บทที่ 719 รวมเทพมารฟ้าบุพกาลให้เป็นหนึ่ง
หานเจวี๋ยกลับมาที่อาณาเขตเต๋าหลัก ใช้พลังเวทปกป้องวิญญาณกวนปู้ไป้และหานมิ่งไว้พลางเริ่มตรวจดูจดหมายไปด้วย
เขาสำเร็จเป็นอริยะมหามรรคแล้วสามารถช่วยเหลือเหล่าศิษย์ผสานกับปราณเทพมารได้สบายๆ
ยามที่เปิดกล่องจดหมาย ในใจหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ไม่ได้ตรวจดูจดหมายมาหนึ่งหมื่นปี คาดว่าคงมีสีสันมากพอดู
ความรู้สึกเหมือนได้เปิดกล่องสุ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง
[ฉู่ซื่อเหรินศิษย์หลานของท่านทำความเข้าใจยอดสมบัติ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[จ้าวเซวียนหยวนศิษย์ของท่านพลัดเข้าสู่ส่วนลึกของฟ้าบุพกาล บ่วงกรรมบดบัง]
[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารปีศาจ] x80213228
[เจียงอี้สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารปีศาจ] x73346421
[จอมเทพข่งเซวี่ยสหายของท่านเข้าร่วมวังสวรรค์]
[จักรพรรดินีผืนพิภพสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่านเข้าสู่ต้นกำเนิดความมืดมิด วิญญาณได้รับการชำระล้างจากพลังแห่งความมืด ถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง]
[โจวฝานศิษย์ของท่านใช้ประโยชน์จากเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่ สอดส่องมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ เผชิญผลสะท้อนกลับ]
….
พวกเต้าจื้อจุนทั้งสามคนยังถูกทุบตีอยู่ โดยเฉพาะจ้าวเซวียนหยวน ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
แต่หานเจวี๋ยก็ไม่กังวล ถึงอย่างไรสามคนนี้ก็เหลือหนทางรอดไว้ในเขตเซียนร้อยคีรีแล้ว ตายไปก็ไม่เป็นไร
จอมเทพข่งเซวี่ยเข้าร่วมวังสวรรค์เช่นนั้นหรือ
อีกเดี๋ยวต้องสอบถามดู ไม่สามารถปล่อยเทพมารต้องสาปให้รอดไปได้
หานเจวี๋ยอ่านแจ้งเตือนสถานการณ์ของปรมาจารย์ลัญจกรสรวง ปรมาจารย์ไม่เพียงแต่หนีเอาชีวิตรอดมาได้ ยังต้องการผงาดกลับมาอีกครั้งด้วย!
เมื่อไล่อ่านลงไป หานเจวี๋ยพบว่าสหายมากมายได้รับโอกาสวาสนา
หลี่เสวียนเอ้าที่ควบคุมสำนักซ่อนเร้นสาขาด้านนอก หานอวี้ที่เขาเทพปู้โจว อู้เต้าเจี้ยนที่สำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ หวงจุนเทียนที่นิกายเจี๋ย ล้วนมุ่งหน้าไปแสวงหาโอกาสวาสนาในฟ้าบุพกาล
บนเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาล มีเงาร่างมนุษย์คลาคล่ำไม่ขาดสาย ถึงขั้นที่มีผู้บำเพ็ญจำนวนไม่น้อยเปิดแผงขายของบนเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาล ขายโอสถวิญญาณต่างๆ อาวุธวิเศษรวมถึงสมบัติล้ำค่าฟ้าดิน สกุลเงินที่ใช้แลกเปลี่ยนคือลูกกลอนฟ้าประทานที่จอมอริยะเสวียนตูสร้างขึ้น ลูกกลอนฟ้าประทานแปรสภาพมาจากปราณฟ้าประทาน ใช้ฝึกบำเพ็ญและใช้รักษาอาการบาดเจ็บได้
แดนเซียนยังคงใช้โอสถวิญญาณและหินวิญญาณเป็นเงินตรา โลกมนุษย์นั้นหยาบกว่า ยังคงติดอยู่กับการใช้เงินทองทรัพย์สมบัติอยู่
แค่อ่านจดหมาย หานเจวี๋ยก็สามารถรับรู้ได้ถึงกระแสแห่งยุคสมัย
มรรคาสวรรค์กำลังขยายตัวสู่ฟ้าบุพกาลอย่างเผด็จการเหิมเกริม!
หลังจากอ่านจดหมายเสร็จ หานเจวี๋ยเข้าฝันจอมเทพข่งเซวี่ย
แดนความฝันคือห้วงอวกาศ
จอมเทพข่งเซวี่ยลืมตาขึ้น มองเห็นหานเจวี๋ยในรูปลักษณ์เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เขาพลันเลิกคิ้วก่อนแค่นเสียงเอ่ย “พอข้าหยุดไล่ล่าเทพมาต้องสาป ท่านก็โผล่มาทันที ดูเหมือนท่านจะจับตามองข้าทุกฝีก้าวเลยนะ”
หานเจวี๋ยถาม “ระยะนี้เจ้าทำอะไรอยู่”
จอมเทพข่งเซวี่ยอดสบถไม่ได้ “อย่าเอ่ยถึงเลย ก่อนหน้านี้ข้าเกือบสังหารเทพมารต้องสาปได้แล้ว ผลคือถูกตัวตนนามว่ามิ่งสอดมือเข้ามาขวาง เกือบได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว เจ้าคนผู้นั้นพูดจาโอหังว่าจะรวมเทพมารฟ้าบุพกาลให้เป็นหนึ่ง ล้มล้างระบอบของผานกู่ กล่อมให้ข้ายอมสยบก้มหัวให้ ไม่ให้เข้าร่วมกับกลุ่มอิทธิพล จองหองเกินไปแล้ว”
มิ่งอีกแล้วหรือ?
หานเจวี๋ยถาม “เขาสังหารเจ้าได้หรือไม่”
จอมเทพข่งเซวี่ยแค่นเสียง “จะเป็นไปได้อย่างไร ดีร้ายอย่างไรข้าก็เป็นอริยะเสรีระยะสมบูรณ์ ไหนเลยจะสังหารข้าได้ง่ายๆ”
หานเจวี๋ยดูแคลนมิ่งทันที
ถึงอย่างไรหานเจวี๋ยก็สามารถสังหารจอมเทพข่งเซวี่ยได้อย่างง่ายดาย
แต่คนผู้นี้รวมตัวกับเทพมารต้องสาป ซ้ำยังต้องการรวมเทพมารฟ้าบุพกาลให้เป็นหนึ่งเดียว ช่างมีใจทะเยอทะยานโดยแท้
“ข้าเข้าร่วมวังสวรรค์ ก็เพราะอยากสืบหามิ่ง จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็เคยเผชิญกับการคุกคามจากมิ่งเช่นกัน อีกอย่างเขาก็อยู่ในสังกัดของท่านด้วยมิใช่หรือ” จอมเทพข่งเซวี่ยยักไหล่
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เทพมารต้องสาปคือภารกิจหลักของเจ้า ส่วนเรื่องมิ่ง ระวังเอาไว้ เขามิใช่ผู้ที่เจ้าสามารถจัดการได้ อย่ารนหาที่ตาย”
จอมเทพข่งเซวี่ยแค่นเสียง “ข้าไม่เชื่อ เขาเก็บหัวซ่อนหางมิดชิด ปกปิดบ่วงกรรมและโฉมหน้าจริงได้ ในเมื่อไม่กล้าสู้หน้าคน ก็แปลว่าพลังของเขายังไม่แกร่งพอจะแบกรับความเกลียดชังคั่งแค้นจากความจองหองของเขาได้”
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตนก็ถูกเหน็บแนมไปด้วย
เจ้านกยูงน้อย[1]ตัวนี้มักจะชอบพูดจาระคายหูอยู่เรื่อย
หานเจวี๋ยหมดอารมณ์คุยแล้ว สลายแดนความฝันอย่างรวดเร็ว
เขาลืมตาขึ้น ก่อนจะขมวดคิ้ว
มิ่งคนนี้เป็นผู้ใดกันแน่
‘ข้าอยากรู้ว่าเป็นผู้ใดที่ทำร้ายจอมเทพข่งเซวี่ยและมหาจักรพรรดิเทียนเอ้อ’ หานเจวี๋ยเอ่ยถามในใจ
ผู้ที่สามารถทำร้ายสองคนนี้ได้น่าจะมีอยู่น้อยยิ่ง
[ไม่สามารถทำนายได้ ไม่ปรากฏบ่วงกรรมนี้]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
ยังมีตัวตนที่ระบบไม่สามารถทำนายถึงอยู่ด้วยหรือ
ต้องทราบก่อนว่าผานกู่และบรรพชนเต๋า ล้วนถูกระบบสืบสาวทำนายถึงบ่วงกรรมบางอย่างได้
หรือว่าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าผานกู่และบรรพชนเต๋า
หานเจวี๋ยจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีถาม ‘เหตุใดถึงปรากฏสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำนายถึงได้’
[เพราะอีกฝ่ายอยู่เหนือกว่าขีดจำกัดของระบบ หรือไม่ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายครอบครองยอดสมบัติพิเศษไว้]
ยอดสมบัติพิเศษ…
น่าจะเป็นสาเหตุที่สอง หากว่ามิ่งแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น เข้ากวาดล้างฟ้าบุพกาลตรงๆ เสียก็สิ้นเรื่อง ไยต้องเล่นลูกไม้มากมายขนาดนี้ด้วย
หานเจวี๋ยไม่ยอมเชื่อ ลองเปลี่ยนวิธีถามอยู่หลายครั้ง ยังคงทำนายถึงมิ่งไม่ได้อยู่ดี
เขาจำเป็นต้องยอมแพ้
‘อีกฝ่ายเพ่งเล็งมรรคาสวรรค์แล้ว ในเมื่อทำนายถึงไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องรอให้เขามาโจมตี’
หลังจากหานเจวี๋ยคิดได้เช่นนี้ หัวคิ้วก็คลายออก
ยามนี้มรรคาสวรรค์ต่างไปจากในอดีตแล้ว มิใช่ดินแดนที่จะปล่อยให้เผ่าพันธุ์ฟ้าบุพกาลเข้ามารุกรานได้ง่ายๆ
หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงบอกเล่าเรื่องของมิ่งให้จอมอริยะเสวียนตูทราบ ให้เขาเตรียมตัวดีๆ ยามปกติอย่าได้ประมาทชะล่าใจ
จอมอริยะเสวียนตูก็ไม่ได้ตื่นตระหนก ตอบรับทันที คาดว่าเขาก็คงทราบถึงการมีอยู่ของมิ่งแล้ว
หานเจวี๋ยหลับตาลง ฝึกบำเพ็ญต่อ
….
ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งหมื่นปี
หานเจวี๋ยมายังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง ปล่อยหานมิ่งและกวนปู้ไป้ออกมา
กวนปู้ไป้เปลี่ยนเป็นเทพมารไร้พ่าย หานมิ่งเปลี่ยนเป็นเทพมารวิญญาณ
สำหรับเทพมารสุญตายังอยู่ในระหว่างฟูมฟัก ต้องใช้เวลาอีกสักระยะ เมื่อเทียบกับการผสานรวมแล้วการให้กำเนิดเทพมารฟ้าบุพกาลจะมีขั้นตอนหล่อเลี้ยงวิญญาณเพิ่มขึ้นมา ดังนั้นจึงล่าช้ากว่าเล็กน้อย อีกทั้งเทพมารฟ้าบุพกาลแต่ละตนก็มีความแตกต่างกัน ระยะเวลาฟูกฟักย่อมไม่แน่นอน ทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจที่หานเจวี๋ยมีต่อเรื่องนี้
“เช่นนี้คือกลายเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลแล้วหรือ”
กวนปู้ไป้สำรวจร่างกายของตน ตื่นเต้นสุดขีด
หานมิ่งเองก็เช่นกัน
หานเจวี๋ยโบกมือคราหนึ่ง ส่งพวกเขาออกไป จากนั้นจึงกลับมาที่อาณาเขตเต๋าหลัก เรียกลี่เหยาเข้ามาในอารามเต๋า
“เตรียมพร้อมดีหรือยัง” หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
ลี่เหยาสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “ข้าเตรียมพร้อมมานานแล้ว”
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “นับจากนี้ไป เจ้าจะต้องออกจากเขตเซียนร้อยคีรี ถึงขั้นที่จะปิดกั้นการสื่อสารของเจ้าและหมื่นโลกาฉายชัดด้วย”
ลี่เหยาตะลึงงัน แต่ยังคงพยักหน้ารับ
สิ่งที่นางแสวงหามากที่สุดคือความแข็งแกร่ง!
หานเจวี๋ยก็ไม่พูดไร้สาระอีก ทำลายสังขารของนางทันที ส่งนางเข้าไปในโลกอนธการ ผสานนางเข้ากับปราณเทพมารกลุ่มหนึ่ง
รอจนลี่เหยาฟูมฟักสำเร็จ หานเจวี๋ยค่อยส่งไปยังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง
มิ่งจะรวมเทพมารฟ้าบุพกาลให้เป็นหนึ่งอย่างนั้นหรือ
เมื่อถึงเวลานั้นก็คอยดูเอาเถิดว่าเทพมารฟ้าบุพกาลของใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน!
แน่นอน หวังว่ามิ่งจะมีชีวิตรอดไปถึงวันนั้น
หานเจวี๋ยคิดเช่นนี้
ขณะที่เขากำลังจะหลับตาเตรียมฝึกบำเพ็ญ เสียงของจอมอริยะเสวียนตูพลันแว่วขึ้น
“สหายเต๋าหาน รีบมาเถิด มรรคาสวรรค์เจอปัญหาแล้ว!”
หานเจวี๋ยเงยหน้ามองขึ้นไป ยืนยันให้แน่ใจก่อนว่าในชั้นฟ้าที่สามสิบสามไม่มีตัวตนแปลกหน้าอยู่ แล้วค่อยไปโผล่ในตำหนักเอกภพ
เหล่าอริยะก็มารวมตัวกันที่นี่แล้ว
จอมอริยะเสวียนตู เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย มหาจักรพรรดิเซียว เทพสูงสุดอู๋ฝ่า ฉิวซีไหล สือตู๋เต้า หลี่เต้าคง ฟางเหลียง หวงจุนเทียน จิ้นเสิน ผานซินและสวีตู้เต้าล้วนอยู่กันพร้อมหน้า
นี่คือสภาอริยะมรรคาสวรรค์ในปัจจุบันนี้
เมื่อเห็นหานเจวี๋ย เหล่าอริยะต่างพากันพยักหน้าทักทาย อริยะหน้าใหม่สวีตู้เต้ารีบลุกขึ้นทำความเคารพ
“ท่านนี้คืออริยะใหม่ นับว่ามีสายสัมพันธ์กับเจ้าอยู่ ล้วนเคยเป็นผู้สืบทอดมรดกของจักรพรรดิเซียนวัฏจักรเช่นเดียวกัน” ผานซินเอ่ยแนะนำด้วยรอยยิ้ม
สวีตู้เต้าเอ่ยอย่างนอบน้อม “น้อมพบผู้อาวุโส”
หานเจวี๋ยพยักหน้าให้เล็กน้อย
[สวีตู้เต้าเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]
………………………………………………………………
[1] ข่งเซวี่ย แปลว่านกยูง