บทที่ 772 เทพมารสามพันตน โอสถอนธการ
เทพมารปฐมภพเพรียกหาเทพมารฟ้าบุพกาล…
หานเจวี๋ยหรี่ตาลง นี่มิใช่สัญญาณที่ดีเลย
ถึงแม้จะเขาจะปกปิดเรื่องที่ตนเป็นเทพมารอนธการไว้แล้ว แต่ฟ้าบุพกาลแห่งนี้มีเทพมารอนธการเพียงตนเดียว ไม่ช้าก็เร็วต้องปะทะกันแน่
ต่อให้มิใช่เขา บุตรชายของเขาก็มีสิทธิ์กลายเป็นศัตรูของเทพมารฟ้าบุพกาลทั้งหมดอยู่ดี
‘ข้าอยากทราบตบะของเทพมารปฐมภพ!’
หานเจวี๋ยเรียกใช้ความสามารถวิวัฒนาการอยู่ในใจ
[จำเป็นต้องหักอายุชัยห้าแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[เทพมารปฐมภพ: ยอดมหามรรคระยะปลาย เทพมารฟ้าบุพกาล หนึ่งในสามพันเทพมารบรรพกาล]
ข้อมูลเรียบง่ายยิ่ง เงาร่างของเทพมารปฐมภพผุดขึ้นมาในหัวของหานเจวี๋ย รูปลักษณ์น่ากลัว ยากจะบรรยายได้ บุคลิกเย่อหยิ่งโอหัง เปี่ยมรัศมีน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งไร้พ่าย
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว แข็งแกร่งยิ่ง
เหตุผลที่เทพมารปฐมภพถ่ายทอดเสียงหาเขา คาดว่าคงคิดว่าเขาก็เป็นเทพมารฟ้าบุพกาลเช่นกัน
หากเขาไม่ไป จะถูกเหล่าเทพมารฟ้าบุพกาลกีดกันแบ่งแยก หรือถึงขั้นที่เห็นเป็นศัตรูหรือไม่
มิเช่นนั้นก็ใช้ร่างแยกไปเถิด ถือว่าไว้หน้าเทพมารปฐมภพสักครั้ง ถือโอกาสสืบสถานการณ์ด้วย
แต่อาณาเขตปฐมภพอยู่ที่ใดเล่า
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
ในเวลานี้เอง ความทรงจำบางอย่างแทรกซึมเข้ามาในหัวของหานเจวี๋ย เป็นแผนที่ขนาดใหญ่แผ่นหนึ่ง ระบุตำแหน่งของอาณาเขตปฐมภพไว้
หานเจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจ นี่มันวิธีอะไรกัน
ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถถ่ายทอดความทรงจำผ่านระยะไกลได้!
ที่สำคัญคือเขาและเทพมารปฐมภพไม่เคยพบกันมาก่อน
หานเจวี๋ยสร้างร่างแยกวิญญาณขึ้น ให้เป็นตัวแทนเขา มุ่งหน้าสู่ส่วนลึกของฟ้าบุพกาลอย่างรวดเร็ว
จากนั้น เขาเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู
[ฉู่ซื่อเหรินศิษย์หลานของท่านดูดซับคำอธิษฐานปวงประชา ทำความเข้าใจพลังวิเศษ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[หานทั่วบุตรชายของท่านเผชิญกับการสะกดจองจำจากผู้ทรงพลังลึกลับ ร่วงหล่นสู่หุบเหวไร้ที่สิ้นสุด]
[โจวฝานศิษย์ของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[นักพรตเต๋าเสินเผาสหายของท่านสนทนาธรรมกับผู้ทรงพลังลึกลับ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[ผานซินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[หวงจุนเทียนสหายของท่านสรรค์สร้างเทพมารสามพันโลกาขึ้น พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารปีศาจลึกลับ] x7093218
[จ้าวเซวียนหยวนศิษย์ของท่าน…]
….
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย โจวฝานและหานทั่วถูกโจมตีอยู่เป็นประจำ หานเจวี๋ยเคยชินแล้ว
หากเผชิญปัญหายุ่งยากที่แก้ไขไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวพวกเขาก็ใช้วิชาอัญเชิญเทพเอง
ส่วนผานซิน เหตุใดถึงปะทะกับมิ่งอีกแล้วเล่า
ก็แค่เสียสมบัติวิเศษชิ้นหนึ่งเท่านั้น!
ออกไปสู้ตายมันคุ้มกันหรือ
นับตั้งแต่ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเข้าสู่ด้านมืด ตบะก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง บรรลุถึงระดับมหามรรคเบิกฟ้าระยะปลายแล้ว
ด้วยพลังของปรมาจารย์ลัญจกรสรวงในเมื่อสามารถทำให้ผานซินบาดเจ็บสาหัสได้ เช่นนั้นก็สามารถสังหารเขาได้เช่นกัน
ดูเหมือนปรมาจารย์จะยังมีจิตเมตตาอยู่
หานเจวี๋ยไล่อ่านต่อ หวงจุนเทียนสรรค์สร้างเทพมารสามพันโลกาขึ้น…
คือตัวอะไรกัน
เลียนแบบเขาอยู่หรือ
ทันใดนั้นหานเจวี๋ยพลันนึกขึ้นมาได้ สื่อหยวนหงเหมิงในร่างของหวงจุนเทียนอยากกลายเป็นเทพมารอนธการ หานเจวี๋ยสามารถสรรค์สร้างเทพมารสามพันตนขึ้นมาได้ สื่อหยวนหงเหมิงย่อมทำได้เช่นกัน เพียงแต่เขามิใช่เทพมารอนธการ ดังนั้นเทพมารที่สรรค์สร้างขึ้นมาจึงเทียบกับเทพมารฟ้าบุพกาลไม่ได้
หานเจวี๋ย เริ่มคาดหวังกับอนาคตของหวงจุนเทียน
อันที่จริงหวงจุนเทียนมิได้พึ่งพาหานเจวี๋ยเลย แทบจะผงาดขึ้นมาโดยพึ่งพาตัวเองทั้งสิ้น
คนเช่นนี้สิถึงจะเป็นผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่ หากอยู่ในนิยาย ล้วนจะเป็นตัวเอกโดดเด่น
พอเลื่อนอ่านลงไปอีก เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้ยังคงถูกทุบตีอยู่
อย่างไรก็ตามสามคนนี้อาศัยพลังพิสูจน์มรรคเป็นเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าแล้ว นับว่ามีความก้าวหน้า ไม่ได้ทนทุกข์เสียเปล่า
เมื่อไล่อ่านลงไปเรื่อยๆ เหมือนหานเจวี๋ยกำลังติดตามละครอยู่ เขาสามารถจินตนาการถึงเรื่องราวอันน่าตื่นเต้น อกสั่นขวัญแขวนสารพัดอย่างได้เป็นฉากๆ
กล่าวโดยสรุปคือ ตอนนี้ยังไม่ปรากฏเรื่องที่ทำให้หานเจวี๋ยไม่สบายใจ
หานเจวี๋ยหลับตาลง ฝึกบำเพ็ญต่อ
นับจากการทะลวงขั้นครั้งก่อนก็ผ่านมาสี่แสนปีแล้ว การทะลวงขั้นครั้งต่อไปใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
….
กลางห้วงอวกาศ ลำแสงเลื่อมพรายสายแล้วสายเล่าห้อมล้อมพัวพันดาราดวงแล้วดวงเล่า
บนดาวเคราะห์สีเทาดวงหนึ่งที่อยู่ในบรรดานั้น เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้ทั้งสามนั่งสมาธิหันหลังชนกัน กลายเป็นรูปสามเหลี่ยม
จู่ๆ เจียงอี้ก็เอ่ยถาม “พี่น้องเอ๋ย พวกเราต้องรออีกนานแค่ไหน”
เต้าจื้อจุนเอ่ยโดยไม่ลืมตาขึ้น “รอต่อไป ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม”
จ้าวเซวียนหยวนแค่นเสียงคราหนึ่ง
เจียงอี้เอ่ยด้วยความหงุดหงิด “คงมิใช่ว่าคนผู้นั้นหลอกลวงพวกเรากระมัง บอกว่าที่นี่ซุกซ่อนยอดสมบัติไว้ มิใช่ว่าจะใช้พวกเราเป็นเหยื่อล่อกระมัง”
จ้าวเซวียนหยวนทนไม่ไหวเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าถูกหลอกอีก ข้าจะถอยแล้วจริงๆ ข้าจะกลับไปอยู่ที่เขตเซียนร้อยคีรี คอยติดตามอาจารย์ก็มิใช่เรื่องเลวร้าย ยังมีพวกลี่เหยาและมู่หรงฉี่ที่ถูกอาจารย์พาตัวไปซ่อนไว้อย่างเงียบเชียบอีก จะต้องได้รับโชควาสนาอันยิ่งใหญ่แน่!
“ยังมีโจวฝานคนนั้นด้วย ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นจะล้ำหน้าพวกเราสามคนไปแล้ว รับไม่ได้จริงๆ”
ยามนี้นับว่าโจวฝานมีชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกล มีวังสวรรค์คอยหนุนหลัง ชื่อเสียงของเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่ โด่งดังจนแม้แต่พวกเขาสามคนที่พเนจรไปทั่วก็ยังเคยได้ยิน
เต้าจื้อจุนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “จ้าวเซวียนหยวน อย่าได้พูดจาหมดกำลังใจเช่นนี้ ข้าขอห้ามไม่ให้เจ้าพูดอีก! หลายปีมานี้ทำให้เจ้าได้รับความลำบากแล้ว แต่พอมีผลประโยชน์ดีอันใด ข้ามิได้ให้เจ้าได้เสพสุขก่อนหรอกหรือ นอกจากนี้พวกเราสามคนล้วนสำเร็จเป็นเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าแล้ว นับว่าบำเพ็ญได้รวดเร็ว ส่วนโจวฝาน นั่นเป็นกรณียกเว้น เจ้าดูเหล่าศิษย์สืบทอดของเขตเซียนร้อยคีรีเถิด ส่วนใหญ่ยังคงเป็นครึ่งอริยะทั้งสิ้น
“นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน อริยะอายุน้อยอย่างพวกเราเดิมทีก็พบเห็นได้น้อยยิ่ง ถึงขั้นที่เป็นยอดบุตรแห่งสวรรค์ผู้แข็งแกร่งแห่งยุคหนึ่งเลยทีเดียว เป็นผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่!”
พอได้ฟังคำพูดของเต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวนชักสับสนเสียแล้ว
เจียงอี้อดเอ่ยขัดขึ้นมาไม่ได้ “พูดเกินจริงไปแล้ว!”
เต้าจื้อจุนเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “รออีกหน่อยเถอะ ภายในสิบปี หากเขาไม่ปรากฏตัว พวกเราจะจากไป ลองไปที่วังสวรรค์หรือเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่ดูก็ได้!”
จ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้ได้ฟังก็โล่งใจ
กลัวว่าเต้าจื้อจุนจะหัวรั้นจนตาย
ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมาหลายแสนปี ทั้งสามผูกสมัครร่วมใจกันมานานแล้ว ดูคล้ายจะคับข้องขุ่นเคือง แต่ก็ไปไหนไปกันเสมอ
“ฮ่าๆ สหายน้อยทั้งสาม ผู้เฒ่าจะหลอกลวงพวกเจ้าได้อย่างไร!”
เสียงหัวเราะดังลั่นแว่วเข้ามา ทั้งสามเหลียวไปมอง เห็นชายชราสวมเสื้อฟางคนหนึ่งขี่ควายตัวใหญ่เหาะเข้ามา
ควายใหญ่ตัวนี้ดูไม่แตกต่างไปจากควายธรรมดาในไร่นาของโลกมนุษย์เลย
เต้าจื้อจุนลุกขึ้นยืน เอ่ยถาม “ยอดสมบัติอยู่ที่ใด”
ควายตัวใหญ่ร่อนลงสู่พื้น ชายชราเสื้อฟางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อยู่ตรงหน้าพวกเจ้าแล้ว หากพวกเจ้าทอดสายตามองออกไปก็จะเห็น”
ทั้งสามคนตื่นตะลึง รีบเหลียวซ้ายแลขวา
แต่มองไม่เห็นเงาของยอดสมบัติเลย
จ้าวเซวียนหยวนหรี่ตาลง “หรือว่าจะเป็นแสงเลื่อมพรายเหล่านั้น”
ชายชราเสื้อฟางลูบเคราพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ถูกต้อง แสงเหล่านี้หาได้ธรรมดาไม่ เป็นสิ่งที่แปรสภาพมาจากยอดสมบัติชิ้นหนึ่งในยุคแรกฟ้าบุพกาล ผู้เฒ่ามีวิธีทำให้พวกมันรวมตัวกลับสู่สภาพเดิม แต่ทำเช่นนี้จะได้รับการต่อต้านจากจิตศาสตรา หลังจบเรื่อง ยอดสมบัติยกให้พวกเจ้า ผู้เฒ่าต้องการเพียงโอสถเม็ดหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในยอดสมบัติ”
เต้าจื้อจุนเอ่ยถาม “โอสถอันใด คงมิใช่ว่าเมื่อนำโอสถไปแล้ว สมบัติจะสูญเสียจิตวิญญาณกระมัง”
ชายชราเสื้อฟางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่แน่นอน โอสถนี้ไม่มีความเชื่อมโยงกับยอดสมบัติเลย เจ้าของมันเพียงซ่อนไว้ในยอดสมบัติเท่านั้น ผู้เฒ่าจะบอกกับพวกเจ้าตามตรง โอสถนี้มีนามว่าโอสถอนธการ สร้างขึ้นจากเทพมารอนธการตนหนึ่ง หากมอบโอสถนี้ให้พวกเจ้า จะต้องชักนำเคราะห์ภัยถึงตายมาแน่นอน”
พวกเต้าจื้อจุนทั้งสามมีสีหน้าตื่นตะลึง พวกเขาย่อมเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับเทพมารอนธการ ได้ยินว่าจะก่อให้เกิดมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ขึ้น!
………………………………………………………………