บทที่ 748 อาณาเขตกระบี่
อริยะเทพอวี๋เจี้ยน!
เสียงของนักพรตเต๋าเสินเผาดังสะท้อนอยู่ในห้วงอวกาศเวิ้งว้าง นี่คืออริยะมหามรรค เสียงของเขาแว่วดังอยู่เนิ่นนานไม่จางหาย เป็นการสื่อสารที่อยู่เหนือการรับรู้ของมนุษย์ธรรมดา
หานเจวี๋ยกลับเข้าสู่มรรคาสวรรค์ทันที กลัวว่าอริยะเทพอวี๋เจี้ยนจะโจมตีมรรคาสวรรค์
แดนต้องห้ามอันธการที่อยู่ด้านหนึ่งของมรรคาสวรรค์พังทลายลง สายฟ้านับไม่ถ้วนแลบแปลบปลาบอยู่ในอากาศ และที่ชายขอบของแดนเซียน ศึกระหว่างเผ่าชิงชังและมรรคาสวรรค์ประทุขึ้นรอบด้าน
ยังไม่ปรากฏเงาร่างของอริยะเทพอวี๋เจี้ยน!
หานเจวี๋ยรักษาความตื่นตัวไว้ เขายกมือขึ้น ดูดดึงตะเกียงสีดำดวงหนึ่งเข้ามา ตะเกียงสีดำดวงนี้คือยอดสมบัติที่นักพรตเต๋าเสินเผาใช้ก่อนหน้านี้ สามารถตรึงศัตรูไม่ให้ขยับเขยื้อนได้ในชั่วลมหายใจ เฮิ่นจียังคงแข็งค้างอยู่ในอวกาศ ไม่อาจหลุดพ้นจากพลังพันธนาการได้
เมื่อเห็นหานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้น เฮิ่นจีเบิกตาคู่งามกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
นักพรตเต๋าเสินเผาเล่า
หนีไปแล้วหรือ
หรือว่าตายไปแล้ว
เฮิ่นจีเอนเอียงไปในกรณีแรก ทั้งสองต่อสู้กันเพียงไม่กี่ลมหายใจ หานเจวี๋ยก็กลับมาแล้ว นางรู้จักนักพรตเต๋าเสินเผาดี ไหนเลยจะถูกสังหารได้ง่ายๆ ปานนั้น
นักพรตเต๋าเสินเผายังไม่ตายจริงๆ แต่ก็อยู่ไม่ห่างจากความตายแล้ว หานเจวี๋ยผสานร่างจำลองเทพมารอย่างต่อเนื่อง เพิ่มพลังให้เทพมารกลืนกิน กัดกร่อนนักพรตเต๋าเสินเผาที่ถูกขังไว้ในมิติกลืนกิน
มหาอริยะสวีหุนตื่นเต้นอย่างยิ่ง แววตาที่มองหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส
แข็งแกร่งเหลือเกิน!
นั่นคือนักพรตเต๋าเสินเผาและเฮิ่นจี มิใช่อริยะมหามรรคทั่วไป แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ยก็ตอบโต้ไม่ได้เลยสักนิด
หลังจากเหล่าอริยชนเห็นหานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้น ล้วนตื่นเต้นกันยิ่งนัก มีหานเจวี๋ยอยู่ มรรคาสวรรค์ย่อมรุ่งโรจน์อย่างฉุดไม่อยู่!
หานเจวี๋ยตรวจสอบบริเวณรอบข้างอย่างต่อเนื่อง เตรียมป้องกันการลอบโจมตีของอริยะเทพอวี๋เจี้ยน
ในเวลานี้ เสียงแหบพร่าเสียงหนึ่งแว่วขึ้นในหูเขา
“มาที่ห้วงมิติส่วนลึก สู้กันสักครา ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ข้าล้วนจะไม่คุกคามมรรคาสวรรค์”
หานเจวี๋ยด่าในใจ ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจะคุกคามได้อย่างไรเล่า
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘อริยะเทพอวี๋เจี้ยนมีผู้ช่วยที่เร้นกายอยู่หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่มี]
หานเจวี๋ยหรี่ตาลง ดูเหมือนคนผู้นี้จะมีคุณธรรมในการต่อสู้อยู่
เขาเลือนหายไปจากจุดเดิมทันที
เมื่อทะลุผ่านห้วงมิติชั้นแล้วชั้นเล่า ก็มาถึงห้วงมิติชั้นลึกที่สุดที่อริยะเสรีล้วนไม่สามารถสอดส่องได้ ห้วงมิตินี้กำลังจะพังทลายแล้ว สิ่งที่กำลังจะปรากฏคือห้วงอวกาศเวิ้งว้างดั้งเดิม
หานเจวี๋ยมองเห็นอริยะเทพอวี๋เจี้ยน
คนผู้นี้อยู่ในห้วงมิติสีม่วงสลัว ดูราวกับเทพชั่วร้ายเยือนโลกา
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนจ้องมองหานเจวี๋ย เอ่ยถาม “เหตุใดเจ้าถึงควบคุมพลังมหามรรคจำนวนมากได้”
หานเจวี๋ยตอบว่า “เพียงแค่คล้ายคลึงกันเท่านั้น พลังมหามรรคไหนเลยจะควบคุมได้ง่ายปานนั้น”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนก็รู้สึกว่ามีเหตุผล เป็นไปได้ว่านี่จะเป็นพลังวิเศษเฉพาะของหานเจวี๋ยที่คล้ายคลึงกับมหามรรคต่างๆ อย่างยิ่ง
กระบี่มากมายที่อยู่ด้านหลังเขาพลันลอยห่างออกไป ดูคล้ายกระบี่บุปผาบานสะพรั่ง ตระการตาอย่างยิ่ง
“มาเถอะ ชนรุ่นหลัง พลังของเจ้ากล้าแกร่งนัก ร่างจำลองก่อนหน้านี้หากมีมากกว่าอีกสักเท่าตัว ข้าก็อาจจะมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเช่นกัน!”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนชูมือขวาขึ้น วินาทีนั้น เงากระบี่สายแล้วสายเล่าพลันปรากฏขึ้นในส่วนลึกของห้วงมิติ เนืองแน่นเรียงราย เข้าปิดล้อมหานเจวี๋ยจากสารพัดทิศทาง เมื่อกวาดตามองออกไป ยากจะประเมินได้ว่ามีอยู่กี่พันล้านเล่ม
ร่างจำลองเทพมารปรากฏขึ้นเหนือศีรษะหานเจวี๋ยทีละร่างๆ แต่ละร่างท่าทางหยิ่งยโส สูงใหญ่อย่างยิ่ง
สิบร่าง!
ยี่สิบร่าง!
ห้าสิบร่าง!
แปดสิบร่าง!
หนึ่งร้อยร่าง!
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนจ้องมองเขาอย่างสงบ รอคอยให้เขาเรียกร่างจำลองทั้งหมดออกมา
“ข้าไม่พบการต่อสู้ที่น่าพึงพอใจมาหลายร้อยล้านปีแล้ว ชนรุ่นหลัง อย่าทำให้ข้าต้องผิด…”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนยังเอ่ยไม่จบก็ต้องหุบปากลง
เนื่องจากร่างจำลองเทพมารของหานเจวี๋ยปรากฏขึ้นเกินหนึ่งร้อยห้าสิบร่างแล้ว ซ้ำยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ!
จิตใจเขาสั่นไหวแวบหนึ่ง
ตอนที่เผชิญหน้ากับนักพรตเต๋าเสินเผาก่อนหน้านี้ เด็กคนนี้ยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดอย่างนั้นหรือ
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนนิ่งเงียบ ยังไม่ลงมือ
ร่างจำลองเทพมารของหานเจวี๋ยเกินสองร้อยร่างแล้ว ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สองร้อยสามสิบร่าง!
สองร้อยห้าสิบร่าง!
สองร้อยแปดสิบร่าง!
สามร้อยร่าง!
แววตาของอริยะเทพอวี๋เจี้ยนแปรเปลี่ยน อดถามไม่ได้ “เจ้าเป็นใครกันแน่”
หานเจวี๋ยยังคงสำแดงร่างจำลองเทพมารออกมาเรื่อยๆ “ข้าเป็นเพียงคนนิรนามในหมู่สรรพสิ่งมรรคาสวรรค์ ไม่คิดข้องแวะกับข้อพิพาท ไม่อยากแก่งแย่งชิงดี จนปัญญาที่มักจะมีคนมารุกรานมรรคาสวรรค์ของข้าเสมอ”
คนนิรนามอย่างนั้นหรือ
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเงียบไปอีกครั้ง
เมื่อเห็นร่างจำลองเทพมารของหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นถึงสามร้อยห้าสิบร่าง เขาก็ทนไม่ไหวแล้ว เอ่ยถามออกไป “พลังวิเศษนี้ของเจ้ามีขีดจำกัดหรือไม่”
หานเจวี๋ยตอบสั้นๆ “ใกล้ถึงแล้ว”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนแค่นเสียง โบกมือทันที เงากระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีหานเจวี๋ยจากทุกสารทิศ
ไหนๆ ก็มาแล้ว ย่อมต้องสู้!
แม้แต่ดวงจิตมหามรรคโบราณเขายังไม่กริ่งเกรง แล้วจะกลัวหานเจวี๋ยได้อย่างไร!
ก่อนหน้านี้ที่เขาเฝ้ารอ เป็นเพราะความเย่อหยิ่ง แต่ที่ลงมือตอนนี้ เป็นเพราะเขามิได้ไร้สมอง!
หากปล่อยให้หานเจวี๋ยเพิ่มจำนวนร่างจำลองเทพมารต่อไป ยังจะเหลืออะไร!
ร่างจำลองเทพมารสามร้อยกว่าร่างกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว คำรามกร้าวพลางลงมือ ปัดป้องเงากระบี่ที่พุ่งเข้ามาจากทั่วสารทิศ!
ห้วงมิติสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จะพังทลายแล้ว!
หานเจวี๋ยอาศัยช่วงที่ห้วงมิติพังทลายลง เรียกกระบี่พิพากษาอนธการออกมา สำแดงหมื่นกระบี่ก่อกำเนิด!
พลังวิเศษมหามรรค!
แปลงสรรพสิ่งเป็นกระบี่!
เศษซากที่พังทลายลงของห้วงมิติกลายเป็นเงากระบี่ในทันใด เข้าโจมตีอริยะเทพอวี๋เจี้ยน
“พลังวิเศษมรรคกระบี่!”
สองเนตรของอริยะเทพอวี๋เจี้ยนฉายแววเยียบเย็น ไม่คิดเลยว่าหานเจวี๋ยก็เป็นผู้บำเพ็ญกระบี่เช่นกัน
พลังวิเศษมรรคกระบี่นี้มีกลิ่นอายเดียวกันกับพลังวิเศษที่เขาสำแดงก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นพลังวิเศษมหามรรค!
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนชักกระบี่สองเล่มออกมาจากหว่างเอว ตวัดกระบี่ไขว้กัน เงากระบี่นับพันล้านเล่มที่เกิดขึ้นจากหมื่นกระบี่ก่อกำเนิดล้วนสลายตัวลง
เขาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าหานเจวี๋ยในทันใด ตวัดกระบี่ฟันคราหนึ่ง!
รวดเร็วนัก!
ปราณกระบี่กำลังจะโดนร่างหานเจวี๋ย ทว่าถูกเสื้อคลุมห้วงกาลวิถีป้องกันไว้!
เสื้อคลุมห้วงกาลวิถีเป็นยอดสมบัติสายป้องกันระดับฟ้าบุพกาล ป้องกันการโจมตีระดับมหามรรคได้ ส่วนอริยะเทพอวี๋เจี้ยนก็เป็นระดับมหามรรคพอดี!
อย่างไรก็ตามถึงแม้เสื้อคลุมนี้จะแข็งแกร่ง แต่ไม่สามารถป้องกันการโจมตีในระยะยาวได้ นี่คือสาเหตุที่ว่าเหตุใดเขาถึงพ่ายแพ้เมื่อเผชิญการโจมตีแบบกลุ่มในแบบจำลองการทดสอบ เขามียอดสมบัติ แต่อริยะมหามรรคเหล่านั้นก็มีเช่นกัน!
หานเจวี๋ยหายไปจากจุดเดิม จากนั้นปรากฏตัวขึ้นในจุดที่ไกลออกไป ร่างจำลองเทพมารร่างแล้วร่างเล่าแทรกซึมเข้าสู่ร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนทราบว่าเขากำลังผสานพลังอยู่ ตั้งกระบี่ทั้งสองเล่มขึ้นมาทั้งที ไขว้กันเป็นไม้กางเขนอยู่ด้านหน้า
แสงกระบี่สายหนึ่งส่องออกมาจากร่างเขา ส่องสว่างไปทั่วห้วงมิติ
ในชั่วพริบตานั้น!
ห้วงมิติทั้งชั้นพลันเกิดความเปลี่ยนแปลง!
เมื่อทอดสายตามองออกไป ทั้งหมดคือกระบี่ ในจุดที่ไกลโพ้นออกไปคือเงากระบี่ที่เรียงก่อตัวเป็นกำแพงกระบี่ คมกระบี่นับไม่ถ้วนจ่อเล็งใส่เงาร่างของหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยสัมผัสถึงเจตนาสังหารจากทั่วสารทิศได้ชัดเจน หากประมาทแม้เพียงนิด อาจร่างสิ้นวิญญาณสลายได้ในทันใด
คนผู้นี้มีลูกเล่นอยู่บ้าง!
อย่างไรก็ตาม!
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจที่เบ็ดเสร็จสมบูรณ์ พลังวิเศษทุกอย่างล้วนเป็นเพียงลูกเล่นฉูดฉาดเท่านั้น!
ร่างจำลองเทพมารสามร้อยกว่าร่างผสานเข้าสู่ร่างของหานเจวี๋ยหมดแล้ว อาณาเขตกระบี่เริ่มหดตัวในทันใดปลายกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งมาทางหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยยกกระบี่ขึ้น พลังของโทสะเทพอนธการถ่ายเทเข้าสู่กระบี่พิพากษาอนธการ
กระบี่ตวัดฟันในแนวขวาง!
ตูม!
อาณาเขตกระบี่พังทลายลงทันที!
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนที่กำลังจะโจมตีหานเจวี๋ยถูกพลังเวทอันน่าหวาดหวั่นสายหนึ่งกระแทกใส่หน้า เขายกกระบี่ขึ้นป้องกันตามสัญชาตญาณ ผลคือสังขารถูกทำลายล้าง
ปราณกระบี่ของหานเจวี๋ยทำลายห้วงมิติชั้นนี้ โจมตีเข้าสู่ส่วนลึกของห้วงอวกาศเวิ้งว้างดั้งเดิม ห้วงมิติที่อยู่ระหว่างทางก็พังทลายไปตามๆ กัน ราวกับกระดาษที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
เมื่ออริยะเทพอวี๋เจี้ยนควบร่างก่อสังขารขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าเหนือศีรษะหานเจวี๋ยมีร่างจำลองเทพมารปรากฏขึ้นร่างแล้วร่างเล่าอีกครั้ง รวดเร็วสุดขีด
กระบวนท่านี้อีกแล้ว!
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนทั้งโมโหทั้งตกใจ
ตกใจเพราะโทสะเทพอนธการน่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ ไม่อาจต้านทานได้เลย!
โกรธเพราะตนอาจจะพ่ายแพ้โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้เปลี่ยนกระบวนท่าเลยสักนิด!
………………………………………………………………