ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 210 วังสวรรค์วุ่นวาย ศิษย์หลานขึ้นสู่สวรรค์

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 210 วังสวรรค์วุ่นวาย ศิษย์หลานขึ้นสู่สวรรค์

“ข้าก็ไม่ได้บอกว่าสงสัยเจ้า เจ้าจะร้อนตัวทำไม”

ตี้ไท่ไป๋กล่าวอย่างหงุดหงิด หลังจากสนิทกับหานเจวี๋ยแล้ว เขาก็ไม่วางมาดอีก

หานเจวี๋ยถาม “เขาเป็นอะไรไป”

ตี้ไท่ไป๋กล่าว “เจ้าเด็กนี่หาแม่ทัพสวรรค์ทหารสวรรค์มาประลองเวทด้วยอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็ลงมือหนักเกินไป ล่วงเกินเทพเซียนไปไม่น้อย มีคนรายงานว่าเขาเคยสนิทสนมกับจอมพลเสินเผิงมาก”

หานเจวี๋ยถามด้วยความแปลกใจ “เขาเพิ่งขึ้นไปสวรรค์ไม่กี่ปีเอง ไม่จำเป็นต้องก่อกบฏกระมัง ส่วนการประลองเวท แต่ก่อนเขาก็มาหาข้าเหมือนกัน แค่ภายหลังไม่กล้าแล้ว”

‘เจ้าเด็กจี้เซียนเสินนี่รนหาที่ตายจริงๆ’

“ฝ่าบาทเห็นแก่หน้าเจ้า ถึงได้ยกเขาขึ้นเป็นแม่ทัพสวรรค์ ตอนนี้ภายในวังสวรรค์ไม่สงบ ฝ่าบาทมีพระประสงค์จะกวาดล้างพรรคพวกเก่าของอดีตจักรพรรดิสวรรค์เฮ่าเทียน ขณะนี้เทพเซียนในวังสวรรค์ต่างแบ่งฝักแบ่งฝ่าย จี้เซียนเสินอาจจะถูกนำมาสร้างความสับสน” ตี้ไท่ไป๋เอ่ยอย่างจริงจัง

‘กวาดล้างพรรคพวกเก่าของเฮ่าเทียนหรือ

เดี๋ยวก่อน! ไม่ใช่ว่าเฮ่าเทียนกลับชาติมาเกิดเป็นหลงเฮ่าหรอกหรือ

จักรพรรดิสวรรค์ไม่รู้เรื่องนี้?’

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น ลังเลว่าจะเปิดเผยเรื่องนี้ดีหรือไม่

หากเปิดเผยเรื่องนี้ออกมาจะล่วงเกินเฮ่าเทียนหรือไม่

จักรพรรดิสวรรค์หวาดเกรงเฮ่าเทียนเช่นนี้ หมายความว่าเฮ่าเทียนแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิสวรรค์มาก เพียงแค่เจอจุดติดขัดชั่วคราวเท่านั้น

หานเจวี๋ยยิ่งคิดก็ยิ่งกลัดกลุ้มใจ

ตี้ไท่ไป๋ถามด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นอะไรไป หรือว่าเจ้าก็เป็น…”

หานเจวี๋ยแค่นเสียงกล่าว “ใช่สิ ถ้ามีไส้ศึกเช่นข้าก็จะซ่อนตัวฝึกบำเพ็ญในโลกมนุษย์ ไม่ยุ่งเรื่องหลักทำนองคลองธรรมของวังสวรรค์ด้วย”

ตี้ไท่ไป๋ส่ายหน้าอดหัวเราะไม่ได้ แน่นอนว่าเขาพูดล้อเล่น

แต่เขาไม่นึกเลยว่าหานเจวี๋ยจะรู้ตัวด้วยว่าตัวเองไม่ปกติขนาดไหน

หานเจวี๋ยถามต่อ “ฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์จะมั่นคงได้หรือไม่ ช่วงนี้ความวุ่นวายค่อนข้างเยอะ หากเรื่องนี้…”

หลายร้อยปีก่อนเพิ่งผ่านพ้นเคราะห์เทพปีศาจไป ตอนนี้ต้องประสบกับเคราะห์จอมพลเสินเผิง ทั้งยังต้องกวาดล้างพรรคพวกเก่าของเฮ่าเทียนอีก ไม่กลัวย่อยยับในฉับพลันหรือ

บางทีการตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างเฉียบขาดรวดเร็วก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

ตี้ไท่ไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถอะ วังสวรรค์ยังอยู่ในการควบคุมของฝ่าบาท ถึงอย่างไรพรรคพวกเก่าของเฮ่าเทียนก็เป็นคนกลุ่มน้อย ผู้ที่อยู่ใต้การนำของฝ่าบาทไม่ได้มีแค่ยอดแม่ทัพเทพ”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว

“มหาจักรพรรดิเหยียนจวินจากไปแล้ว จะยังมีมหาเทพคนใหม่มาอีกหรือไม่” หานเจวี๋ยถาม

เมื่อไม่มีมหาจักรพรรดิเหยียนจวินอยู่ เขารู้สึกไม่ปลอดภัย แม้ว่ามหาจักรพรรดิเหยียนจวินจะแข็งแกร่งไม่เท่าเขาก็ตาม

ตี้ไท่ไป๋กล่าวว่า “ข้ามาก็เพื่อจะพูดเรื่องนี้ พลังแท้จริงของเจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว หากไม่เลว ช่วงนี้ก็พึ่งพาตัวเองไปก่อน ข้าจะสร้างเขตอาคมไว้บริเวณรอบๆ หากมีศัตรูโจมตีให้แจ้งข้าทันที ข้าจะมาสนับสนุนโดยเร็วที่สุด ช่วงนี้วังสวรรค์ยุ่งวุ่นนิดหน่อย”

ด้วยเป็นถึงผู้นำเซียนฝ่ายบุ๋น ตี้ไท่ไป๋มีงานในมือเยอะมาก กระทั่งพูดได้ว่าเป็นเทพเซียนที่ยุ่งที่สุดในวังสวรรค์

ครั้นได้ยินเช่นนี้ หานเจวี๋ยรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่ก็ได้แต่ปล่อยไปตามนี้

“ไม่เป็นไร ข้าทำได้อยู่” หานเจวี๋ยตอบรับ

ขอแค่ไม่มีจักรพรรดิเซียนมา เขาล้วนต้านทานได้หมด

ตี้ไท่ไป๋พยักหน้าให้ จากนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยหันไปมองโลกเมฆาแดง โลกเมฆาแดงถูกห้อมล้อมด้วยดวงดารานับไม่ถ้วน ดูเล็กกระจิริดอย่างเห็นได้ชัด

‘หวังว่าช่วงนี้สำนักพุทธจะไม่มาหาเรื่องข้า’

หานเจวี๋ยคิดอยู่ในใจ

……

แม่น้ำสวรรค์ตั้งอยู่บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า โอบล้อมด้วยกลุ่มตำหนักของวังสวรรค์ เชื่อมประตูสวรรค์ทั้งสี่ด้าน

จี้เซียนเสินนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่ริมแม่น้ำสวรรค์ ตรงหว่างคิ้วของเขามีไอชั่วร้ายลอยวนเวียน

สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางครั้งดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง บางครั้งเจ็บปวดทรมาน บางครั้งโกรธแค้น บางครั้งก็เศร้าโศกเสียใจ

ขณะนี้ มีเสียงคอยปลุกปั่นอยู่ข้างหูเขาตลอดเวลา

‘เจ้ามีจิตใจที่ไร้ศัตรูโดยกำเนิด เจ้าต่างหากคือเทพเซียนหนึ่งเดียวที่อยู่เหนือประชาราษฎร์!’

‘ทำไมเจ้าถึงเป็นวัวเป็นม้าให้กับเทพเซียนจอมปลอมเหล่านี้’

‘ทำไมเจ้าจะกลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์ไม่ได้’

‘ทำไมเจ้าจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในแดนเซียนไม่ได้’

จี้เซียนเสินลืมตาในฉับพลัน ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมา พลังเวทอันน่าหวาดกลัวสั่นสะเทือนจนแม่น้ำสวรรค์ตรงหน้าระเบิดกระจาย ละอองน้ำกระเด็นไปทั่วทิศ

เขาหอบหายใจ สีหน้าเขียวคล้ำ

‘สมควรตาย! ข้าเจอมารในใจเข้าหรือ หรือว่าพลังวิเศษนี้มีหลุมพราง?’

จี้เซียนเสินคิดพลางกัดฟันกรอด นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาประสบกับมารในใจ ดังนั้นจึงรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ในวังสวรรค์อันกว้างใหญ่ เขาไม่รู้ว่าควรจะหาใครมาช่วย หากเรื่องมารในใจของเขาแพร่งพรายออกไป จักรพรรดิสวรรค์จะให้อภัยเขาหรือ

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ จี้เซียนเสินก็นึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมา

‘ไม่ได้การ! ข้าจะต้องลงไปที่โลกมนุษย์สักครั้ง!’

……

หลังจากมหาจักรพรรดิเหยียนจวินหายสาบสูญ ในขณะที่บำเพ็ญเพียรหานเจวี๋ยจะไม่กล้าจดจ่อเกินไป เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด เขาสร้างหุ่นเชิดสวรรค์ขึ้นมาตัวหนึ่ง และส่งไปตั้งมั่นรักษาอยู่บนห้วงอากาศว่างเปล่า

สองปีต่อมา

สวินฉางอันมาเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ย อยากเล่าเรียนพลังวิเศษด้วย

หานเจวี๋ยเองก็ไม่ปฏิเสธ ออกมาถ่ายทอดพลังวิเศษให้ คนอื่นๆ ที่อยากเรียนก็ดูอยู่ข้างๆ

ตบะของสวินฉางอันเพิ่มขึ้นไวมาก อีกไม่นานก็จะเริ่มทะลวงระดับมหายาน ก่อนที่จะขจัดเคราะห์รักนั้นไป เขาก็อาศัยพระธาตุทะลวงถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์แล้ว

รอจนหานเจวี๋ยถ่ายทอดพลังวิเศษเสร็จ ฟางเหลียงพลันกล่าวออกมาว่า “อาจารย์ปู่ ข้าอยากจะขึ้นไปสวรรค์แล้ว ได้หรือไม่”

หานเจวี๋ยเหลือบมองเขาอย่างลึกซึ้งก่อนจะเอ่ย “หากเจ้าอยากขึ้นไปก็ขึ้นไปเถอะ”

คนอื่นๆ ไม่ได้คล้อยตามด้วย พวกเขารู้สึกว่าอยู่ที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็ดีมากแล้ว

“เร็วปานนี้เชียว ระวังขึ้นไปแล้วจะถูกตีเอาล่ะ” มู่หรงฉี่ขมวดคิ้วกล่าว

เขามีความสัมพันธ์อันดีกับฟางเหลียง ราวกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ย่อมไม่อยากเห็นฟางเหลียงประสบเภทภัย

ฟางเหลียงพูดว่า “ข้าคิดมานานแล้ว ถึงได้ตัดสินใจจะไปท่องโลกเบื้องบน”

มู่หรงฉี่ถาม “ถ้าอย่างนั้นต้องการให้ข้าไปเป็นเพื่อนหรือไม่”

“เจ้าน่ะไม่ได้!”

หานเจวี๋ยพูดขัดจังหวะทันที

ทั้งสองมองไปทางหานเจวี๋ยอย่างอดไม่ได้ สีหน้าฉงนสงสัย

หานเจวี๋ยเอ่ย “ฉี่เอ๋อร์ไม่อาจไปจากโลกมนุษย์ได้ นอกเสียจากจะแข็งแกร่งเหนือกว่าข้า”

‘แข็งแกร่งเหนืออาจารย์ปู่หรือ’

มู่หรงฉี่ตกใจเข้าแล้ว สีหน้าของคนที่เหลือก็แปลกพิกล

ต่อให้พวกเขาทึ่งในพรสวรรค์ของกันและกัน แต่เมื่อเทียบกับหานเจวี๋ยแล้วไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึงเลย

หานเจวี๋ยต่างหากถึงจะเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดในบรรดาพวกเขา!

“อาจารย์ปู่ เป็นเพราะเหตุใดกัน” มู่หรงฉี่ถาม

หานเจวี๋ยโบกมือตอบ “เพราะหวังดีต่อเจ้า”

กล่าวจบเขาก็ลุกขึ้นเดินจากไป

เขาไม่ได้กลับถ้ำเทวา แต่ขึ้นไปบนห้วงอากาศว่างเปล่าเหนือโลกเมฆาแดง

มู่หรงฉี่จมดิ่งอยู่ในภวังค์ เขาไม่ได้ไม่พอใจการใช้อำนาจบาตรใหญ่ของหานเจวี๋ย และคิดว่าที่หานเจวี๋ยทำเช่นนี้จะต้องมีเหตุผลอยู่

ในระยะนี้ ขณะที่เขาฝึกบำเพ็ญจะพบเจอภาพลวงตาจำนวนหนึ่ง

หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับอดีตชาติของเขา?

ทุกคนต่างมีอดีตชาติของตัวเอง เชี่ยนเอ๋อร์มี สวินฉางอันก็มี เขาย่อมมีด้วยเป็นธรรมดา

อาจารย์ปู่จะต้องรู้อะไรอย่างแน่นอน!

……

กลางห้วงอากาศว่างเปล่า จี้เซียนเสินก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาจากแดนเซียน ความว่างเปล่าที่ไพศาลไร้ขอบเขตทำให้เขายากจะแยกแยะทิศทางได้

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ปรากฏตัวตรงหน้าเขา ทำเอาเขาตกใจจนถอยหลังไป พอเห็นว่าเป็นหานเจวี๋ยถึงค่อยโล่งอกได้

“เจ้ามาได้อย่างไร” จี้เซียนเสินถามด้วยความตื่นเต้น

หานเจวี๋ยใบหน้าไร้ความรู้สึก ยกมือขึ้นแล้วพลันส่งฝ่ามือออกไป

พลังดูดวิญญาณหกสาย!

แรงดันลมที่น่าหวาดกลัวดูดและดึงจี้เซียนเสิน ทว่าตรงหน้าจี้เซียนเสินมีพลังไร้รูปร่างกดเขาเอาไว้ ทำให้ไม่อาจลอยไปทางหานเจวี๋ยได้ ความรู้สึกที่ถูกบีบอัดนั้นทรมานมาก

จี้เซียนเสินกำลังจะเปิดปากด่า ก็เห็นเงาดำสายหนึ่งถูกดูดออกจากร่างของตนไปตกลงในฝ่ามือของหานเจวี๋ยอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยเก็บมือพลางขมวดคิ้วแน่น

พอเห็นเช่นนี้ จี้เซียนเสินตระหนกตกใจมาก

หรือว่านี่จะเป็นมารในใจของเขา

ตัวอักษรแถวหนึ่งลอยขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

[จอมพลเสินเผิงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]

……………………………………….

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท