบหมวกเขียวให้กับพระองค์!
เช่นนี้จะก็เท่ากับฉีกพระพักตร์ของพระองค์โยนทิ้งลงไปบนพื้น!
ความโกรธแค้นนี้ ตี้เสียย่อมไม่อาจกล้ำกลืนลงไปได้
………………..
อีกด้านหนึ่ง ตู๋กูซิงหลันย่อมมิได้ทำให้ตี้เสียต้องทรงผิดหวัง กว่านางจะยอมปล่อยริมฝีปากของจีเฉวียนเป็นอิสระก็มิใช่เรื่องง่าย ทั้งยังเริ่มลามไปจูบใบหน้า จมูก และตาของเขา จูบลงไปทุกซอกทุกมุมจนเกลื่อนใบหน้าของเขา ด้วยความสุขใจ ทั้งยังส่งเสียงสูดปากออกมา
อืม….ที่แท้รสชาติของเขาก็ดีเช่นนี้เอง
แม้แต่ลมที่สูดเข้าปากไป ก็ยังมีกลิ่นหอมอ่อนจาง
ทั่วทั้งแดนสวรรค์ ต่างก็มองดูนางกอดจูบคนอย่างบ้าคลั่ง
ไม่รู้จักอับอาย ช่างไม่รู้จักรักษาหน้าตา!
ทุกคนล้วนอยากจะด่านาง!
แต่ว่า นางมารกับบุรุษที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งผู้นี้ กลับดูงดงามจนพร่างพราวตา ยิ่งเมื่อทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันก็ยิ่งดูงดงามจนทำให้ผู้คนเห็นแล้วรู้สึกปลื้มปริ่ม
ขนาดจูบกันอย่างไม่คิดชีวิต ก็ยังดูงดงามจนผู้คนไม่กล้าละสายตา
แดนสวรรค์ตรากฏเกณฑ์เข้มงวด แม้ว่าจะมีผู้คนไม่น้อยอาศัยการร่วมสัมพันธ์เพื่อฝึกฝน แต่ก็ไม่มีทางมาทำอะไรประเจิดประเจ้อต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้แน่นอน
ตอนนี้พวกเขาต่างก็รู้สึกเขินอายแทน!
นางมารผู้นั้น เดิมทีจะต้องกลายเป็นพระสนมของเทียนตี้มิใช่หรือ?
…………………….
ฮว๋ายยู่ถึงกับตาค้างไปแล้ว เห็นท่าทางที่ตู๋กูซิงหลันจูบจีเฉวียน ในสมองของนางก็คิดย้อนกลับไปถึงเมื่อยุคบรรพกาล เห็นภาพยามที่จู่ฮว๋ายและซีเหอเคยอยู่ด้วยกัน
พวกเขาต่างก็รักกันอย่างหนักแน่น แยกจากกันไม่ได้เช่นนี้…..
ทั้งยังยืนยันจะอยู่ร่วมกัน โดนไม่สนใจเหตุผลและความเป็นความตายใดๆทั้งสิ้น
นางไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมบุรุษที่โดดเด่นที่สุดในโลกหล้าถึงได้ถูกจู่ฮว๋ายล่อลองได้!
ทำไมสิ่งที่ตนเป็นคนทุ่มเทแรงกายแรงใจด้วยความมุ่งหวัง สุดท้ายแล้วจึงไปตกเป็นของนางเสียหมด
ทั้งๆที่ตนเองก็กำเนิดจากต้นฮว๋ายเหมือนกัน แก่นแท้ของตนและจู่ฮว๋ายล้วนไม่มีข้อแตกต่าง แต่เพราะอะไร จู่ฮว๋ายจึงได้รับทุกอย่างที่ดีที่สุดไปครอบครอง?
อีกทั้งพวกเขาต่างก็ตายกันไปแล้ว ทำไมถึงยังจะปรากฏตัวขึ้นได้อีก!
…………
บนเจดีย์ ไม่มีใครทันสังเกตว่า เจ้านกยักษ์ที่เกาะอยู่บนยอดบนสุดของเจดีย์ กำลังใช้กรงเล็บของมันเจาะลงไปตามรอยแตกร้าวขนาดเท่าเส้นผมเหล่านั้น
ด้านในเจดีย์ เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นใช้ดวงตาทั้งคู่ของมันมองลอดผ่านช่องแตกที่เล็กบางราวเส้นผมออกไปยังภายนอก
ดวงตาของมันเป็นสีดำมืดอย่างลึกล้ำ เช่นเดียวกันกับหมอกดำที่อยู่รอบกายของจีเฉวียน
………..
จีเฉวียนถูกตู๋กูซิงหลันจูบจนทั่วไปใบหน้า หัวใจที่เหน็บหนาวมาเนิ่นนาน ยามนี้เหมือนถูกบางสิ่งที่นุ่มนวลและหอมหวานโอบกอดเอาไว้
เขาปล่อยให้นางจูบ จูบจนพอใจแล้วจึงค่อยใช้มือลูบสันจมูกของนางเบาๆครั้งหนึ่ง
แววตาของเขาเหมือนมีคลื่นถาโถมอยู่ภายใน “ชีวิตยังอีกยาวไกล….”
พวกเขาสามารถจูบกันได้อีกหลายๆครั้ง
ซิงซิงของเขา ศิษย์น้อยของเขา ดวงใจของเขา
แม้จะพูดออกมาได้ไม่หมด แต่ในสมองของเขาตอนนี้ก็มีแต่ตู๋กูซิงหลันอยู่เต็มไปหมดแล้ว
สองมือของนางโอบอยู่รอบคอของเขา ห่อปากคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ชีวิตยังอีกยาวไกล ดังนั้นพวกเราจึงต้องจูบๆ กอดๆยิ่งๆขึ้นไป ทั้งยังสามารถทำอย่างนั้น อย่างนี้ อย่างโน้น แบบไม่ซ้ำกันเลยได้ไหม?”
ภาพที่วาดให้ฮว๋ายยู่ดู นางยังเก็บเอาไว้อยู่เลย
ฮึ ฮึ ฮึ
ตอนนี้นางมองดูจีเฉวียน ราวกับหมาป่าหิวโหยที่เห็นเนื้อติดมันชิ้นโต แทบจะอยากลืนกินลงไปเดี๋ยวนี้
เพราะว่ารักเขา จึงอยากจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความใกล้ชิดกับเขา
จีเฉวียนลูบไล้เส้นผมของนาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเอาใจไม่จืดจางว่า “คิดจะทำอะไร ล้วนแล้วแต่เจ้า”
ที่ว่าจูบๆ กอดๆเขาล้วนเข้าใจ แต่ว่าทำอย่างนั้น อย่างนี้ อย่างโน้นคืออะไร เขาไม่เข้าใจ
แต่ ขอเพียงเป็นสิ่งที่นางต้องการทำ เขาล้วนยินดีทำ
ตู๋กูซิงหลันทำปากยู่ในทันที “เจ้ามันร้ายมาก~”
ว่าแล้วก็ระดมหมัดน้อยๆทุบลงไปบนทรวงอกของเขา “ข้ารักมากเลย~ ”
ฉากที่เดิมทีดูแล้วแสนจะงดงามน่าประทับใจ กลับถูกนางเปลี่ยนเป็นภาพคู่สามีภรรยาวัยละอ่อนที่กำลังปรึกษากันว่าจะไปทำเรื่องอย่างว่าที่ไหนดี
แววตาที่มีแต่ความรักถนอมของจีเฉวียนค่อยเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา “ข้ารักเจ้ายิ่งกว่า”
……
อีกด้านหนึ่ง สีพระพักตร์ที่เขียวคล้ำของตี้เสีย ยามนี้เมื่อทรงพิโรธจนขึ้นหน้า ทั่วทั้งดวงพักตร์แดงก่ำไปหมด
ขีดความอดทนของเขาถูกความเปิดเผยจนไร้ยำเกรงใดๆของตู๋กูซิงหลันท้าทายจนถึงขีดสุดแล้ว!
ตอนนี้พระองค์อยากจะฆ่านางกับพระหัตถ์!
ทั้งที่เป็นพระสนมของพระองค์…แต่นางกลับกล้ามีชู้ เห็นพระองค์ไร้คุณค่า เคยคิดถึงความรู้สึกของพระองค์บ้างหรือไม่?
นางไม่เพียงแต่เป็นจู่ฮว๋ายในยุคบรรพกาล แต่ตอนนี้ยังเป็นสตรีของพระองค์ตี้เสีย!
ตี้เสียทรงทนไม่ไหวอีกต่อไป พลังหยางระเบิดออกมารอบพระองค์ พลังวิญญาณในพระหัตถ์กลายเป็นดาบสีเหลืองทองเล่มหนึ่ง
“ดาบอาทิตย์เทพ!”
เมื่อเหล่าเทพได้เห็น ต่างก็ต้องสูดลมหายใจเข้าไปด้วยความตกตะลึง
ความตื่นตะลึงที่พวกเขาได้เห็นดาบเทพเล่มนี้ มิได้แตกต่างอะไรกับพระทัยของตี้เสียยามที่ได้ทอดพระเนตรเห็นพิณสุริยันต์จันทราเลย
………………………