บทที่ 665 เจ้าแดนต้องห้ามอันธการผู้น่าหวาดกลัว
หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ยังไม่ใช้ความสามารถวิวัฒนาการ ถึงอย่างไรจอมเทพขงเซวี่ยก็ยังไม่ได้กราบเขาเป็นอาจารย์ ไม่จำเป็นต้องเปลืองอายุขัยเพื่อจอมเทพขงเซวี่ย
ดวงจิตประหลาดยังคงโบกไม้โบกมือไม่หยุด เสมือนบ้าคลั่งไปแล้ว
หานเจวี๋ยถลึงตาใส่มันคราหนึ่ง ร้องด่า “ไสหัวไปฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างๆ ซะ อีกฝ่ายไม่มีทางเข้ามา เจ้าจะกลัวอะไร ขายหน้านัก!”
ดวงจิตประหลาดคับข้องหมองใจ ได้แต่หดตัวเข้ามุม ขดเป็นก้อนกลมๆ ตัวสั่นสะท้าน
ที่ผ่านมา ดวงจิตประหลาดล้วนเห็นดวงจิตอัปมงคลและสิ่งอัปมงคลเป็นอาหารเสมอ เป็นครั้งแรกที่มันหวาดกลัวแบบนี้
เห็นทีว่าดวงจิตอัปมงคลดวงนี้จะแข็งแกร่งยิ่ง เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นตัวตนไร้เทียมทานในหมู่ดวงจิตอัปมงคล
หานเจวี๋ยตัดสินใจเข้าฝันจอมเทพขงเซวี่ย
ถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็บาดเจ็บสาหัสแล้ว แต่ยังไม่ดับสูญ แปลว่าดวงจิตอัปมงคลไม่คิดจะสังหารเขา
คาดว่าจอมเทพขงเซวี่ยคงถูกกักขังไว้
ในแดนความฝัน
จอมเทพข่งเซวี่ยลืมตาขึ้นทันที เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ก็อดที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่ได้
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม “อะไรกัน แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วหรือ”
จอมเทพขงเซวี่ยกัดฟันกรอดพลางเอ่ยว่า “ศิษย์ของเจ้าคือราชันอัปมงคลหรือ เยี่ยมมาก สมกับที่นามว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ แม้แต่สุดยอดตัวตนของแดนต้องห้ามอันธการก็ยังเป็นศิษย์ของเจ้า”
หานเจวี๋ยที่ดูคล้ายเงาดำเงียบลง
หมายความว่าอย่างไร
ที่แท้ตัวตนที่โจมตีจอมเทพข่งเซวี่ยเรียกว่าเทพจักรพรรดิอัปมงคลอย่างนั้นหรือ
ได้ยินนามนี้ก็รู้แล้วว่าต้องเป็นผู้นำความชั่วร้ายอัปมงคล
เป็นยุคสมัยแห่งความวุ่นวายโดยแท้ ตัววิปริตอันใดก็ให้กำเนิดยอดฝีมือขึ้นได้
เมื่อเห็นหานเจวี๋ยเงียบไป จอมเทพขงเซวี่ยก็ด่าว่า “เจ้าผิดกติกา ตกลงไว้ว่าเป็นตัวตนระดับเดียวกันมิใช่หรือ แถมเจ้าตัวนี้ยังพาสมุนมาด้วย!”
หานเจวี๋ยนึกถึงจำนวนการโจมตีที่จอมเทพข่งเซวี่ยต้องเผชิญ อดรู้สึกเวทนาไม่ได้
คนผู้นี้น่าอนาถมากจริงๆ
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เจ้ารู้หรือว่าเทพจักรพรรดิอัปมงคลเป็นตัวตนระดับใด”
“ไร้สาระ ข้าไม่รู้ แต่จะอยู่ในระดับเดียวกับข้าได้อีกหรือ”
“ฮ่าๆ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
จอมเทพข่งเซวี่ยมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ ในมุมมองของเขา เทพจักรพรรดิอัปมงคลเป็นตัวตนระดับเดียวกับอริยะมหามรรคแล้ว ถึงขั้นที่แข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ!
แต่พอย้อนนึกดู หากว่าแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆ ก็ไม่มีทางพัวพันกับเขาอยู่นานปานนั้น…
หรือว่า…
จอมเทพข่งเซวี่ยใจเต้นแรงนิดๆ สีหน้ามืดครึ้มลงทันใด
หานเจวี๋ยถาม “ศิษย์ข้าคนนี้นิสัยประหลาด เขาเตรียมจะจัดการเจ้าอย่างไร”
จอมเทพข่งเซวี่ยกัดฟันร้องด่า “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร! เขาสะกดข้าไว้บนนาวาทองสัมฤทธิ์ ข้าถามเขาแล้ว เขาก็ไม่สนใจข้าเลย! ทำตัวเหมือนเป็นใบ้! แต่บนเรือมีมนุษย์อีกสองคน พวกเขาเป็นแม่ทัพเทพรุ่นเยาว์ของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย สมควรตาย เพราะเหตุใดพวกเขาถึงไม่ถูกสะกดเล่า อ่อนแอถึงเพียงนั้น ยังกล้ามาเยาะเย้ยข้าอีก หากข้าไม่ถูกสะกดไว้ ข้าหายใจทีเดียวก็ทำให้พวกเขาร่างสิ้นวิญญาณสลายได้!”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย…
หรือว่าจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจะเชิญราชันอัปมงคลมาจับตัวจอมเทพข่งเซวี่ย
น่าจะเป็นเช่นนี้ มิเช่นนั้นลูกน้องของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร
หานเจวี๋ยเอ่ยปลอบ “วางใจเถิด จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจะปรานีเจ้าแน่”
พลังของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสู้จอมเทพข่งเซวี่ยไม่ได้ หากอยากสังหารจอมเทพข่งเซวี่ยจริงๆ คงให้เทพจักพรรดิอัปมงคลลงมือตรงๆ ก็พอ
เท่าที่หานเจวี๋ยรู้จักจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมา เกรงว่าคนผู้นี้คงอยากได้จอมเทพข่งเซวี่ยมาเป็นพวก
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายชมชอบรับตัวผู้มีพรสวรรค์!
“หมายความว่าอย่างไร หรือว่าจักรพรรดิก็เป็นพวกเจ้า…” จอมเทพข่งเซวี่ยเบิกตากว้าง แสดงสีหน้าราวกับไม่อยากเชื่อ
หานเจวี๋ยแอบขันในใจ
เจ้าเชื่อมั่นในตัวเองมากมิใช่หรือ
ตอนนี้ในที่สุดก็รู้จักตกใจแล้วกระมัง!
เมื่อเห็นหานเจวี๋ยไม่ตอบ จอมเทพข่งเซวี่ยจึงตีความด้วยตัวเอง
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการสังหารเทพบุพกาล โพธิสัตว์จุนที ในสังกัดเขามีทั้งเทพจักรพรรดิอัปมงคลและจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย ผู้นำของกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ระดับนี้…
เฮือก…
จอมเทพข่งเซวี่ยที่โอหังไม่เคยเห็นหัวผู้ใดตกใจแล้ว
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ซ้ำยังครอบครองกลุ่มอิทธิพลที่แข็งแกร่งปานนี้ แต่กลับเก็บตัวอยู่หลังม่านตลอด เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
จอมเทพข่งเซวี่ยเงยหน้าขึ้นทันที เอ่ยถาม “หรือว่าเจ้าก็คือเทพมารอนธการที่บรรพชนเต๋ากล่าวถึง!”
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างสงบ “เทพมารอนธการหรือ เขานับเป็นตัวอันใดกัน!”
แม่เจ้าเถอะ!
คนผู้นี้จับโยงมั่วซั่วแต่ดันเดาถูกเข้าจริงๆ!
จอมเทพข่งเซวี่ยแสดงสีหน้าเหยียดหยาม “เจ้าช่างพูดจาวางโตนัก สรุปแล้วเจ้าจะปล่อยข้าไปหรือไม่ ข้ายอมสยบแล้ว ให้เทพจักรพรรดิอัปมงคลปล่อยตัวข้าซะ ข้าต้องการสังหารแม่ทัพเทพสองคนนั้นทิ้ง!”
สองแม่ทัพเทพอ่อนแอ หานเจวี๋ยกังวลว่าจะเป็นหานทั่วและอี๋เทียน สองคนนี้ตัวติดกันอยู่เสมอ ประหนึ่งเงาตามตัว
“ห้ามทำร้ายพวกเขา เมื่อถึงเวลาที่สมควรปล่อยเจ้าย่อมจะปล่อยไป”
“หมายความว่าอย่างไร จะไม่ปล่อยหรือ เจ้าคิดจะให้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายหยามหน้าข้าหรือ”
หานเจวี๋ยไม่ตอบ
จอมเทพข่งเซวี่ยด่าทอขึ้นมาทันที เอ่ยว่า “ฮึ่ม! เจ้าดูถูกข้า! ข้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วยพูดเลยสักนิด! ข้าจะทำลายล้างเทพจักรพรรดิอัปมงคลให้ได้!”
ครืน!
แดนความฝันพังทลาย
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ส่ายหน้าพลางหลุดยิ้ม
เจ้าโง่ข่งเซวี่ย หากเป็นศิษย์ของข้าจริงๆ ย่อมต้องปล่อยตัวเจ้า แต่เขาไม่ใช่น่ะสิ!
หานเจวี๋ยมองออกไปนอกเขตมรรคาสวรรค์อีกครั้ง สอดส่องโลงศพสื่อหยวนหงเหมิง
จุ๊ๆ เหตุใดเทพจักรพรรดิอัปมงคลถึงไม่พบตัวคนผู้นี้เล่า
ดูเหมือนสื่อหยวนหงเหมิงจะแข็งแกร่งกว่าเทพจักรพรรดิอัปมงคล จึงไม่อยากยั่วยุ
ในวันนั้นเอง
จู่ๆ สิงหงเสวียนก็มาหา
หานเจวี๋ยปวดหัวนัก เนื่องจากในที่สุดภรรยาคนนี้ก็สำเร็จเป็นต้าหลัวแล้ว
เดิมทีสิงหงเสวียนก็มิใช่มนุษย์ธรรมดาอยู่แล้ว พอผ่านการกลับชาติมาเกิด สับเปลี่ยนสายเลือดใหม่ อีกทั้งมีตำแหน่งจักรพรรดิมวลมนุษย์ สำเร็จเป็นต้าหลัวก็ไม่นับว่าเกินไปเลย
หานเจวี๋ยคิดดูเล็กน้อย ก็ยังคงให้สิงหงเสวียนเข้ามาในอารามเต๋า
ดวงจิตประหลาดถูกเขาไล่ออกไป
เพิ่งเข้ามาในอารามเต๋า สิงหงเสวียนก็รีบปรี่เข้าไปหาเขา มือไม้เริ่มขยับเคลื่อนไหว
“ตั้งหลายหมื่นปี ข้าอึดอัดจะตายแล้ว!”
“ขายขี้หน้าเสียจริง!”
“ท่านพี่ เหตุใดถึงใจร้ายเช่นนี้!”
“ดีร้ายอย่างไรเจ้าก็เป็นเซียนทองต้าหลัวแล้ว ไยต้องหมกมุ่นกับความปรารถนาของมนุษย์ปุถุชนอีก”
“แล้วท่านไม่อยากหรือ”
“ก็ใช่ว่าจะไม่ได้…”
….
เวลาผ่านไปหลายปี
สิงหงเสวียนสีหน้าบึ้งตึง เอ่ยว่า “ท่านพี่ ท่านจะไม่รักษาคำพูดหรือ”
หานเจวี๋ยกล่าวอย่างจนปัญญา “จะมีบุตรให้ได้เลยหรือ”
“ใช่แล้ว เป็นท่านที่ให้ความหวังข้า”
“เจ้าต้องการให้บุตรมีคุณสมบัติดีหรือแย่”
“ย่อมต้องดีอยู่แล้ว ต้องเป็นคุณสมบัติอันดับหนึ่งในใต้หล้าแน่!”
“นั่นก็ไม่แน่ เจ้าคือตัวฉุดดึงสายเลือดของข้า”
สิงหงเสวียนได้ฟังก็ตกตะลึง น้ำตาเอ่อคลอหน่วยตาทันที ขบริมฝีปากนิดๆ มองแล้วน่าสงสารยิ่ง
หานเจวี๋ยไม่มีทางเลือก ได้แต่ยอมตามใจนาง
เคี่ยวกรำกันต่ออีกหลายเดือน สิงหงเสวียนถึงจากไป
หลังจากพยายามกันมานาน ในที่สุดสิงหงเสวียนก็ตั้งครรภ์
ส่วนคุณสมบัติของลูกคนนี้ หานเจวี๋ยไม่สามารถรับประกันได้
หลังจากเขาช่วยยกระดับคุณสมบัติสายเลือดของหานทั่ว อำนาจควบคุมสายเลือดของเขาก็เบาบางลง ราวกับมีพลังบางอย่างกำลังควบคุมความรุ่งโรจน์ของสายเลือดอันยิ่งใหญ่อยู่ในมุมมืด
จากนั้น หานเจวี๋ยก็เริ่มปิดด่านฝึกบำเพ็ญ
หนึ่งพันปีผ่านไปในชั่วพริบตา
เมื่อหานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เขาสอดส่องดูสิงหงเสวียน
เขาขมวดคิ้วทันที
หืม
ยังไม่คลอดหรือ
เขาสังเกตดูแล้ว สิงหงเสวียนกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ หน้าท้องแบนราบ มองไม่ออกเลยว่ากำลังตั้งครรภ์
แต่หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าตัวอ่อนในครรภ์นางมีชีวิต อยู่ระหว่างหล่อเลี้ยงก่อกำเนิดวิญญาณดวงใหม่
นาจาอยู่ในท้องถึงสามปีกว่าจะถือกำเนิด ก็นับเป็นครรภ์ประหลาดแล้ว
แต่บุตรของหานเจวี๋ยอยู่ในท้องมานับพันปีก็ยังไม่ถือกำเนิด นี่มันอะไรกัน
หานเจวี๋ยพลันเกิดความคาดหวังในตัวลูกคนนี้ของตนขึ้นมา
หรือจะถูกรางวัลเข้าแล้ว
จะให้กำเนิดยอดอัจฉริยะเปี่ยมพรสวรรค์ได้จริงๆ น่ะหรือ
………………………………………………………………