บทที่ 659 อริยะเจินอู่ มหาจักรพรรดิเทียนเอ้อ
“อย่าลามปามผู้อาวุโสท่านนั้น”
หานทั่วขมวดคิ้วเอ่ยเตือน อี๋เทียนมักจะติดเล่น ทำตัวเสียมารยาทอยู่เสมอ หากล่วงเกินผู้อาวุโสท่านนั้นเข้า เขาก็ปกป้องอี๋เทียนไว้ไม่ได้ แม้แต่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็ยังปฏิบัติต่อผู้ทรงพลังท่านนั้นอย่างสุภาพ ไม่กล้าเลิ่นเล่อ
อี๋เทียนเม้มปาก ไม่พูดต่ออีก เขาเพียงถอนใจคราหนึ่ง
ทัพใหญ่วังสวรรค์มุ่งหน้าต่อไป
และในเวลานี้เอง
นอกเขตยมโลก กลางเมืองเผ่าหายนะ
จอมเทพข่งเซวี่ยนั่งสมาธิอยู่ในตำหนักที่เงียบสงัด จู่ๆ เขาสัมผัสถึงบางอย่างได้ ลืมตาขึ้นมาทันที
มองเห็นลมหอบหนึ่งโถมปะทะหน้าเขา ทั้งที่ประตูใหญ่ปิดสนิท ไม่มีบานหน้าต่าง
ม่านตาจอมเทพข่งเซวี่ยหดตัววูบหนึ่ง พลังอันไร้รูปลักษณ์สลายสายลมประหลาดให้กระจายหายไป
“ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นเจ้า อริยะเจินอู่ อะไรกัน เจ้าก็มาโจมตีมรรคาสวรรค์หรือ”
จอมเทพข่งเซวี่ยเอ่ยถากถาง
พอเขาพูดจบ เงาร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเบื้องหน้าจอมเทพข่งเซวี่ย ทั้งสองเว้นระยะห่างกันสิบก้าว
อริยะเจินอู่ สวมอาภรณ์สีขาว เรือนผมขาว สยายคลอเคลียไหล่ดั่งมีทางช้างเผือกพาดคลุมอยู่ ดวงหน้าหล่อเหลา บุคลิกงามสง่า เมื่อเทียบกับจอมเทพข่งเซวี่ยแล้ว เขาให้ความรู้สึกราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ ไม่สร้างความกดดันเลย
อริยะเจินอู่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มิใช่ ข้ามาเพื่อขัดขวางเจ้า”
“เจ้าน่ะหรือ”
จอมเทพข่งเซวี่ยลุกขึ้นมา แสงเทพห้าสีแผ่ออกมาจากด้านหลัง
อริยะเจินอู่เอ่ยว่า “จอมเทพ ไยต้องทำเช่นนี้ แผนการของอริยะมหามรรค พวกเราอริยะเสรีไม่ควรเข้าไปข้องแวะ สำหรับอริยะมหามรรคแล้ว ตัวหมากเป็นสิ่งที่ต้องการแต่ไม่จำเป็นต้องมี เข้าใจหรือไม่”
จอมเทพข่งเซวี่ยเอ่ยเหยียดหยาม “เช่นนั้นตัวเจ้ามาเพราะผู้ใดเล่า อริยะมหามรรคท่านไหน”
อริยะเจินอู่ส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “ข้ามาเพราะเจ้า ในฟ้าบุพกาลแห่งนี้ ผู้บำเพ็ญเพียงตนเดียวที่ข้านับถือก็คือเจ้า ข้าไม่อยากให้เจ้าแปดเปื้อนหล่มโคลน ไม่นานมานี้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายแห่งวังสวรรค์มาเชิญข้าเข้าร่วมกับวังสวรรค์ เขาบอกเล่าแผนการของเขากับข้า ข้ารู้สึกว่าไม่เลวเลยอยากให้เจ้าเข้าร่วมด้วย”
วังสวรรค์!
จอมเทพข่งเซวี่ยหรี่ตาลง
อริยะเจินอู่เอ่ยต่อ “จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายต่างไปจากจักรพรรดิสวรรค์ในอดีต เขาหลุดพ้นจากการควบคุมของมรรคาสวรรค์แล้ว วังสวรรค์ของเขาได้รับการยอมรับจากสิ่งอัปมงคล จะรวมแดนต้องห้ามอันธการให้เป็นหนึ่งได้ในไม่ช้านี้ หากว่า…”
“เฮอะ! หุบปากซะ ลำพังแค่ตัวเจ้าจะมากล่อมข้าอย่างนั้นหรือ”
จอมเทพข่งเซวี่ยพลันสะบัดแขนเสื้อ แสงเทพห้าสีสายหนึ่งพุ่งออกไปทางอริยะเจินอู่
จากนั้น จอมเทพข่งเซวี่ยก็เลือนหายไปจากตำหนัก
….
ภายในเขตเซียนร้อยคีรี
หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่สัมผัสถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งสองขั้วที่ต่อสู้กันอยู่ เขาลืมตาขึ้นมองออกไป จอมเทพข่งเซวี่ยกำลังต่อสู้กับบุรุษชุดขาวคนหนึ่ง
ทั้งสองต่างเป็นอริยะเสรี เพื่อไม่ให้กระทบต่อเผ่าหายนะ พวกเขาจึงเข้าไปต่อสู้กันในห้วงมิติที่อยู่ลึกเข้าไปอีกชั้น มีเพียงอริยะเสรีเท่านั้นที่สังเกตเห็น
ห้วงมิติดูคล้ายจะไร้ตัวตัน ทว่ามีอยู่จริง แบ่งแยกออกมามากมายหลายชั้น แม้ว่าจะเป็นอริยะ ก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถสอดส่องห้วงมิติทั้งหมดได้
หานเจวี๋ยเห็นสองคนนั้นต่อสู้สูสี อดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้
คนผู้นี้เป็นใครกัน
คนที่จอมอริยะเสวียนตูเชิญมาหรือ
หานเจวี๋ยมองอยู่สักพัก จากนั้นก็สังเกตเห็นความผิดปกติ
สองคนนี้แค่ประลองกันเท่านั้น การต่อสู้โอนอ่อนเหลือเกิน!
หานเจวี๋ยหมดความสนใจ ปิดด่านต่อไป
หลับตาลงครั้งนี้ พอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เวลาก็ผ่านไปอีกพันปี
หานเจวี๋ยลุกขึ้นยืน ยืดเส้นยืดสาย พร้อมตรวจดูจดหมายไปด้วย
[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งมีชีวิตเผ่าหายนะ] x7932005
[หานทั่วบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งมีชีวิตเผ่าหายนะ] x6982233
[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านได้รับความเสียหายจากค่ายกลลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[จักรพรรดินีผืนพิภพสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ มรรคจิตได้รับความเสียหาย]
[เทพสูงสุดหนานจี๋สหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[ผานซินสหายของท่านได้เจตจำนงแห่งผานกู่ สายเลือดเกิดการเปลี่ยนแปลง พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[หานอวี้เชื้อสายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งมีชีวิตเผ่าหายนะ] x80921
[จี้เซียนเสินศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
….
น่าเวทนาจริงๆ!
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งพันปี เผ่าหายนะยังคงยึดครองยมโลก สิ่งมีชีวิตมรรคาสวรรค์ยังคงเคลื่อนพลเข้าสู้ ทว่าไม่ก็สามารถขับไล่เผ่าหายนะออกไปได้
ในเวลานี้ นิกายเจี๋ย นิกายฉ่าน นิกายเหริน สำนักพุทธและสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ทั้งหมดล้วนส่งศิษย์เข้าไปค้ำยันยมโลกอย่างต่อเนื่อง
เหล่าอริยะไม่ได้ลงมือเลย พวกเขาจัดการกับด้านในมรรคาสวรรค์ไม่ได้ อีกทั้งด้านนอกก็ยังมีจอมเทพข่งเซวี่ยอยู่ ซึ่งพวกเขาก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย
หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าผานซินได้รับเจตจำนงของผานกู่
จุ๊ๆ คนแซ่ผานผู้นี้แน่นอนจริงๆ!
เขาเรียกจอค่าความสัมพันธ์ออกมาตรวจดู ตบะของผานซินบรรลุระดับครึ่งอริยะตอนปลายแล้ว ก้าวหน้าขึ้นเร็วยิ่ง!
เขาตรวจดูรูปประจำตัวของเต้าจื้อจุนต่อ เด็กคนนี้ไม่ทำให้เขาต้องผิดหวังเลย
ครึ่งอริยะระยะต้น!
ในที่สุดก็ทะลวงระดับแล้ว!
หานเจวี๋ยยิ้มอย่างพึงพอใจ
เขาสอดส่องออกไปนอกยมโลกอีกครั้ง จอมเทพข่งเซวี่ยกับอริยะเสรีอีกคนหายไปแล้ว
หืม
นี่เป็นโอกาสดี!
หานเจวี๋ยแผ่จิตศักดิ์สิทธิ์ออกไป พบว่าตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าหายนะเป็นเพียงเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะสมบูรณ์เท่านั้น เทียบเท่าอริยะมรรคาสวรรค์ระยะสมบูรณ์
‘หากครั้งนี้ข้าออกไปจับตัวอริยะเผ่าหายนะ ทุ่มกำลังทั้งหมด จับตัวกลับมา จะมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่’
หานเจวี๋ยใช้ความสามารถวิวัฒนาการ
ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งต้องระวังรอบคอบ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ขณะนี้ไม่มี]
เมื่อหานเจวี๋ยเห็นข้อความนี้ ก็เลือนหายไปจากอารามเต๋าทันที
….
ภายในเผ่าหายนะ
มหาจักรพรรดิเทียนเอ้อผู้เป็นหัวหน้าเผ่ากำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ในตำหนักของตน
นางมีรูปลักษณ์เป็นสตรี สวมชุดเกราะสีดำ บุคลิกเหนือสามัญ และเป็นเช่นเดียวกับเผ่าหายนะคนอื่นๆ มีปราณชั่วร้ายอำมหิตแฝงอยู่ในร่าง
ทันใดนั้นมหาจักรพรรดิเทียนเอ้อสัมผัสถึงบางอย่างได้ ลืมตาขึ้นทันที
ชั่ววินาทีนี้เอง เงาร่างที่มีแสงเทพเจิดจรัสพลันปรากฏกายขึ้นด้านหลังนาง มือหนึ่งแตะลงบนไหล่ ทำให้นางขยับเขยื้อนไม่ได้ฉับพลัน
มหามรรคพันธนาการ!
เป็นหานเจวี๋ย!
หานเจวี๋ยจับตัวมหาจักรพรรดิเทียนเอ้อได้ก็เคลื่อนย้าย กลับไปที่อารามเต๋าของตนทันที
มหาจักรพรรดิเทียนเอ้อเบิกตากว้าง มองหานเจวี๋ยด้วยความตกตะลึง
เป็นไปได้อย่างไร!
หานเจวี๋ยสำแดงมหามรรคข้ามภพไปโผล่ด้านหลังนาง ทำให้นางตั้งตัวไม่ทัน จากนั้นก็ใช้มหามรรคพันธนาการสะกดไว้ ส่วนตอนนี้ก็ใช้มหามรรคสุญตาสลายพลังเวทของนาง
มหาจักรพรรดิเทียนเอ้อหมดทางสู้ มีเพียงความตื่นตระหนก
“เจ้าเป็นใคร!”
มหาจักรพรรดิเทียนเอ้อถามเสียงเข้ม นางมีตบะระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะสมบูรณ์ อยู่ห่างจากอริยะเสรีเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!
หานเจวี๋ยโยนนางเข้าไปในคุกสวรรค์อนธการ ไม่พูดไม่จา
มหาจักรพรรดิเทียนเอ้อจี้ถาม “เจ้าคงเป็นอริยะเสรีคนนั้นที่สังหารจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการกระมัง”
หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ
“ฮึ่ม ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เกรงว่าหากประมือกับจอมเทพคงไม่ด้อยไปกว่ากันนัก เหตุใดที่ผ่านมาถึงไม่ลงมือ
“เมื่อจอมเทพกลับมา ต้องแกะรอยตามกลิ่นอายของเรามาแน่!
“เหตุใดเจ้าต้องยึดติดกับมรรคาสวรรค์เช่นนี้ เราสัมผัสได้ว่าดวงชะตามรรคาสวรรค์ของเจ้าเบาบางยิ่ง เมื่อนำไปเทียบกับอริยะมรรคาสวรรค์คนอื่นๆ ช่างห่างชั้นกันยิ่งนัก”
….
มหาจักรพรรดิเทียนเอ้อซักถามไม่หยุด หานเจวี๋ยฟังจนหมดความอดทน
หานเจวี๋ยใช้พลังของเทพมารเล่ห์ลวงชักนำมหาจักรพรรดิเทียนเอ้อเข้าสู่ฉากมายาไร้ที่สิ้นสุด อารามเต๋าจึงเงียบสงบลงทันที
ถัดมาหานเจวี๋ยก็รอจนคุกสวรรค์อนธการสยบทาสสำเร็จ
เรื่องที่มหาจักรพรรดิเทียนเอ้อหายตัวไปไม่ได้เล็ดลอดออกไป โดยทั่วไปนางมักจะปิดด่านฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอด สิ่งมีชีวิตในเผ่าจึงไม่กล้ารบกวน
จนกระทั่งผ่านไปสามร้อยปี จอมเทพข่งเซวี่ยหวนกลับมา
เขาพบว่ากลิ่นอายของมหาจักรพรรดิเทียนเอ้อหายไป จึงมาที่ตำหนักบำเพ็ญของนางทันที
………………………………………………………………