บทที่ 649 ฝันพาสิ้นชีพ ยมโลกเผชิญกับการโจมตี
จักรพรรดิมวลมนุษย์จ้องมองหลงเฮ่า เอ่ยขึ้นว่า “หลงเฮ่า บุตรชายของจักรพรรดิวังสวรรค์รุ่นก่อน หากข้าจำไม่ผิด เจ้ากราบเข้าสำนักซ่อนเร้นแล้ว ที่ต้องการพิชิตเผ่ามังกร เป็นความคิดของเจ้าหรือเป็นความประสงค์ของสำนักซ่อนเร้น”
หลงเฮ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า”
จักรพรรดิมวลมนุษย์เงียบไป
ผู้ทรงพลังเผ่ามนุษย์คนอื่นๆ มองหน้ากัน สื่อสารกันผ่านสายตา
สำนักซ่อนเร้นหรือ
หานอวี้มีสีหน้าตกตะลึง
เขาจำได้ว่าหลี่เต้าคงก็มาจากสำนักซ่อนเร้นเช่นกัน…
นึกย้อนถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลงเฮ่า คนผู้นี้ไม่ได้คุยโวจริงๆ ใช่หรือไม่
หลี่เต้าคงต้องคุกเข่าคารวะอาจารย์ของเขาจริงๆ น่ะหรือ
หลงเฮ่ากล่าวอย่างจนปัญญา “เรื่องบางอย่างไม่อาจพูดชัดเจนได้ เข้าใจหรือไม่ สิ่งที่ข้าให้ความสำคัญจริงๆ มิใช่เผ่ามนุษย์ แต่เป็นหานอวี้ อาจารย์ของหานอวี้คือผู้ใด พวกเจ้าน่าจะทราบดี”
เหล่าผู้ทรงพลังเผ่ามนุษย์มีสีหน้าหวั่นไหว
เผ่ามนุษย์มีวันนี้ได้ ต้องขอบคุณหลี่เต้าคงเป็นอย่างสูง เกี่ยวกับตำนานของหลี่เต้าคง พวกเขาย่อมพยายามเสาะหารวบรวมมาและเผยแพร่ไปในเผ่าพันธุ์เช่นกัน
หลี่เต้าคงคือผู้บำเพ็ญแห่งสำนักซ่อนเร้น!
เจ้าสำนักซ่อนเร้นก็คืออริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศลผู้สูงส่ง!
จักรพรรดิมวลมนุษย์เอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ขอบพระคุณสำนักซ่อนเร้นที่มอบโอกาสวาสนาให้เผ่ามนุษย์เรา เผ่ามนุษย์เรายินดีช่วยท่านพิชิตเผ่ามังกร!”
หลงเฮ่ายิ้มออกมา ก่อนกล่าวไปว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจงไปเตรียมการ ให้พร้อมออกเดินทางทุกเมื่อ”
“รับทราบ!”
จักรพรรดิมวลมนุษย์พากลุ่มผู้ทรงพลังเผ่ามนุษย์จากไปทันที
พวกเขาดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด นึกว่าตนได้ขึ้นเรือลำใหญ่อย่างสำนักซ่อนเร้นแล้ว
รอจนพวกเขาจากไป หานอวี้ขมวดคิ้วพลางถาม “สำนักซ่อนเร้นให้ความสำคัญกับเผ่ามนุษย์หรือ”
เขาสงสัยว่าหลงเฮ่ากำลังแอบอ้างบารมีอยู่
แต่ต้องกล่าวเลยว่า บารมีของสำนักซ่อนเร้นมีแรงดึงดูดมากจริงๆ
กลุ่มอำนาจย่อยของสำนักซ่อนเร้นมีมากมายนัก ตั้งแต่ระดับสูงอย่างเผ่าสวรรค์ จนถึงระดับล่างอย่างเก้าโลกันตร์ หากว่าได้รับการคุ้มครองจากสำนักซ่อนเร้น เผ่ามนุษย์ก็หายห่วงแล้ว
หลงเฮ่าเอ่ยยิ้มๆ “วางใจเถอะ ข้าไม่หลอกเจ้าแน่”
หานอวี้มองเขาอย่างลึกล้ำแวบหนึ่ง
“อาจารย์ของเจ้าคือเจ้าสำนักซ่อนเร้นหรือ”
“อืม”
“เช่นนั้นอาจารย์ข้ามีฐานะอย่างไรในสำนักซ่อนเร้น”
“ผู้พิทักษ์หลัก”
“อาจารย์ข้าร้ายกาจจริงๆ”
“ฮ่าๆ”
“เจ้าไม่ยอมรับเช่นนั้นหรือ ข้าจะฟ้องอาจารย์ข้า!”
“อย่า ข้ายอมแล้ว คนที่ข้านับถือที่สุดก็คือหลี่เต้าคง!”
….
พันปีผ่านไป
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ตรวจดูจดหมายด้วยความเคยชิน
[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารมรรคาลึกลับ] x892048
[หานทั่วบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x10928327
[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านได้รับการเข้าฝันจากบรรพชนเต๋า พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[โจวฝานศิษย์ของท่านได้รับการเข้าฝันจากอริยะเจ็ดวิถีศัตรูคู่อาฆาตของท่าน ออกจากมรรคาสวรรค์แล้ว]
[จักรพรรดินีผืนพิภพสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
….
หานทั่วติดตามจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายไปเพื่อโดนทุบตีหรือ
หานเจวี๋ยมิได้รู้สึกปวดใจเลย ถึงขั้นอยากจะหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ
เขานึกถึงวันเวลาในมหาเคราะห์ครั้งก่อน ได้เห็นเทพเซียนวังสวรรค์ถูกทุบตีอยู่บ่อยๆ ไม่ต้องบอกเลยว่าน่าสนุกแค่ไหน
เขาเชื่อว่าจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจะเมตตาอาทรหานทั่ว
ถึงอย่างไรเขาก็เคยทำนายอนาคตมาแล้ว
หานเจวี๋ยไล่อ่านลงไป อริยะเจ็ดวิถีและบรรพชนเต๋าต่างก็มีความเคลื่อนไหว ไม่ทราบว่าวางแผนอันใดกันอยู่
ฟางเหลียงน่ะแล้วไปเถอะ ยามนี้กลายเป็นบรรพชนเต๋าแล้ว หานเจวี๋ยคร้านจะสนใจเขา
แต่โจวฝานออกจากมรรคาสวรรค์ได้อย่างไรกัน
ยังมีจักรพรรดินีผืนพิภพด้วย ได้รับบาดเจ็บสาหัสในยมโลกเช่นนั้นหรือ
หานเจวี๋ยไล่อ่านลงไปเรื่อยๆ
ผ่านไปสักพัก หานเจวี๋ยอ่านจดหมายจบ เขาเลือกเข้าฝันโจวฝานก่อน
โจวฝานเป็นศิษย์ที่เขาให้ความสำคัญ เขาไม่มีทางเมินเฉยไม่สนใจ อย่างน้อยก็ต้องแสดงให้อริยะเจ็ดวิถีได้เห็น
ในแดนความฝัน
โจวฝานลืมตาขึ้นทันที เหลียวมองรอบข้างด้วยความตระหนกผวา
หานเจวี๋ยเปิดปากถาม “เจ้าเป็นอะไรไป”
เมื่อโจวฝานมองเห็นหานเจวี๋ย ก็รีบกล่าวว่า “อาจารย์ ระงับการเข้าฝันก่อน ข้าอยู่ระหว่างต่อสู้ขอรับ!”
หานเจวี๋ยระงับความฝันอันธการทันที
เขาเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู
[โจวฝานศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[โจวฝานศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล สังขารแตกดับ วิญญาณเจียนแตกสลาย]
[โจวฝานศิษย์ของท่านได้รับการคุ้มครองจากอริยะเจ็ดวิถีศัตรูคู่อาฆาตของท่าน เยียวยาอาการบาดเจ็บ ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง]
หานเจวี๋ยอ่านจดหมายสามฉบับที่โผล่ขึ้นมาติดๆ กัน ก่อนจะเงียบงันลง
บาปกรรมๆ
ดูเหมือนต่อไปต้องระมัดระวังเรื่องการเข้าฝันสักหน่อย
พลังวิเศษมหามรรคอย่างความฝันอันธการ จะบังคับดึงตัวคนเข้าสู่ความฝัน หากอีกฝ่ายอยู่ระหว่างต่อสู้ นับว่ามีความเสี่ยงถึงชีวิตจริงๆ
หืม
ถ้าเป็นเช่นนี้…
ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาเปล่งประกาย เผยรอยยิ้มชั่วร้าย
ต่อไปสามารถอาศัยจุดนี้เล่นงานศัตรูได้!
หานเจวี๋ยไม่คิดมากอีก เลือกเข้าฝันจักรพรรดินีผืนพิภพต่อ
แดนความฝันคือแม่น้ำปรโลก
หานเจวี๋ยชิงเอ่ยถามก่อน “ท่านต่อสู้อยู่หรือไม่”
จักรพรรดินีผืนพิภพผงะ ก่อนตอบว่า “เปล่า เหตุใดจึงถามเช่นนี้”
หานเจวี๋ยชี้แจง “เมื่อครู่ข้าเข้าฝันศิษย์ของข้า เขาต่อสู้อยู่ เกือบตายเพราะเหตุนี้”
จักรพรรดินีผืนพิภพ “…”
หานเจวี๋ยใคร่ครวญเงียบๆ
จักรพรรดินีผืนพิภพเผชิญกับการโจมตีจากพลังลึกลับ เหล่าอริยชนไม่รับรู้ แปลว่าเรื่องนี้ถูกปกปิดไว้ดียิ่ง เขาควรสอบถามอย่างไรดี
“ไม่นานมานี้ข้าได้รับบาดเจ็บ มีตัวตนลึกลับสอดส่องยมโลกอยู่” จู่ๆ จักรพรรดินีผืนพิภพก็บ่นให้ฟัง
นางเอ่ยต่อไปว่า “ข้าไม่ทราบว่าอีกฝ่ายคือผู้ใด แต่พลังของเขาแกร่งกล้ายิ่ง สกัดต้านพลังแห่งวัฏจักรของข้าได้ อย่างน้อยเขาก็ต้องอยู่ในระดับอริยะเสรี ไม่เช่นนั้นไม่มีทางเข้าสู่ยมโลกได้”
หานเจวี๋ยถามด้วยความแปลกใจ “อริยะเสรีไม่น่าจะทะลวงผ่านพลังมรรคาสวรรค์เข้ามาได้กระมัง”
จักรพรรดินีผืนพิภพกล่าวว่า “เป็นไปได้ว่าอาจใช้วิธีการลับบางอย่าง พลังของเขาแข็งแกร่งกว่าอริยะมรรคาสวรรค์จริงๆ แต่ก็ไม่ได้แกร่งกว่ามากนัก อีกทั้งข้ายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยบางอย่างจากร่างเขา แต่กลับนึกไม่ออก”
นางเป็นอริยะสังสารวัฏ จะมีเรื่องที่นึกไม่ออกได้อย่างไร
อีกฝ่ายต้องลบล้างบ่วงกรรมเป็นแน่ ถึงทำให้จักรพรรดินีผืนพิภพทำนายไม่ได้
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘ข้าอยากรู้ว่าเป็นผู้ใดที่โจมตีจักรพรรดินีผืนพิภพ’
หานเจวี๋ยไม่อยากสละอายุขัยเพื่อผู้อื่นเลยจริงๆ แต่หากยมโลกถูกทำลาย มรรคาสวรรค์จะตกอยู่ในอันตราย
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
ข้อความแถวหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหานเจวี๋ย
[ฝูซีเทียน: อริยะมหามรรค ปฐมบรรพชนเผ่ามนุษย์ มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต เจ้าแห่งข่าวลือ]
ฝูซีเทียน!
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
คนผู้นี้กลายเป็นอริยะมหามรรคได้อย่างไร
ซ้ำยังไม่ปรากฏในจดหมายเสียด้วย
เพิ่งดับสูญก็พิสูจน์มหามรรคได้ทันที ไม่ธรรมดา
เรื่องนี้มีเงื่อนงำ!
หานเจวี๋ยกล่าวไปว่า “ต้องแจ้งเรื่องนี้ต่ออริยะตนอื่นด้วย ท่านคงไม่สะดวกพูด เช่นนั้นข้าจะไปแทน”
จักรพรรดินีผืนพิภพเอ่ยสั้นๆ “ขอบใจมาก”
แดนความฝันสลายตัวลง
หานเจวี๋ยมุ่งหน้าสู่ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม เรียกรวมตัวเหล่าอริยชนในอาณาเขตเต๋าของเจ้านิกายเทียนเจวี๋ย
เขาบอกเล่าเรื่องที่จักรพรรดินีผืนพิภพถูกโจมตี
เหล่าอริยชนตกตะลึงยิ่ง
เทพสูงสุดหนานจี๋ถามด้วยความแปลกใจ “เหตุใดพวกเราถึงสัมผัสไม่ได้เลย”
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าแค่นเสียง “ยังต้องถามอีกหรือ อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าพวกเรา ถึงขั้นที่หลบซ่อนจากกลไกสวรรค์ได้!”
เหล่าอริยชนเงียบงัน
ฟางเหลียงกล่าวว่า “ผิดปกตินัก อีกฝ่ายลงมือในเขตมรรคาสวรรค์ ไม่มีทางหลบเลี่ยงพลังแห่งมรรคาสวรรค์ได้ นอกเสียจากเดิมทีเขาเป็นสิ่งมีชีวิตมรรคาสวรรค์อยู่แล้ว ประกอบกับยมโลกเป็นดินแดนที่อยู่ในระดับต่ำสุดของมรรคาสวรรค์”
“สิ่งมีชีวิตมรรคาสวรรค์หรือ หรือว่าจะเป็นจอมอริยะเสวียนตู มีเพียงเขาที่เหนือกว่าพวกเรา” เทพสูงสุดหนานจี๋เอ่ยวิเคราะห์ตาม
หานเจวี๋ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เขาก็ช่างเดาเสียจริง
หานเจวี๋ยจำเป็นต้องออกปากพูด “น่าจะมิใช่จอมอริยะเสวียนตู ข้าติดต่อกับเขาอยู่ตลอด จริงสิ อริยะที่ดับสูญไปก่อนหน้านี้สิ้นชีพแล้วจริงๆ น่ะหรือ”
………………………………………………………………