บทที่ 615 ยอดเขาปู้โจว
เมื่อกลับมาถึงเขตเซียนร้อยคีรี หานเจวี๋ยนั่งลงบนบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร
เขากับจอมอริยะเสวียนตูหารือกันอยู่หนึ่งชั่วยาม สุดท้ายก็ยังตัดสินใจรอให้มิติวัฏจักรพัฒนาต่อไปอีกสักระยะก่อน ค่อยบีบให้เทพมารฟ้าบุพกาลตนนั้นเผยตัว
หานเจวี๋ยไม่ได้ทำนายดูเลยว่าเทพมารฟ้าบุพกาลตนนั้นอยู่ที่ใด
หานเจวี๋ยต่างจากจอมอริยะเสวียนตู เขาเข้าร่วมกับเรื่องนี้เพียงเพราะสนใจเท่านั้น ไม่ได้มีเป้าหมายอย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกร้อนรนเท่าจอมอริยะเสวียนตู
เรื่องสังหารจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการเป็นเหตุให้ผู้ทรงพลังยี่สิบหกรายเกิดความเกลียดชังในตัวหานเจวี๋ย เขาจำต้องเก็บตัวไปสักระยะหนึ่ง
หานเจวี๋ยตัดสินใจว่าจะเก็บตัวสักหลายๆ พันปี แล้วค่อยสาปแช่งคนเหล่านี้
หานเจวี๋ยเรียกกล่องจดหมายออกมา ตรวจดูความเปลี่ยนแปลงในระยะนี้ของเหล่าสหาย
[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านสืบทอดมรดกแห่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[หยางตู๋สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่าพันธุ์ลึกลับ] x392092
[ฉิวซีไหลสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[ฝูซีเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากกผู้ทรงพลังลึกลับ ตัวตายมรรคผลสลาย]
[ฝูซีเทียนสหายของท่านได้รับการชุบชีวิตจากเจ้าแม่หนี่ว์วาศัตรูคู่อาฆาตของท่าน กลายเป็นอริยะเสรี]
[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านได้รับการชี้ทางเบิกปัญญาจากบรรพชนเต๋าสหายของท่าน พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
….
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย…
เมื่อเห็นสถานการณ์ของเขา หานเจวี๋ยได้แต่ถอนหายใจเงียบๆ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งความมืด อย่างที่รู้กันดี ผู้หนุนหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการก็คือที่พึ่งของเหล่าอริยะมรรคาสวรรค์
ที่สุดแล้วจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็ยังเป็นแค่ตัวหมากอยู่ดี ไม่สามารถฝ่าออกมาจากกรงขังของผู้ทรงพลังเหล่านั้นได้
เมื่อไล่อ่านลงไป พอหานเจวี๋ยเห็นแจ้งเตือนของฝูซีเทียน ก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
ฝูซีเทียนสิ้นชีพ ต่อมาก็จะส่งอริยะผู้ทรงพลังคนใหม่มาอีก เช่นเดียวกับคราวของเทพสูงสุดอู๋ฝ่าก่อนหน้านี้ ก่อให้เกิดการต่อสู้ภายในหมู่อริยะอีกครั้ง เมื่อมหันตภัยมรรคาสวรรค์ครั้งต่อไปมาเยือน เหล่าอริยะขัดแย้งกันเองก็ยากจะสมานฉันท์กันได้
หานเจวี๋ยพอจะมองแผนการของเหล่าผู้ทรงพลังในแดนเทพหวนปัจฉิมออกแล้ว
จุดแข็งเพียงหนึ่งเดียวของเขาคือผู้ทรงพลังเหล่านั้นไม่ทราบว่าเขารู้ความจริง
หานเจวี๋ยต้องอาศัยจุดนี้ทำให้พวกเขาแตกคอกันเอง
ผู้ทรงพลังเหล่านี้ไม่มีทางสมานฉันท์กลมเกลียวกันอย่างสมบูรณ์!
หลังอ่านจดหมายเสร็จ หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ
เขากำลังรอคอยโอกาสสำหรับสาปแช่ง
เขาไม่ได้สาปแช่งมานานมากแล้ว รู้สึกโหยหาอย่างน่าประหลาด
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะออกโรงอีกครั้ง!
….
ยมโลก ริมแม่น้ำปรโลก
หยางเทียนตงกำลังนั่งสมาธิอยู่ จักรพรรดินีผืนพิภพปรากฏตัวขึ้นเหนือแม่น้ำปรโลก
หยางเทียนตงรับรู้ถึงกลิ่นอายของนาง เขารีบลืมตาขึ้นมาทันที ทำความเคารพอีกฝ่าย
จักรพรรดินีผืนพิภพเปิดปากเอ่ย “ข้าตรวจสอบดูแล้ว ไม่ทราบเลยว่าเป็นผู้ใดที่ทำร้ายเจ้า ช่วงนี้ต้องเสริมการป้องกันของยมโลก ไม่นานมานี้เหล่าอริยะออกจากแดนเซียนไปจัดการจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ อริยะฝูซีเทียนสังเวยชีพ บางทีวิกฤตการณ์มรรคาสวรรค์อาจจะกำลังเริ่มขึ้น เมืองนรกอยู่ในระดับต่ำสุดของแดนเซียน เป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นเป้าโจมตีของศัตรู”
หยางเทียนตงขมวดคิ้ว กล่าวว่า “จักรพรรดินี ตบะของข้าอ่อนด้อยนัก เกรงว่าคงยากจะปกป้องเมืองนรกได้…”
“ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าจะให้สิบแปดพญายมบรรพกาลหวนกลับมา พวกเขาล้วนเป็นเซียนทองต้าหลัว นี่คือกองกำลังที่เมืองนรกสั่งสมไว้”
เซียนทองต้าหลัวสิบแปดท่าน!
เปลือกตาหยางเทียนตงกระตุก ร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ
เขาทั้งรู้สึกโล่งใจและเป็นกังวลไปพร้อมกัน
สิบแปดพญายมบรรพกาลหวนกลับมา คงส่งผลกระทบถึงตำแหน่งของเขาเป็นแน่
จะเกิดเหตุการณ์เสร็จนาฆ่าโคถึกขึ้นกับเขาหรือไม่?
จักรพรรดินีผืนพิภพเอ่ยต่อว่า “จากนี้ข้าจะออกจากแดนเซียนไปสักระยะ จงหารือเรื่องทั่วไปกับมหาพญายมให้มากหน่อย เขามีเส้นสายกว้างขวาง รับมือได้กับทุกสถานการณ์”
“เข้าใจแล้วขอรับ”
จักรพรรดินีผืนพิภพเลือนหายไป หยางเทียนตงลุกขึ้นเดินจากไป
ระหว่างเดินทางกลับ หยางเทียนตงว้าวุ่นใจ รู้สึกเสมอว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
อีกด้านหนึ่ง
แดนเซียนยังคงขับเคลื่อนดำเนินไปด้วยตัวเอง เรื่องศึกอริยะไม่ได้แพร่ออกไป สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นที่เหล่าอริยะช่วยกลับมายังคงถูกกักตัวไว้ในอาณาเขตเต๋าอริยะ เนื่องจากพวกเขามีพลังแห่งความมืดอยู่ในร่าง จะต้องขจัดออกให้หมดสิ้น เหล่าอริยะถึงจะวางใจ
ช่วงหลายพันปีมานี้ ผู้ทรงพลังที่ชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดในแดนเซียนคือต้าซั่นเทียน
เขาอยู่ในลำดับแรกบนทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์ ครอบครองโลกมนุษย์แห่งหนึ่ง สำนักแยกนภาที่เขาก่อตั้งขึ้นก็แพร่ขยายไปทั่วแดนเซียน เรืองอำนาจขึ้นทุกวัน
นับตั้งแต่เขาเทพปู้โจวเกิดการสังหารล้างบางขึ้น ชื่อเสียงของหลี่เต้าคงก็ตกต่ำอย่างยิ่ง ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่กระจายข่าวลับหลังว่าในอดีตเขาเคยเป็นศิษย์เอกแห่งนิกายเหริน ชั่วขณะนั้น คำครหาจำพวกคนอำมหิตศิษย์ทรยศล้วนถูกสาดใส่ร่างหลี่เต้าคง หลี่เต้าคงก็มิได้ออกมาโต้แย้ง ใช้ชีวิตไปตามวิถีของตน
หลี่เต้าคงไม่ก้าวหน้าขึ้นเลย แต่สำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่สำนักซ่อนเร้นให้การสนับสนุนกลับก้าวหน้าไปอย่างราบรื่นยิ่ง ดึงดูดศิษย์หญิงเข้ามาได้นับไม่ถ้วน ประกอบกับได้รับการดูแลจากหวงจุนเทียนอยู่เสมอ สองสำนักเป็นพันธมิตรกัน ต่างฝ่ายต่างให้ความช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี
เผ่าสวรรค์ก็ส่งเทพเซียนมาเยี่ยมเยือนสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งคราว สำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่แล้ว
ผ่านมาหลายหมื่นปี สรรพสิ่งในปวงสวรรค์หลงลืมสำนักซ่อนเร้นไป แต่ในฉากหน้านั้นอิทธิพลของสำนักซ่อนเร้นยังคงน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
ในวันนี้
ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์คนหนึ่งมาเยือนเขาเทพปู้โจว เขาสวมชุดสีเขียว บุคลิกงามสง่า หน้าตาไม่นับว่าโดดเด่นนัก มีตบะระดับเซียนพิภพไท่อี่ ไม่นับว่าแข็งแกร่งมาก
หลังจากเข้าสู่หุบเขา เขามุ่งหน้าไปยังยอดเขา
เมื่อมาถึงกลางเนินเขา สายฟ้าเส้นหนึ่งพลันผ่าลงมา เกือบจะผ่าเขาตายแล้ว
“กลับไป”
เสียงของหลี่เต้าคงดังขึ้น เย็นชาอย่างยิ่ง
ชายชุดเขียวกัดฟันกล่าวว่า “ข้าน้อยเป็นผู้บำเพ็ญจากเผ่ามนุษย์ นามเมิ่งเซียว ข้ามิได้มีเจตนาจะมารบกวนผู้อาวุโส ข้าต้องการขึ้นไปบนยอดเขาที่สูงที่สุดในแดนเซียน ฟ้องร้องเทพเซียนทุจริต”
ดวงตาเขาฉายแววเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่นิด
“เช่นนั้นเจ้าจงไปยังชั้นฟ้าที่สิบสาม อย่าได้มารบกวนความสงบของเขาเทพปู้โจว”
เสียงของหลี่เต้าคงแว่วขึ้นอีกครั้ง แฝงความหงุดหงิดเอาไว้เล็กน้อย
เมิ่งเซียวคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ประสานหมัดพลางเอ่ยว่า “เผ่ามนุษย์ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นสู่ชั้นฟ้าที่สิบสาม ข้าไม่อาจไปพบบรรพชนสวรรค์ได้ ทำได้เพียงมายังเขาเทพปู้โจว ร่ำลือกันว่าหากยืนอยู่บนยอดเขาของเขาเทพปู้โจว เสียงตะโกนจะแว่วดังไปถึงชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ข้ามีเพียงทางเลือกนี้เท่านั้นขอรับ!”
“หวังว่าผู้อาวุโสจะยอมอนุญาต มิเช่นนั้นข้าก็ได้แต่ยอมตายด้วยน้ำมือผู้อาวุโส ชาตินี้ชีวิตข้าไร้ห่วงอาลัยแล้ว!”
ตูม!
สายฟ้าเส้นหนึ่งฟาดลงมา ผ่าเมิ่งเซียวจนไหม้ดำในทันใด กลิ้งไถลลงไปจากเนินเขา
แต่เขาทรงตัวได้อย่างรวดเร็ว ร่างกายสั่นระริกลุกขึ้นมาอีกครั้ง โซซัดโซเซปีนขึ้นเขาต่อไป
โลหิตแดงฉานเริ่มไหลซึมออกมาจากร่างที่ไหม้เกรียม เมิ่งเซียวดูราวกับผีร้ายตนหนึ่ง แต่ดวงตายังคงเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น
“ผู้อาวุโส…โปรด…อนุญาต…”
เมิ่งเซียวไต่ขึ้นเขาพลางเอ่ยด้วยเสียงสั่นพร่า น้ำเสียงแผ่วหวิว ดังสู้เสียงลมไม่ได้ด้วยซ้ำ
เขาเทพปู้โจวตกอยู่ในความเงียบสงัดวังเวง
หลี่เต้าคงตอบรับคำขอของเขาอย่างเงียบงัน ไม่ขัดขวางอีกต่อไป
หลายเดือนต่อมา เมิ่งเซียวที่บาดเจ็บสาหัสไปทั้งร่างปีนขึ้นมาถึงยอดเขาเทพปู้โจวอย่างยากลำบาก
ยอดเขาทะลุหมู่เมฆา เมิ่งเซียวคุกเข่าบนยอดเขา อ้าปากหอบหายใจ แสงตะวันอาบไล้ร่างเขา อาการบาดเจ็บตามร่างเขาหายดีแล้ว เขาใช้วิชาเวทชำระล้างร่างกาย เปลี่ยนไปสวมอาภรณ์สะอาดสะอ้าน แต่สภาพของเขาทรุดโทรมอย่างยิ่ง ใบหน้าซีดขาว ร่างกายโคลงเคลงจะล้มมิล้มแหล่
เมิ่งเซียวทอดสายตามองขึ้นไป เขาค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น
เขาไม่เคยรู้สึกว่านภาอยู่ใกล้ตนเท่าวันนี้มาก่อน
เขากัดฟันกรอด เงยหน้าร้องตะโกน “ข้า เมิ่งเซียวจากเผ่ามนุษย์ ขอร้องเรียนแม่ทัพเทพสวรรค์ สังหารล้างบางทายาทชายหลายล้านคนในตระกูลของข้า ข่มเห่งสตรีในตระกูลข้า เทพเซียนประพฤติตนไม่เป็นธรรม บรรพชนสวรรค์โปรดมอบความเป็นธรรมให้ข้าน้อยด้วย!”
………………………………………………………………