บทที่ 626 อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา
“สมองเจ้ามีปัญหากระมัง เจ้าอยากตายหรืออย่างไร”
หานทั่วโพล่งด่า การระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างปุบปับของเขาทำให้อี๋เทียนมึนงง
ในความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง อี๋เทียนคล้ายจะเป็นพี่ใหญ่ แต่ไม่ได้พบกันนานหลายปี หานทั่วเป็นฝ่ายช่วยเขาเอาไว้อีกแล้ว ดังนั้นท่าทางของเขาจึงดูขลาดๆ ยิ่ง
อี๋เทียนเม้มปาก พูดว่า “นี่คือโอกาสที่จะได้สำเร็จเป็นอริยะ ข้าค้นพบว่าแดนต้องห้ามอันธการเหมาะสมกับข้ามากกว่าแดนเซียน อยู่ที่นี่ ผู้แข็งแกร่งก็คือผู้แข็งแกร่ง ผู้อ่อนแอก็คือผู้อ่อนแอ ไม่เหมือนแดนเซียน ถึงสู้ชนะไป อีกฝ่ายก็อาจจะมีที่พึ่งอยู่ สุดท้ายก็ต้องตายอย่างคับข้องใจ”
หานทั่วขมวดคิ้วพลางถาม “หมายความว่าอย่างไร เจ้าไม่คิดจะกลับไปเช่นนั้นหรือ”
“กลับไปทำไมล่ะ ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในแดนเซียน ข้ารู้สึกไร้อิสระไม่เป็นตัวของตัวเอง ถึงแม้พรสวรรค์ของข้าจะกล้าแกร่ง แต่รับรู้อยู่ตลอดว่ามีตัวตนบางอย่างที่เร้นกายอยู่ในความมืดกำลังชักใยข้าอยู่ หลังจากมาถึงแดนต้องห้ามอันธการ ความรู้สึกนี้ถึงได้หายไป ที่นี่คือแดนสุขาวดีสำหรับผู้แข็งแกร่งอย่างแน่นอน อยู่ท่ามกลางการฆ่าฟันถึงจะเติบใหญ่ อยู่ท่ามกลางอันตรายถึงจะค้นพบโอกาสวาสนา หานทั่ว เจ้าไม่สังเกตเห็นหรือว่าข้าพิสูจน์ต้าหลัวแล้ว”
อี๋เทียนเอ่ยด้วยความตื่นเต้น น้อยครั้งนักที่หานทั่วจะได้เห็นเขาตื่นเต้นขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านประสบการณ์เฉียดตายน่าอกสั่นขวัญผวามาแท้ๆ
หานทั่วอยากบอกยิ่งนักว่าข้าก็พิสูจน์ต้าหลัวแล้วเช่นกัน
อี๋เทียนกล่าวต่อว่า “แดนเซียนกำหนดระดับขั้นตายตัวแล้ว มรรควิถีแห่งอริยะคงเดิมไม่แปรเปลี่ยน ต่อให้พวกเราพิสูจน์มรรคสำเร็จ ก็ต้องถูกควบคุมโดยมรรคาสวรรค์ เจ้าไม่อยากก้าวเดินบนวิถีทางตามแบบฉบับของตนบ้างหรือ”
“เจ้าอยากเติบใหญ่ใต้บารมีของผู้อื่นไปตลอดหรือ”
คำพูดนี้ของเขากระตุ้นความรู้สึกส่วนลึกของหานทั่ว
หานทั่วนึกถึงหานเจวี๋ย
หากเขาเติบใหญ่ในแดนเซียน อาจจะปลอดภัยยิ่ง แต่เขาไม่มีทางก้าวข้ามหานเจวี๋ยไปได้
ขนาดผู้แข็งแกร่งอย่างหานเจวี๋ยยังไม่กล้าออกจากแดนเซียน มิใช่แปลว่านอกเขตมรรคาสวรรค์มีตัวตนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอยู่หรอกหรือ เช่นนั้นย่อมมีโอกาสวาสนาที่เลิศล้ำกว่าอยู่เช่นกัน!
หานทั่วคล้อยตามแล้ว
อี๋เห็นมองตาเขาก็ทราบแล้วว่าเขาคิดอย่างไร จึงเอ่ยต่อว่า “ต้องสังหารสัตว์ประหลาดตัวนั้นก่อน ชิงปราณม่วงอนธการมา ภายหลัง พวกเราพี่น้องหากใครบรรลุครึ่งอริยะระยะสมบูรณ์ก่อน ก็ให้คนนั้นพิสูจน์มรรคก่อน เป็นอย่างไร!”
หานทั่วกัดฟันตอบ “ได้!”
ทั้งสองเริ่มไล่ตามไปในทิศทางที่สัตว์ประหลาดอันธการจากไป
….
ผ่านไปอีกหนึ่งพันปี
ตบะของหานเจวี๋ยก้าวหน้าขึ้นระดับหนึ่ง แต่หากคิดจะทะลวงขั้นยังอีกยาวไกลนัก
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เริ่มเทศนาธรรมให้เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้น แผ่มหามรรคต้นกำเนิดออกไปครอบคลุม ศิษย์จำนวนหลายแสนคนเข้าสู่สภาวะตระหนักมรรคทันที
เขาเทศนาธรรมไปพลาง ตรวจดูจดหมายไปพลาง
เมื่อไล่อ่านลงไปเรื่อยๆ มีจดหมายฉบับหนึ่งดึงดูดความสนใจของเขา
[ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ถูกขับไล่ออกจากมรรคาสวรรค์]
‘ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงถูกขับไล่หรือ’
หานเจวี๋ยใจเต้นแรง
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงคือร่มโพธิ์ร่มไทรที่แข็งแกร่งที่สุดของมรรคาสวรรค์ ก่อนหน้านี้ตอนที่มารสวรรค์เข้าโจมตี ก็ฉวยโอกาสตอนที่ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงไม่อยู่
ต่อจากนี้จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอีกแล้วกระมัง!
หานเจวี๋ยมองขึ้นไปยังชั้นฟ้าที่สามสิบสาม จู่ๆ เขาก็พบว่ามีอริยะเพิ่มขึ้นมาหนึ่งราย
จอมอริยะเสวียนตู เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย มหาจักรพรรดิเซียว เทพสูงสุดอู๋ฝ่า ฉิวซีไหล สือตู๋เต้า หลี่เต้าคง ฟางเหลียง นอกจากอริยะมรรคาสวรรค์เก้าตำแหน่งแล้ว ยังมีอริยะอีกคน!
กล่าวก็คือ ชั้นฟ้าที่สามสิบสามมีอริยะสิบคน!
เมื่อนับรวมหานเจวี๋ยเข้าไปด้วย มรรคาสวรรค์จะมีอริยะสิบเอ็ดคน!
เหตุผลที่หานเจวี๋ยไม่ถูกมรรคาสวรรค์ขับไล่ เป็นเพราะเขาถือกำเนิดในมรรคาสวรรค์ ได้รับแรงกุศลมรรคาสวรรค์มากล้นมหาศาล อริยะนอกเขตมรรคาสวรรค์ไม่สามารถล่วงล้ำเข้ามาในมรรคาสวรรค์ได้ เว้นแต่จะกดระดับตบะไว้ แลกกับดวงชะตามรรคาสวรรค์ กลายเป็นอริยะมรรคาสวรรค์
‘คนผู้นี้เป็นใคร’
หานเจวี๋ยสงสัยอยู่ในใจ
เห็นทีว่าขีดจำกัดการรับตำแหน่งของมรรคาสวรรค์จะมิใช่แค่เก้าตำแหน่งเสียแล้ว
ช้าก่อน!
ผิดปกติ!
เหตุใดดวงชะตามรรคาสวรรค์เพิ่มมากขึ้นเช่นนี้
หานเจวี๋ยมีสีหน้าตื่นตะลึงในทันใด เมื่อเทียบกับหนึ่งพันปีก่อน ดวงชะตามรรคาสวรรค์ที่ดุจลำธารสายน้อยกลายเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยว ถึงขั้นที่ไม่อ่อนด้อยไปกว่ามรรคาสวรรค์ช่วงก่อนเกิดมหาเคราะห์เลย
เขานับนิ้วทำนาย พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับฟางเหลียง
ดวงชะตามรรคาสวรรค์ของฟางเหลียงแข็งแกร่งเหลือเกิน แข็งแกร่งกว่าดวงชะตาของอริยะมรรคาสวรรค์คนอื่นๆ รวมกันเสียอีก
‘เด็กคนนี้ปลดผนึกแล้วหรือ’
หานเจวี๋ยนึกถึงบรรพชนเต๋า รู้สึกว่าสมเหตุสมผลเข้าเค้า
ตอนนี้ฟางเหลียงยืนอยู่ฝั่งบรรพชนเต๋าอย่างสมบูรณ์แล้ว ถ้าได้รับการสนับสนุนจากบรรพชนเต๋าก็เป็นเรื่องปกติ
หานเจวี๋ยครุ่นคิดพลางเทศนาธรรมไปด้วย
หนึ่งร้อยปีต่อมา
หานเจวี๋ยไปเยือนชั้นฟ้าที่สามสิบสาม เขาเข้าใกล้อาณาเขตเต๋าของอริยะรายนั้น ใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจจับ
[อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา: อริยะเสรีมรรคาสวรรค์ระยะสมบูรณ์ มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต ปฐมบรรพชนอีกาทอง จักรพรรดิสวรรค์บรรพกาล]
อริยะเสรีมรรคาสวรรค์?
หานเจวี๋ยตกตะลึง รีบจากไปทันที เขามาที่ตำหนักเอกภพเพื่อพบจอมอริยะเสวียนตู
หลังเข้าสู่ตำหนัก ทั้งสองนั่งประจันหน้ากัน
จอมอริยะเสวียนตูถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง แสดงถึงความรู้สึกซับซ้อนจนปัญญา
หานเจวี๋ยจึงถามว่าถอนหายใจด้วยเหตุใด
จอมอริยะเสวียนตูกล่าวว่า “เจ้าน่าจะเห็นอริยะหน้าใหม่แล้ว ตำแหน่งอริยะนี้เดิมทีสมควรมอบให้ต้าซั่นเทียน จนปัญญาที่แดนเทพหวนปัจฉิมเป็นผู้จัดสรรอริยะคนใหม่ ก็คืออริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา คนผู้นี้คือผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่ที่ผงาดขึ้นมาในมหาเคราะห์ครั้งที่สองในยุคหลังกำเนิดฟ้า ข้าก็ต้องเรียกขานเขาเป็นผู้อาวุโสเช่นกัน ตัวตนของคนผู้นี้เทียบเคียงได้กับตัวตนระดับมหามรรค พวกเราเหล่าอริยะจำเป็นต้องไว้หน้าเขา”
หานเจวี๋ยถามด้วยความสงสัย “พวกเจ้ามอบปราณม่วงอนธการของผู้ใดให้เขา”
เขาสงสัยมาโดยตลอด ปราณม่วงอนธการที่อยู่ในมือของเหล่าอริยะเป็นของผู้ใด อริยะมิ่งจีและอริยะจินอันล่วงลับไป เทพสูงสุดอู๋ฝ่าและจอมอริยะเสวียนตูมาแทนที่ ปราณม่วงอนธการในการครอบครองของหลี่มู่อีก็มอบให้หลี่เต้าคงไป ปราณม่วงอนธการของเจ้าแม่หนี่ว์วาและฝูซีเทียน สายหนึ่งถูกมอบให้สือตู๋เต้า อีกสายหนึ่งหายสาบสูญไร้ร่องรอย สำหรับเหล่าอริยะสองคนนี้นับว่าดับสูญไปแล้ว น่าจะหาไม่พบ
“ปราณม่วงอนธการของบรรพชนเต๋า” จอมอริยะเสวียนตูตอบด้วยความจนปัญญา
บรรพชนเต๋า….
มิน่าเล่าอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาถึงได้บรรลุตบะระดับอริยะเสรีมรรคาสวรรค์ มิน่าเล่าเขาถึงมาเยือนอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง หานเจวี๋ยที่ปิดด่านอยู่ไม่สามารถรับรู้ถึงได้เลย
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยว่า “ปราณม่วงอนธการสายนี้เคยผ่านการผสานรวมระหว่างบรรพชนเต๋าและมรรคาสวรรค์มาก่อน ทำให้อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาคงตบะระดับอริยะเสรีที่เหนือล้ำกว่าเอาไว้ได้”
“ปราณม่วงอนธการที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ไยเจ้าไม่เก็บเอาไว้ใช้เองเล่า”
หานเจวี๋ยถามด้วยความแปลกใจ จอมอริยะเสวียนตูก็เป็นอริยะเสรีเช่นกัน แต่เขาใช้ปราณม่วงอนธการทั่วไป ตบะจึงถูกลดทอนลง
จอมอริยะเสวียนตูส่ายหน้าพลางตอบว่า “ปราณม่วงอนธการสายนี้อยู่ในมือของปรมาจารย์ลัญจกรสรวง ก่อนอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาจะมา ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก็ได้จากไปแล้ว ได้ยินว่าปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเป็นสหายรักกับศิษย์พี่ใหญ่ของอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา ด้วยระดับความสัมพันธ์เช่นนี้ข้าย่อมเอื้อมไม่ถึง”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
แต่ที่เขาทราบมาคือปรมาจารย์ลัญจกรสรวงถูกขับไล่ออกจากมรรคาสวรรค์ หรือว่าตี้จวินจะลงมือกับปรมาจารย์ลัญจกรสรวง?
แต่ตี้จวินจะแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์ลัญจกรสรวงหรือ
จอมอริยะเสวียนตูเบี่ยงหัวข้อสนทนาไป “ระยะนี้ฟางเหลียงพยายามดึงเทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย มหาจักรพรรดิเซียวรวมถึงฉิวซีไหลไปเป็นพวก ชั้นฟ้าที่สามสิบสามกำลังจะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงแล้ว”
หานเจวี๋ยหรี่ตาลง ลุกขึ้นพลางเอ่ยว่า “ข้าจะไปพบเขา”
จอมอริยะเสวียนตูพยักหน้ารับ ไม่ได้ขัดขวาง
หานเจวี๋ยมาถึงหน้าวังวิถีสวรรค์ของฟางเหลียง ประตูใหญ่เปิดออก หานเจวี๋ยกระตุ้นยอดสมบัติทั่วร่างระแวดระวังไว้
หลังจากเข้าไปในตำหนัก เขาพบฟางเหลียง ฟางเหลียงสวมชุดสีขาว เส้นผมก็เปลี่ยนเป็นสีขาวเช่นกัน บนร่างมีแสงส่องพราวระยับ แต่มิได้บดบังใบหน้าที่แท้จริงของเขาไปเสียหมด สีหน้าของเขาเฉยชา บุคลิกห่างเหิน ทำให้คนไม่กล้าดูหมิ่น
…………………………………………………