ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 505 ปราณม่วงมหามรรค ความพิโรธของอริยะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 505 ปราณม่วงมหามรรค ความพิโรธของอริยะ

[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุสามหมื่นปีบริบูรณ์แล้ว ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ออกจากปิดด่านทันที เผยแพร่มรรคสู่สรวงสวรรค์ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน ปราณม่วงมหามรรคหนึ่งสาย]

[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ รักษาเจตจำนงเดิม จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ปราณม่วงมหามรรคหนึ่งสาย]

ตัวเลือกนี้โผล่ขึ้นมาตอนหานเจวี๋ยชำระล้างศิษย์สำนักซ่อนเร้น ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เลือกทันที รอคอยหลังจากชำระล้างศิษย์ทั้งหมดเสร็จสิ้นถึงได้กลับอารามเต๋า มาเลือกอีกครั้ง

ตอนนี้ เขาอายุสามหมื่นสี่สิบสี่ปีแล้ว

เหตุผลที่ไม่เลือกในทันที เพราะหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ก้อนนั้นมีแรงดึงดูดมากเกินไป

หากยกระดับหนังสือแห่งความโชคร้ายอีกขั้นจะกลายเป็นยอดสมบัติมรรคาสวรรค์

ต่อให้เขาออกไปตอนนี้ ขอเพียงไม่ออกนอกขอบเขตมรรคาสวรรค์ อริยะก็ทำอะไรเขาไม่ได้

แต่พอใจเย็นลง หานเจวี๋ยรู้สึกว่าไม่จำเป็นเลย

ท้ายที่สุดแดนเซียนก็มิใช่อาณาเขตเต๋า หากอริยะมีวิธีการอย่างอื่นเล่า

หานเจวี๋ยสงบจิตใจ เลือกตัวเลือกที่สอง

[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ปราณม่วงมหามรรคหนึ่งสาย]

[ปราณม่วงมหามรรค: หลังจากหลอมรวมแล้ว จะได้รับคุณสมบัติในการสำเร็จเป็นอริยะมหามรรค]

หือ?

อริยะมหามรรค!

มุมปากหานเจวี๋ยยกโค้งขึ้น

ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้

ปราณม่วงอนธการทำให้กลายเป็นอริยะมรรคาสวรรค์ ปราณม่วงมหามรรคก็ทำให้กลายเป็นอริยะมหามรรค

แต่ก็แค่มีคุณสมบัติ มิใช่ได้เป็นอย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยนำปราณม่วงมหามรรคออกมา มันเป็นสีเทาขมุกขมัว คล้ายควันกลุ่มหนึ่ง มองไม่เห็นผลดีอันใด

เขาไม่ต้องการที่จะหลอมรวมตอนนี้ จึงเก็บปราณม่วงมหามรรคไว้ภายในโลกดารา

เก็บไว้ว่ากันวันหลัง

ตอนนี้หานเจวี๋ยสามารถพิสูจน์มรรคสำเร็จเป็นอริยะได้ด้วยตัวเอง ยังไม่จำเป็นต้องใช้ปราณม่วงมหามรรคชั่วคราว

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ มุมานะเพื่อการพิสูจน์มรรคของตน

เขามีตบะระดับครึ่งอริยะขั้นสมบูรณ์แล้ว แต่ยังอยู่ห่างไกลจากการพิสูจน์มรรคยิ่งนัก ยังคงต้องพากเพียรบำเพ็ญ

การผสานรวมกับมหามรรค ขั้นตอนนี้ซับซ้อนเหลือเกิน ถึงจะมีคุณสมบัติเลิศล้ำ ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน

ครึ่งอริยะขั้นสมบูรณ์อายุสามหมื่นปี หานเจวี๋ยนับว่าเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์

หวนนึกถึงยุคบุกเบิกฟ้าดิน บรรพชนเต๋าพิสูจน์ต้าหลัวยังใช้เวลาหลายพันล้านปี ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงตำนานเล่าขาน เท่านั้น ความจริงอาจจะยาวนานกว่านั้นก็ได้

….

เก้าสิบปีต่อมา

เมื่อเซวียนฉิงจวินมาถึงเขตเซียนร้อยคีรีก็ตะโกนเรียกชื่อหานเจวี๋ย พอหานเจวี๋ยได้ยิน เขาเลือกสละอายุห้าพันล้านปีเพื่อทำนายดูก่อนรอบหนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีอันตราย หานเจวี๋ยจึงเคลื่อนย้ายนางเข้ามาในอารามเต๋า

ทั้งสองพบกันอีกครั้ง มิได้มีฉากโอบกอดหลั่งน้ำตา กลับดูปกติทั่วไปยิ่งนัก

เซวียนฉิงจวินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ากลับมาแล้ว เจ้ายังนับข้าเป็นคู่บำเพ็ญเพียรอยู่หรือไม่”

หานเจวี๋ยแย้มยิ้มกล่าว “แน่นอน เจ้าก็ไม่เคยหักหลังทอดทิ้งข้านี่”

เรื่องราวของเซวียนฉิงจวิน หานเจวี๋ยเคยเอ่ยกับสิงหงเสวียนไว้นานแล้ว สิงหงเสวียนก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ ในแดนเซียนการมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติยิ่ง จักรพรรดิมนุษย์ยังมีฝ่ายวังหลังสามพันนางเลย

รอยยิ้มของเซวียนฉิงจวินกดลึกกว่าเดิม นางชูมือเรียวงามขึ้น ปราณม่วงสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ บิดส่ายไปมาดั่งงูน้อย

“นี่คือปราณม่วงอนธการ สำหรับพิสูจน์เป็นอริยะมรรคาสวรรค์ ข้านำมาเป็นของกำนัลให้เจ้าโดยเฉพาะ”

เซวียนฉิงจวินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงฟังดูภูมิใจอยู่บ้าง

นี่เป็นยอดสมบัติที่ทำให้ผู้ทรงพลังทั้งหลายบ้าคลั่งได้เชียวนะ!

หานเจวี๋ยกลับสงบนิ่งยิ่งนัก ถามว่า “เป็นของอริยะท่านไหน”

เซวียนฉิงจวินตอบ “ปราณม่วงอนธการนิกายฉ่าน เดิมทีประสงค์มอบให้เผ่าสวรรค์”

มิใช่ของเจ้าแม่หนี่ว์หวาหรือ

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาพลันนึกถึงเรื่องบางอย่าง

แรกเริ่มมีอริยะมรรคาสวรรค์เก้าท่าน ที่ปรากฏตัวออกมามีเพียงหนี่ว์วา ฝูซีเทียน เทพสูงสุดหนานจี๋ ฉิวซีไหล เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย อริยะมิ่งจี อริยะจินอัน มหาจักรพรรดิเซียว ส่วนอริยะอีกท่านหนึ่งไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนเลย

‘หรือว่าอริยะท่านนั้นจะดับขันธ์ไปนานแล้ว’

หานเจวี๋ยสอบถามในใจ

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ดับขันธ์ไปแล้ว ตอนนี้เหลืออริยะมรรคาสวรรค์เพียงเจ็ดท่าน]

หานเจวี๋ยตกอยู่ในภวังค์ความคิด

เหลืออริยะมรรคาสวรรค์แค่เจ็ดคน แต่อริยะไม่ได้มีเท่านี้ เหมือนหลี่มู่อีและปรมาจารย์ลัญจกรสรวง

เซวียนฉิงจวินถาม “เป็นอะไรไป”

หานเจวี๋ยยิ้มตอบ “เจ้ายินดีมอบให้ข้าจริงๆ หรือ”

เซวียนฉิงจวินพยักหน้า แววตาสงบนิ่ง เปี่ยมด้วยความจริงใจ

หานเจวี๋ยรับปราณม่วงอนธการไป จากนั้นก็ซักถามถึงขั้นตอนดำเนินการ

เซวียนฉิงจวินก็มิได้ปกปิดแต่อย่างใด ในเผ่าสวรรค์ นางเข้าร่วมกองกำลังนิกายฉ่าน ก่อนหานเจวี๋ยจะไปเข้าฝัน นางได้ทราบว่านิกายฉ่านมีปราณม่วงอนธการ ต่อมาหลี่มู่อีอริยะแห่งนิกายเหรินถ่ายทอดเสียงหานาง บอกว่าสามารถช่วยนางช่วงชิงปราณม่วงอนธการได้

เซวียนฉิงจวินรู้สึกคลางแคลงใจยิ่งนัก ไม่ทราบว่าเหตุใดตนถึงถูกอริยะต้องตาได้ หลี่มู่อีกล่าวว่ามีปัญหาติดขัดภายในสำนักเต๋า เขาคัดเลือกคนไว้สองสามราย ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะสามารถทำได้ ต่อมาด้วยความช่วยเหลือของหลี่มู่อี นางจึงนำปราณม่วงอนธการมาได้สำเร็จ จากนั้นจึงหนีกลับมายังแดนเซียน

หานเจวี๋ยฟังมาถึงตรงนี้ก็พลันกระจ่าง อริยะคิดวางกับดักเช่นนั้นหรือ

เขาใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์กับเซวียนฉิงจวินอย่างเงียบเชียบ เสียอายุขัยไปอีกห้าพันล้านปี

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง หานเจวี๋ยออกไปส่งนางด้วยตัวเอง สร้างอารามเต๋าหลังหนึ่งไว้ใกล้ๆ กัน

หลังจากหานเจวี๋ยกลับไป เซวียนฉิงจวินรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป

หลังจากได้พบหานเจวี๋ย นางรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอย่างน่าประหลาด ราวกับปลดเปลื้องภาระมากมายออกไปจากร่าง

เมื่อกลับถึงอารามเต๋า หานเจวี๋ยเริ่มใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์กับปราณม่วงอนธการ ใช้อายุขัยไปอีกสี่พันล้านปี

….

ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

อาณาเขตเต๋านิกายเหริน

หลี่มู่อีลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วแน่น

“เป็นไปได้อย่างไร จิตศักดิ์สิทธิ์ของข้าขาดหายไปได้อย่างไร”

หลี่มู่อีนับนิ้วทำนาย สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไป

“ฝีมือสูงส่งนัก!”

ดวงตาหลี่มู่อีวาวโรจน์ เอ่ยพึมพำ “หานเจวี๋ยเอ๋ยหานเจวี๋ย เจ้าเป็นใครกันแน่ เป็นผู้ใดคอยเกื้อหนุนอยู่เบื้องหลังเจ้า”

เขาทำนายได้ว่าหานเจวี๋ยอายุเพียงสามหมื่นปี และไม่มีภูมิหลังอดีตชาติ

กล่าวอีกนัยคือ เบื้องหลังหานเจวี๋ยต้องมีผู้ทรงพลังลึกลับคอยเกื้อกูลอยู่แน่นอน

สายตาของเขามองทะลุสามสิบสามชั้นฟ้า จ้องมองเขตเซียนร้อยคีรี เขตเซียนร้อยคีรีเสมือนหมอกสลัวกลุ่มหนึ่ง แม้จะเป็นอริยะเช่นเขาก็มองทะลุไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

เสียปราณม่วงอนธการสายหนึ่งไปโดยเปล่าประโยชน์…

ไม่ได้!

ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้!

หลี่มู่อีลุกขึ้นยืน ออกจากอาณาเขตเต๋าไป

….

ภายในอารามเต๋า หานเจวี๋ยกำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญ

[ความเกลียดชังที่หลี่มู่อีมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

[เทพสูงสุดหนานจี๋เกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]

[เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]

[อริยะจินอันเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 1 ดาว]

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วทันที

ทำไมจู่ๆ ถึงมีแจ้งเตือนความเกลียดขังมากขนาดนี้

หรือจะเกี่ยวข้องกับปราณม่วงอันธการ

ต้องใช่แน่!

แต่พวกเจ้าเป็นฝ่ายส่งมาให้ถึงประตูเองนะ!

หานเจวี๋ยไม่เชื่อว่าหลี่มู่อีไปหาเซวียนฉิงจวินด้วยความบังเอิญ ปราณม่วงอนธการสายนี้ต้องมีแผนการซุกซ่อนอยู่แน่ แต่เมื่อถูกชำระล้างอย่างสมบูรณ์ จึงทำให้เหล่าอริยะไม่สามารถวางแผนเล่นงานเขาต่อได้ ดังนั้นจึงเกิดความอับอายจนพาลโกรธ

เป็นเช่นนี้หานเจวี๋ยยิ่งไม่มีทางออกจากอาณาเขตเต๋า

‘เกลียดข้าไปเถอะ ชังข้าไปเถอะ รอจนผู้เฒ่าพิสูจน์มรรคสำเร็จ จะสังหารพวกเจ้าให้หมด!’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ หลักการที่เขายึดมั่นเสมอมาคือผู้อื่นไม่ระรานข้า ข้าก็ไม่ระรานผู้อื่น แต่หากผู้อื่นระรานข้า ข้าก็จำต้องระรานผู้อื่นเช่นกัน!

จะยอมให้พวกเจ้าลงมือไปก่อนชั่วคราว!

หานเจวี๋ยปรับอารมณ์ ฝึกบำเพ็ญต่อ

ในขณะนั้นเอง

“ข้าคือเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยอริยะมรรคาสวรรค์ สำนักซ่อนเร้นขโมยปราณม่วงอนธการ ฝ่าฝืนกฎสวรรค์ อภัยให้ไม่ได้ สรรพสิ่งจงฟัง หากกวาดล้างสำนักซ่อนเร้น จะได้รับแรงกุศลมรรคาสวรรค์เป็นรางวัลตอบแทน!”

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท