หรือว่าในสมองของพวกมัน จะไม่เสียดายชีวิตจนแข็งขืนถึงเพียงนี้?
พระหัตถ์ของตี้เสียกุมดาบอาทิตย์เทพเอาไว้ พระอุระขยับขึ้นลงไม่มีหยุด ไอร้อนแผ่พุ่งออกมาจากพระวรกายในทุกทิศทุกทาง จนแทบจะพ่นไฟออกมาจากพระศอได้อยู่แล้ว
พระองค์พยายามสงบพระอารมณ์ลง เมื่อมีฐานะเป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์ ฐานะที่สูงส่งของพระองค์ย่อมไม่อำนวยให้ทรงด่าทอผู้อื่นได้ง่ายๆ
เบื้องหน้าของพระองค์ยังมีเสาน้ำแข็งจำนวนมากมายเหลือคณานับพุ่งเข้ามา ตี้เสียทรงขยับดาบอาทิตย์เทพฟาดฟันออกไป
เส้นพระเกศาสีทองปลิวสยายขึ้นมา พระหัตถ์ข้างหนึ่งกุมดาบอาทิตย์เทพไว้ ในพระหัตถ์อีกข้างหยิบเอายันต์สีทองใบหนึ่งขึ้นมา
ยันต์สีทองมีตัวอักษร ‘ออกรบ’ สองตัว
พลังวิญญาณของตี้เสียถ่ายทอดสู่ยันต์สีทองใบนั้น พริบตาเดียวแสงสว่างจ้าจากยันต์สีทองก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
และแสงสว่างนั้นกำจายออกไปในอากาศเป็นวงกว้าง
ทันใดนั้นท้องฟ้าของแดนสวรรค์พลันเกิดความเคลื่อนไหว เสียงครืดคราดกึกก้องดังจากฟากฟ้ามาแต่ไกล
สีหน้าของเหล่าทวยเทพในวันนี้ ไม่รู้ว่าเปลี่ยนสีไปเป็นครั้งที่เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว
พวกเขาได้เห็นดาบอาทิตย์เทพปรากฏขึ้นมาอีกครั้งไปแล้ว ตอนนี้ยังจะได้เห็นกองทัพจักรพรรดิสวรรค์เคลื่อนไหวอีกกระนั้นหรือ?
บนแดนสวรรค์นั้น ซือเป่ยคือเทพสงคราม บัญชานักรบสวรรค์แสนนาย
แต่ว่าในพระหัตถ์ของเทียนตี้ ยังมีกองทัพจักรพรรดิสวรรค์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง
กองทัพจักรพรรดิสวรรค์รับฟังคำสั่งของเทียนตี้แต่เพียงผู้เดียว ครั้งก่อนที่กองทัพนี้ปรากฏกาย ก็คือในสงครามเทพภูตินั่นเอง
และเพราะมีกองทัพจักรพรรดิสวรรค์ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานเช่นนี้ เผ่าสวรรค์จึงกุมโอกาสได้ชัยชนะในช่วงสุดท้าย
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า เพื่อต่อสู้กับสองคนนั้น เทียนตี้จึงต้องทรงเรียกทัพจักรพรรดิสวรรค์ออกมา!
บนท้องฟ้า แม้ว่าจะยังไม่อาจมองเห็นทัพจักรพรรดิสวรรค์ได้อย่างชัดเจน แต่ทุกผู้คนก็สามารถสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่เข้มข้นที่กำลังพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง
ทุกผู้คนต่างก็พากันสูดลมหายใจเข้าไปอย่างเหน็บหนาว แม้แต่ซือเป่ยก็ยังต้องขมวดคิ้วแน่น
ดวงพักตร์ของฮว๋ายยู่เองก็เคร่งเครียด นางคิดไม่ถึงเลยว่า ตี้เสียจะทรงถูกสถานการณ์บีบคั้นจนถึงขั้นนี้
นางได้แต่ปวดใจอย่างยิ่ง
บุรุษผู้นั้น นางทั้งรักทั้งเทิดทูนเขา ตลอดเวลาหลายหมื่นปีอันยาวนาน ไหนเลยจะเคยเห็นเขาถูกลบหลู่ถึงเพียงนี้?
คิดเช่นนี้แล้ว ฮว๋ายยู่ก็ต้องกัดฟันกรอด นางหันไปถลึงดวงเนตรใส่ซือเป่ยอีกครั้ง “ซือเป่ย เจ้าบังอาจกักกองทัพนักรบสวรรค์ทั้งหนึ่งแสนนายเอาไว้ เจ้าจะต้องสำนึกเสียใจต่อการกระทำนี้อย่างแน่นอน!”
“เรื่องที่ข้าแม่ทัพเสียใจนั้นมีอยู่เพียงเรื่องเดียว”
สีหน้าของเขาเหมือนดังเหยี่ยวล่าเหยื่อ ขณะที่มองดูดวงพักตร์ละมุนของฮว๋ายยู่ เขาก็คลี่ยิ้มร้ายกาจออกมา “เสียดายที่คืนนั้น ไม่อาจกำราบเจ้าให้เชื่องเชื่อ”
ฮว๋ายยู่อยากจะตบใส่กระบอกหูของเขาอย่างเต็มกำลัง
นางกัดฟันกรอดขณะต้องกล้ำกลืนโทสะนี้ลงไป นี่มิใช่เวลาที่จะมาคิดบัญชีกับเขา
รอให้ภยันตรายผ่านพ้น นางจะต้องหาวิธีจัดการเขาอย่างแน่นอน!
………………..
อีกด้านหนึ่ง ไอสังหารที่เข้มข้นและรุนแรงได้แผ่พุ่งมาถึง ชั่วพริบตา บนท้องฟ้าที่มีหมู่เมฆกระจายอยู่ทั่ว พลันปรากฏกองทัพจักรพรรดิสวรรค์ขึ้นมา
พวกเขาแต่ละคนมีพลังวิญญาณเปี่ยมล้น เปรียบเทียบกับนักรบสวรรค์ทั่วๆไปแล้ว ยังแข็งแกร่งกว่าหลายต่อหลายเท่า!
กองทัพจักรพรรดิสวรรค์นับหมื่นรวมตัวกันที่ด้านหลังของตี้เสียในชั่วพริบตาสั้นๆ
พวกเขาแต่ละคน ล้วนได้รับการคัดสรรและอบรมบ่มเพาะขึ้นมาด้วยพระองค์เอง
พละกำลังของแต่ละคนแข็งแกร่งเพียงไร ตี้เสียย่อมทรงกระจ่างในพระทัยดี
ทันทีที่กองทัพจักรพรรดิสวรรค์ปรากฏตัว ก็สามารถสกัดเสาน้ำแข็งจากหมอกดำของจีเฉวียนเอาไว้ได้จนหมด แสงสีทองจากพวกเขา ส่องรอบด้านจนสว่างไสว
ตอนนี้ทั้งหมดยืนอยู่ที่ด้านหลังของตี้เสีย ขอเพียงพระองค์ทรงมีพระบัญชาออกมาเพียงคำเดียว ก็พร้อมที่จะสับกระดูกแยกร่างคนทั้งสอง
ถึงแม้ว่าตู๋กูซิงหลันจะเคยได้พบแปดแม่ทัพสวรรค์มาแล้ว แต่ยามที่ได้เห็นทัพจักรพรรดิสวรรค์กับตา ในใจของนางก็ยังต้องตกตะลึงขึ้นมาเช่นกัน
พลังวิญญาณในร่างของพวกเขาสมบูรณ์จนเปี่ยมล้น ทหารของทัพจักรพรรดิสวรรค์เพียงห้าคน ก็สามารถสกัดเสาน้ำแข็งหมอกดำต้นหนึ่งเอาไว้ได้แล้ว ทำให้กระบวนท่าโจมตีชุดนี้มิได้ผลอีกต่อไป
สำหรับตี้เสียแล้ว เพราะองค์ย่อมต้องมีไพ่ตายอยู่บ้าง และกองทัพจักรพรรดิสวรรค์นี้ก็คือหนึ่งในไพ่ตายของพระองค์นั่นเอง
ตอนนี้ พระองค์องค์ทรงเร่งเร้าแสงสีทองทั่วร่างให้เปล่งประกายกว่าเดิม ดาบอาทิตย์เทพในพระหัตถ์ถูกยกขึ้นมาจนสูง
และครั้งนี้ พระองค์มิได้ทอดพระเนตรไปเหลือบแลตู๋กูซิงหลันอีกต่อไป หากแต่ตรัสออกไปว่า “สังหารอย่างให้เหลือรอด”
ขณะที่พระองค์ทรงตระเตรียมทำสิ่งเหล่านี้เพื่อลงมืออยู่นั้น จีเฉวียนกลับมิได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมา
แม้แต่ยามที่กองทัพจักรพรรดิสวรรค์ปรากฏตัว เขาก็ไม่แม้แต่จะตื่นตระหนก สายตาคู่นั้นพอหันไปจากตู๋กูซิงหลันถึงได้เปลี่ยนเป็นเย็นชาและเหน็บหนาวอีกครั้ง
ตู๋กูซิงหลันเห็นท่าทีของเขาแล้วก็พอจะสงบใจลงได้บ้าง มิได้ตื่นเต้นจนมากเกินไป นางเพียงแต่ปลุกพลังวิญญาณของตนขึ้นมา เตรียมเข้าร่วมการต่อสู้พร้อมกับเขา
ทันทีที่ตี้เสียทรงมีพระบัญชา กองทัพจักรพรรดิสวรรค์ก็เคลื่อนไหว เพียงแค่แรงกดดันอันแข็งแกร่งมารวมอยู่ด้วยกันเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าเทพทั้งหลายระบายลมหายใจไม่ออกแล้ว
ครั้งนี้ สองคนนั้นคงจะต้องจบสิ้นแล้วสินะ?
ขณะที่พวกเขากำลังคิดเช่นนั้นอยู่ ทั้งหมดก็พากันละเลยความเคลื่อนไหวในเจดีย์กำราบเทพมารไปจนหมดสิ้น
กองทัพจักรพรรดิสวรรค์ยังมิทันได้บุกไปถึงเบื้องหน้าของจีเฉวียน พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องคำรามอย่างน่าสะพรึงกลัว ดังขึ้นมาจากบนเจดีย์กำราบเทพมาร
เสียงของมันเหมือนกับฆ้องยักษ์ กรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง
เหล่าเทพทั้งหลายเดิมทีกำลังตกตะลึงจนกลั้นลมหายใจ พอมันตะเบงเสียงออกมาจากลำคอเช่นนี้ ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนไปจนหมดสิ้น
เจดีย์กำราบเทพมารถูกเสาน้ำแข็งสองแท่งทะลวงลงไป หนึ่งในสองแท่งทะลวงผ่านชั้นแปดและชั้นเก้าเข้าไป
ประกอบกับที่เจ้านกยักษ์เองก็แอบใช้กรงเล็บแทงลงไปอยู่ตลอดเวลา…..
หลังทนรับฝนดาบอาทิตย์และเสาน้ำแข็งเข้าไป เพียงไม่นาน ในที่สุดก็เกิดผลลัพธ์
กรงเล็บที่แหลมคมติดค้างอยู่ข้างใน แถมยังถูกเจ้าตัวที่อยู่ข้างในกระชากลงไปอย่างรุนแรง จนอุ้งเท้าของมันหลุดเข้าไปทั้งขา แถมเล็บเล็บหนึ่งยังหลุดติดออกไป
พรูด….เลือดสดไหลนองออกมา
มันถึงกับเล็บหลุดไปเล็บหนึ่ง เลือดทะลักราวกับคนที่ถูกตัดหัวทิ้ง ไหลออกไปอย่างราวกับแจกจ่าย
เจ้านกยักษ์ส่งเสียงร่ำร้องติดๆกัน พอเล็บหลุดออกไป มันก็เหมือนกับได้รับการปล่อยตัว มันกระพือปีกขนาดยักษ์อย่างรุนแรง ขณะที่เตรียมจะบินหนี ก็ได้ยินเสียงกระซวกดังขึ้นมา
เล็บที่ถูกถอดออกไปของมันถูกแทงออกมาจากข้างในเจดีย์!
เสียงแตกร้าวดังลั่น ไล่ไปตามรอยแตกรอบเจดีย์ราวกับเปลือกถั่วแมคคาเดเมียที่ถูกกระเทาะออกมา เจดีย์ชั้นที่เก้าทั้งหมดถูกฉีกกระชากออกจากด้านในราวกับกระเทาะเปลือกออกมา!
ทันทีที่หลังคาเจดีย์ถูกฉีกจนแตกออก เจ้านกยักษ์ก็ส่งเสียงอย่างเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง
มันกำลังโบกปีกเพื่อคิดหนี แต่ว่าในเจดีย์ที่แตกออก กลับมีกรงเล็บที่ทั้งใหญ่โตและดำทะมึนยื่นออกมา
กรงเล็บนั้น ถึงกับคว้าลำคอของเจ้านกยักษ์เอาไว้ได้อย่างแม่นยำ
จากนั้นก็กระชากกลับลงไปอย่างโหดเหี้ยม ถึงแม้ว่าเจ้านกยักษ์จะมีขนาดใหญ่โตจนมหึมา แต่ว่าร่างกว่าครึ่งหนึ่งของมันก็ถูกกระชากเข้าไปข้างในชั้นเก้าทั้งอย่างนั้น
ก้นที่มีขนฟูๆของมันโผล่อยู่ที่ด้านนอก ขายังหลั่งเลือดออกมา สภาพที่ก้นและกรงเล็บจุกอยู่ด้านนอกเช่นนี้ ดูแล้วจึงเหมือนกับว่าเจ้านกยักษ์กำลังถูกบางสิ่งจับกลืนลงไปทั้งเป็น
ภาพเช่นนี้ทำให้หัวใจของผู้อื่นต้องผวา
ชั้นที่เก้า……แตกเสียแล้ว!
ตัวประหลาดที่อยู่ข้างใน…..ยังมีชีวิตอยู่!
มันใช้เพียงกรงเล็บแค่ข้างเดียว ก็สามารถฉุดกระชากเจ้านกยักษ์เข้าไปข้างในได้?
เจ้านกยักษ์นั้นคือสัตว์อสูรที่เทียนตี้ทรงทุ่มเทแรงกายแรงใจมากมาย……แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาจกำราบให้เชื่องเชื่อได้อย่างสมบูรณ์
ความแข็งแกร่งของมันเป็นที่หน้าตื่นตระหนกถึงเพียงไหน ทั่วทั้งแดนสวรรค์ล้วนทราบแก่ใจดี
แต่ว่าตอนนี้มันกลับถูกเจ้าตัวประหลาดที่อยู่ในชั้นเก้าจับ…..กินลงไปอย่างง่ายดาย?
ว่าตามจริง ท่าทางที่เจ้านกยักษ์เหลืออยู่แต่เพียงก้นแต่ก็ยังดิ้นทุรนทุรานอยู่เช่นนั้น ดูแล้วก็เหมือนว่ามันกำลังถูกกินเข้าไปจริง กินแบบถูกกลืนลงไปทั้งตัวจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกอย่างไรอย่างนั้น
ทำให้แม้แต่จีเฉวียนก็ยังต้องหันไปมองดูเจดีย์หลังนั้นด้วยเช่นกัน
……………………….