บทที่ 667 เทียบเท่าผานกู่
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายขมวดคิ้วแน่น จ้องมองคันฉ่องทองในมือเขม็ง มองไปทางหานทั่วเป็นครั้งคราว ในใจเต็มไปด้วยความฉงน
“นี่คือสมบัติวิญญาณฟ้าบุพกาล แม้แต่เทพฟ้าบุพกาลก็ยังทำนายถึงได้ เป็นบ่วงกรรมเช่นใดกันถึงทำให้คันฉ่องแตกเช่นนี้”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
หรือว่าจะมีตัวตนที่น่าหวาดกลัวกว่าเทพมารฟ้าบุพกาลจับตามองหานทั่วอยู่
เขาเห็นหานทั่วเป็นลูกเป็นหลานไปแล้ว ไหนเลยจะปล่อยให้เกิดเรื่องกับหานทั่วได้
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถาม “เจ้าตามเราออกไปสักครา ไปเยี่ยมเยือนผู้อาวุโสท่านหนึ่ง”
หานทั่วถามด้วยความฉงน “ผู้อาวุโสท่านใดพ่ะย่ะค่ะ”
“เทพเจ้าโบราณที่อยู่ปลายแม่น้ำโชคชะตา เป็นตัวตนเหนือชั้นที่คงอยู่มาตั้งแต่ก่อนเบิกฟ้า เมื่อถึงเวลาหากไม่มีคำสั่งจากเรา เจ้าห้ามพูด ห้ามมองผู้อาวุโสท่านนั้น”
“รับบัญชา”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายโบกมือคราหนึ่ง พาหานทั่วจากไป
….
ณ เผ่ามนุษย์ ภายในเมืองหลวง
หานอวี้นั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ในเรือนของตน เรือนหลังนี้จัดวางค่ายกลเอาไว้หลายสิบชนิด ปราณฟ้าประทานเนืองแน่นยิ่งนัก
จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววกังวล
“เกิดอะไรขึ้น”
หานอวี้พึมพำกับตนเอง ช่วงหนึ่งพันปีมานี้ เขารู้สึกกระสับกระส่ายเป็นพักๆ ราวกับเคราะห์ใหญ่กำลังจะมาเยือน ความรู้สึกนี้น่าอึดอัดยิ่ง เมื่อก่อนยังพอว่า แต่ตอนนี้ส่งกระทบต่อการบำเพ็ญของเขาแล้ว
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หานอวี้กังวลว่าตนจะเข้าสู่วิถีมาร
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
หานอวี้ขยับตัวลุกออกไป
หลายวันต่อมา เขามาถึงยอดเขาเทพปู้โจว ที่นี่มีอารามเต๋าเรียบง่ายหลังหนึ่ง เป็นที่พำนักในกาลก่อนของหลี่เต้าคง
เขาผลักประตูเข้าไป ค้อมกายคำนับเบาะสมาธิที่หลี่เต้าคงเคยนั่ง
“อาจารย์ ศิษย์อยากขอคำชี้แนะจากท่านขอรับ”
หานอวี้เอ่ย ท่าทางพินอบพิเทา
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงของหลี่เต้าคงแว่วขึ้นมา “มีเรื่องใด”
หานอวี้บอกเล่าปัญหาที่ตนพบเจอ
หลี่เต้าคงเอ่ยว่า “ไม่จำเป็นต้องกังวล อยู่ในเขตมรรคาสวรรค์ ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้า”
หานอวี้กล่าวด้วยความลังเล “แต่สภาวะนี้ส่งผลต่อการบำเพ็ญของข้า”
“ทนสักหน่อย อาจเกี่ยวข้องกับปฐมบรรพชนของเจ้า ข้าก็ทำนายไม่ได้เช่นกันว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่มีจุดหนึ่งที่สามารถยืนยันได้ ในระยะยาวนี้อย่าได้ออกไปจากมรรคาสวรรค์ เข้าใจหรือไม่”
“ศิษย์ทราบแล้วขอรับ”
เมื่อหานอวี้ได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับปฐมบรรพชน ก็เข้าใจทันที
ท่านปฐมบรรพชนอาจเผชิญกับปัญหาบางอย่าง เกิดการเพรียกหาผ่านสายเลือด ก่อให้มรรคจิตของเขาไม่เสถียร
เรื่องประเภทนี้ เขาเคยได้ยินมาก่อน เป็นดั่งที่กล่าวขานกันว่าหนึ่งคนรุ่งเรืองทั้งปวงรุ่งโรจน์ หนึ่งคนร่วงทั้งปวงล่ม
….
ภายในมิติลึกลับแห่งหนึ่ง
เหล่าศิษย์สืบทอดต่างมารวมตัวกันที่นี่ ที่นี่คือหมื่นโลกาฉายชัดที่หานเจวี๋ยสร้างขึ้นจากระบบ
ในช่วงฝึกบำเพ็ญ ศิษย์สืบทอดนิยมมารวมตัวกันที่นี่ แลกเปลี่ยนเรื่องราว ให้พวกเขาได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแดนเซียนและฟ้าบุพกาล
ทันใดนั้นหลี่เต้าคงพลันถามขึ้น “ระยะนี้เจ้าสำนักอยู่หรือไม่”
ฉู่ซื่อเหรินกล่าว “อยู่ มีอันใดหรือ”
“ไม่มีอันใด เพียงอยากสอบถามเล็กน้อย” หลี่เต้าคงตอบ รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
ขอเพียงหานเจวี๋ยปลอดภัยก็พอ
จะว่าไปก็แปลก แม้ว่าเขาจะสำเร็จเป็นอริยะแล้ว ทว่าก็ไม่สามารถสอดส่องเขตเซียนร้อยคีรีได้ จึงไม่ทราบว่าหานเจวี๋ยอยู่ในสำนักซ่อนเร้นหรือไม่
จู่ๆ สวินฉางอันก็กล่าวว่า “จริงสิ อาจารย์กำลังจะมีทายาท อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ ผดุงครรภ์มาสี่พันปีแล้ว คาดว่าคงมีคุณสมบัติล้ำเลิศ”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เหล่าศิษย์ที่เหลือต่างก็พากันทอดถอนใจ ล้วนคาดหวังตั้งตารอยิ่ง
เมื่อหลี่เต้าคงได้ยิน ก็อดตะลึงไม่ได้ จากนั้นพลันกระจ่างขึ้นมา
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
หานอวี้ได้รับผลกระทบจากสายเลือดจริงๆ ด้วย
หลี่เต้าคงมิใช่คนชอบซุบซิบนินทา เขาไม่ได้ถามมากอีก หลังจากเข้าใจต้นสายปลายเหตุเขาก็วางใจ ไม่นึกห่วงหานอวี้อีก
อีกด้านหนึ่ง
หานทั่วติดตามจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมาที่ห้วงมิติฟ้าบุพกาล หมอกหนาลอยอวล มีแสงเลื่อมพรายส่องวูบวาบเป็นพักๆ
เป็นครั้งแรกที่หานทั่วมายังมิติเช่นนี้ รู้สึกหายใจไม่ออกอยู่บ้าง รอบข้างปกคลุมด้วยแรงกดดันมหาศาล ทำให้เขาตึงเครียดไปทั้งตัว ถึงขั้นที่ไม่กล้ามองไปรอบๆ เลย
เขารู้สึกอยู่เสมอว่ารอบข้างมีบางสิ่งจับตามองเขาอยู่ ทำให้เขารู้สึกอึดอัดยิ่ง
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานแค่ไหน จู่ๆ จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็หยุดลง
หานทั่วเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ มองเห็นเพียงสองขาที่ใหญ่โตราวกับเขาเทพปู้โจวไขว้ซ้อนทับกันอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นไปอีกก็มองเห็นเพียงสะดือของอีกฝ่าย ส่วนด้านบนที่เหลือถูกเมฆหมอกปกคลุมบดบัง
เพียงร่างกายท่อนล่างที่เปลือยเปล่าอยู่ ก็สูงหลายล้านจั้งแล้ว ใหญ่โตมโหฬารและส่งผลต่อสายตาอย่างยิ่ง
ในรูสะดือขนาดมหึมานั้นไม่น่าเชื่อว่าจะมีดวงตาเย็นชาข้างหนึ่งอยู่ หานทั่วเผลอสบตาเข้าพอดี วิญญาณแทบจะแตกสลายไป เขาตกใจจนรีบก้มหน้าลง
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายค้อมกายคารวะ “คารวะปฐมเทพ”
“มาด้วยเรื่องใด”
น้ำเสียงดังก้องซ้อนทับกันสายหนึ่งแว่วขึ้น ทำนองเนิบช้ายิ่ง หานทั่วได้ฟังเพียงสี่คำก็ราวกับผ่านไปแล้วสี่ปี ความรู้สึกนี้ช่างน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
หานทั่วตกตะลึงเมื่อค้นพบว่าพลังเวทของตนเพิ่มขึ้นมหาศาล!
แค่ฟังอีกฝ่ายพูดประโยคเดียว ตบะก็เพิ่มขึ้นแล้วหรือ?
หานทั่วรู้สึกประหม่ายิ่งกว่าเดิม ตัวตนของอีกฝ่ายเหนือล้ำกว่าหลักเหตุผลและจินตนาการของเขา
จู่ๆ เขาก็ลืมไปเลยว่าท่อนขาใหญ่ยักษ์และสะดือที่เห็นเมื่อครู่นี้มีลักษณะอย่างไร
เขาไม่กล้าเงยหน้า
“ปฐมเทพ คันฉ่องเทวาที่ท่านประทานให้เราพังเสียหายแล้ว ผลกรรมเช่นใดกันที่เป็นสาเหตุ” จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสอบถามด้วยความนอบน้อม
น้ำเสียงก้องซ้อนแว่วดังขึ้น “กรรมนี้ยิ่งใหญ่เกินไป มันทนรับไม่ไหว เกี่ยวข้องกับสายเลือดของเด็กคนนี้ เพราะจะมียอดผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในวงศ์วานสายโลหิตของเขา จึงเกิดความโกลาหลอลหม่าน”
จักรพรรดิสวรรค์ตกตะลึงไป สอบถามด้วยความระมัดระวัง “เขาปรากฏตัวขึ้นแล้ว เพิ่งฝ่าทะลวงได้ หรือว่ากำลังจะถือกำเนิด”
“กำลังจะถือกำเนิด อยู่ในระหว่างผดุงครรภ์”
คำพูดของเสียงก้องสะท้อนสายนี้ทำให้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายและหานทั่วคิดไปมากมายนัก
หานทั่วนึกถึงหานอวี้ขึ้นมาก่อน
หรือว่าหานอวี้จะก้าวข้ามตนไปได้จริงๆ
หรือไม่เช่นนั้น อาจมีชนรุ่นหลังของหานอวี้ที่ปรากฏพรสวรรค์อันน่าตื่นตะลึงขึ้นกระมัง?
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกลับนึกถึงหานเจวี๋ย หรือว่าเด็กคนนี้กำลังจะมีทายาทอีกคน
ในสมัยที่ยังเป็นจักรพรรดิสวรรค์อยู่ จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมีทายาทมากมาย บางครั้งก็มีบุตรที่คุณสมบัติเลิศล้ำปรากฏขึ้น สั่นสะเทือนสามภพ ยกตัวอย่างเช่นหลงเฮ่า
“ขอบพระคุณปฐมเทพที่ช่วยชี้แนะ”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายค้อมคำนับ ในเมื่อเกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ย เช่นนั้นเขาก็คร้านจะยุ่งแล้ว
เขาหันหลังกลับ เตรียมพาหานทั่วจากไป
เวลานี้เอง เสียงก้องซ้อนดังขึ้นอีกครั้ง “เด็กคนนี้ส่งผลกระทบที่แตกต่างออกไป นับแต่โบราณกาลมีตัวตนเช่นนี้ปรากฏขึ้นเพียงสองตนเท่านั้น”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตกตะลึง หันกลับไปถาม “เทพยักษาผานกู่กับบรรพชนเต๋าหรือ”
“บรรพชนเต๋าหรือ นั่นก็แค่นักฉวยโอกาสเท่านั้น”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายและหานทั่วตะลึงงัน
ตัวตนที่เทียบเท่าผานกู่และเหนือกว่าบรรพชนเต๋าจะเป็นผู้ทรงพลังที่น่าพรั่นพรึงเพียงใดกัน
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายหน้าเปลี่ยนสี รีบพาหานทั่วจากไป
“ห้ามหันกลับไป!”
เสียงของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายแว่วขึ้นในหูหานทั่ว หานทั่วสะดุ้งก่อนจะเร่งตามจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางความมืดมิด หานทั่วได้ยินบทเพลงประหลาดท่อนหนึ่ง บางคราก็คล้ายเสียงแค้นเคืองของสตรี บางคราก็คล้ายเสียงหยาบโลนเร่าร้อน ทำให้จิตรับรู้ของเขาพร่าเลือน
เมื่อเขาได้สติกลับมาอีกครั้ง พลันตะลึงเมื่อพบว่าตนกลับมาที่พระราชวังเทียมเมฆาแล้ว
จิตรับรู้ของหานทั่วแจ่มชัดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขามองจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ เอ่ยถาม “ฝ่าบาท เมื่อครู่…”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เมื่อครู่อะไรกัน ผ่านไปร้อยปีแล้ว เจ้าเกือบจะถูกมรรคของตัวตนโบราณท่านนั้นล่อลวงเข้าแล้ว”
………………………………………………………………