บทที่ 792 ระดับเทพผู้สร้าง ไร้พ่ายแล้ว
‘แต่หากว่ากลับกันในอีกมุมหนึ่ง ถ้าหากขุนพลศักดิ์สิทธิ์ออกปฏิบัติภารกิจร่วมกัน ก็สามารถย้ายที่หลบซ่อนไปทั่วได้มิใช่หรือ หรือว่าอำนาจศักดิ์สิทธิ์จะมีวิธีการพิเศษ’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
เขาไม่ได้ใช้ความสามารถวิวัฒนาการ ด้วยเคยมีประสบการณ์มาก่อน ในเมื่อหนีไม่พ้น ไยต้องสิ้นเปลืองอายุขัยด้วย
หานเจวี๋ยปรับสภาพจิตใจ เริ่มฝึกบำเพ็ญ
ต้องพยายามพิสูจน์ยอดมหามรรคให้ได้ก่อนที่อำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคจะมาโจมตี!
ไม่เช่นนั้นจะรู้สึกไม่ปลอดภัย!
ตอนนี้หานเจวี๋ยยังไม่สามารถรับมือกับอริยะเทพอวี๋เจี้ยนสองพันคนอย่างสบายๆ ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงขุนพลศักดิ์สิทธิ์หมื่นคนเลย
….
ณ ห้วงมิติลึกลับ ในสระน้ำแห่งหนึ่ง หวงจุนเทียนกำลังนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญ
เขาได้กลายเป็นผู้กำหนดชะตาเคราะห์แล้ว เช่นเดียวกับหลี่เต้าคงและสือตู๋เต้า แต่ต้องใช้เวลาอีกสักระยะถึงจะออกไปเคลื่อนไหวอย่างอิสระได้
เงาร่างหนึ่ง ปรากฏขึ้นริมสระ
“หวงจุนเทียน เจ้าคิดดีหรือยัง” เงาร่างลึกลับเอ่ยถาม น้ำเสียงแหบพร่า
หวงจุนเทียนลืมตาขึ้น เอ่ยว่า “ข้ายังมีทางเลือกอีกหรือ”
เงาร่างลึกลับกล่าวว่า “ไม่มีจริงๆ นั่นแหละ เพียงแต่หากเจ้าคิดตกแล้ว จะลดความทรมานลงได้บ้าง เจ้าถูกจับมาจนถึงตอนนี้ ไม่มีคนจากมรรคาสวรรค์มาช่วยเจ้าเลย แล้วเจ้าจะซื่อสัตย์ภักดีต่อมรรคาสวรรค์ไปไยเล่า”
หวงจุนเทียนเงียบงัน
เงาร่างลึกลับกล่าวต่อไป “ฟ้าบุพกาลคงอยู่มานานเกินไปแล้ว ฟ้าบุพกาลในยามนี้เงียบสงัดวังเวง สิ้นเปลืองห้วงมิติไปเสียแล้ว สิ้นเปลืองทุกสิ่งที่มีอยู่ ทุกสิ่งล้วนมีสาเหตุมาจากอริยะมหามรรคและดวงจิตมหามรรคเหล่านั้น พวกเขาหวาดกลัวว่าสรรพสิ่งจะก้าวล้ำเหนือตน พวกเขากลัวว่าตนจะสูญเสียอำนาจควบคุมระเบียบฟ้าบุพกาล ดังนั้นจึงควบคุมพัฒนาการของฟ้าบุพกาลไว้ตลอด สิ่งที่มิ่งต้องการคือผลักดันทุกสิ่ง สร้างยุคใหม่อย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน เจ้าลองจินตนาการถึงความรุ่งเรืองที่ปรากฏกับมรรคาสวรรค์ในยามนี้ หากปรากฏขึ้นทั่วทุกซอกมุมของฟ้าบุพกาลเล่า
“นั่นคือสิ่งที่มิ่งแสวงหา!
“แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ความสูญเสียทุกอย่างที่แลกมาจากการต่อสู้ล้วนคุ้มค่า เจ้าน่าจะทราบดี!”
หวงจุนเทียนสูดหายใจลึกๆ เอ่ยถาม “ข้าขอพบผู้นำของมิ่งได้หรือไม่”
เงาร่างลึกลับกล่าวว่า “มิ่งไม่มีผู้นำ มิ่งทุกตนล้วนเท่าเทียมกัน!”
หวงจุนเทียนเลิกคิ้วแวบนึง ก่อนเอ่ย “แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนที่คอยสั่งการภาพรวมกระมัง”
เงาร่างลึกลับเงียบไป
หวงจุนเทียนด่าในใจ คิดจะเล่นลูกไม้เหล่านี้กับข้าอย่างนั้นหรือ
กองกำลังที่เป็นรูปธรรมกลุ่มหนึ่ง ไม่มีทางที่ภายในจะเสมอภาคเท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์!
“หากอยากพบเจ้าชะตา เจ้าต้องแสดงคุณค่าออกมา” เงาร่างลึกลับเอ่ย
หวงจุนเทียนกล่าวว่า “พวกเจ้าจับข้ามา น่าจะรู้จักข้าแล้ว ข้าเริ่มต้นจากศูนย์ ไต่เต้าจากระดับล่างของนิกายเจี๋ยขึ้นมาจนถึงตำแหน่งเจ้านิกาย ถึงขั้นที่พิสูจน์มรรคได้ ประสบการณ์ในส่วนนี้มิใช่เรื่องที่อริยะรายอื่นจะเปรียบเทียบได้ ตัวข้าไม่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่ ที่พัฒนามาถึงวันนี้ได้เพราะพึ่งพาความสามารถตัวเองล้วนๆ ถึงแม้ตอนนี้มิ่งจะมีชื่อเสียงกว้างขวาง แต่ข้ารู้สึกว่าพวกเจ้ายังขาดการจัดการดูแล ขาดการวางแผนอย่างจริงจัง
“เจ้าพูดถูก มรรคาสวรรค์ไม่ช่วยข้า ข้าไม่จำเป็นต้องภักดีต่อมรรคาสวรรค์แล้วจริงๆ หากมิ่งทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นได้ เช่นนั้นย่อมดียิ่ง ในเมื่อต้องเข้าร่วมกับมิ่ง ข้าไม่คิดจะเป็นตัวล่อเป้า แน่นอนว่าหากอยากได้รับตำแหน่งและอำนาจ ข้าก็ต้องแสดงให้เห็นคุณค่าของตน เจ้ารับหน้าที่ดูแลติดต่อข้า หากวันหน้าข้ารุ่งโรจน์โบยบิน ข้าต้องจดจำบุญคุณของเจ้าไว้แน่”
น้ำเสียงของเขาเปี่ยมความจริงใจอย่างยิ่ง เงาร่างลึกลับหวั่นไหวแล้ว
“ตกลง ข้าจะไปสอบถามดูก่อน เจ้าฝึกบำเพ็ญต่อไปเถอะ”
“ขอบคุณสหายเต๋า!”
เงาร่างลึกลับเลือนหายไป
หวงจุนเทียนฝึกบำเพ็ญต่อ เขาไม่ได้หลุดกริยาเลย ด้วยเกรงว่าจะมีคนลอบสอดส่อง
….
ณ ดินแดนวังสวรรค์ ภายในพระราชวังเทียมเมฆา
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายนั่งอยู่บนบัลลังก์จักรพรรดิ พลิกอ่านม้วนหยกบนโต๊ะ เขาเปิดม้วนหยกกวาดตามองแวบหนึ่ง ข้อมูลปริมาณมากหลั่งไหลเข้าสู่หัวเขา ม้วนหยกเหล่านี้มีผนึกแฝงเร้นไว้ มีข้อมูลมากมายมหาศาลที่มนุษย์ธรรมดา ไม่สามารถจินตนาการออก
แม่ทัพฟ้าทมิฬพลันเดินเข้ามา ประสานหมัดกล่าวรายงาน “ฝ่าบาท ผู้ท้าชิงตำแหน่งยอดแม่ทัพเทพทั้งสองล้วนมาถึงแล้ว จะเรียกพบเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตอบ “ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ”
นับตั้งแต่หานทั่วและอี๋เทียนจากไป ตำแหน่งสามยอดแม่ทัพเทพแห่งวังสวรรค์ก็เหลืออยู่เพียงคนเดียว ขาดผู้ดำรงตำแหน่งมาโดยตลอด
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเลือกเฟ้นแม่ทัพสวรรค์มามากมายยิ่ง แต่ก็ล้วนรู้สึกไม่พอใจทั้งสิ้น
ไม่นานนัก มีสองร่างเดินเข้ามาในห้องโถง คุกเข่าทำความเคารพจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายพร้อมกัน
สองคนนี้รูปร่างสูงใหญ่ ทรงอำนาจน่าเกรงขาม ดวงตายิ่งแฝงเจตนาสังหารอันเยียบเย็น เห็นได้ชัดว่าเพิ่งกลับมาจากสนามรบ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายพิจารณาพวกเขา รู้สึกพอใจเล็กน้อย แต่ยังคงนึกเสียดายอยู่บ้าง
“ให้พวกเขาทดสอบดูก่อนเถอะ เราจะให้เจ้านำทัพสวรรค์หนึ่งล้านนาย ยึดครองโลกแห่งนี้ให้ได้ภายในหมื่นปี!”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายโยนม้วนหยกฉบับหนึ่งออกไป แม่ทัพเทพคนหนึ่งรีบรับไว้
“แม่ทัพฟ้าทมิฬ พาพวกเขาออกไปเถอะ”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายโบกมือ แม่ทัพฟ้าทมิฬรับคำสั่งทันที หลังจากทั้งสามออกไป จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมองพระราชวังเทียมเมฆาอันว่างเปล่าอดใจลอยไม่ได้
จู่ๆ เขาก็คนึงหาฉากเอะอะโวยวายภายในตำหนักของอี๋เทียน
พอไม่มีอี๋เทียน พระราชวังเทียมเมฆาช่างเงียบเหงาเหลือเกิน
พอไม่มีหานทั่ว ยามที่เขาสั่งการภารกิจลงไป มักจะรู้สึกไม่วางใจอยู่เสมอ
ไม่ได้การ!
ยังคงต้องเฟ้นหาบุตรแห่งสวรรค์ผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่
แววตาจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายวูบไหว ความคิดล่องลอยไปถึงมรรคาสวรรค์
….
วันเดือนเคลื่อนคล้อยไป
พาหมื่นปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่เมื่อครบห้าหมื่นปี อาณาเขตเต๋ายกระดับสำเร็จ พลังวิญญาณต่างๆ ในอาณาเขตเต๋าหลักและอาณาเขตเต๋าแห่งที่สองเริ่มเพิ่มพรวดขึ้น
[อาณาเขตเต๋ายกระดับ ค่ายกลยกระดับสู่ระดับเทพผู้สร้าง ขอบเขตมิติภายในอาณาเขตเต๋าขยายใหญ่ขึ้น]
[ไอเซียนอาณาเขตเต๋าเพิ่มขึ้นสิบเท่า ปราณฟ้าประทานเพิ่มขึ้นสิบเท่า]
[อาณาเขตเต๋าปิดกั้นการสอดส่องทุกรูปแบบได้]
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น มองแจ้งเตือนตรงหน้า
ระดับเทพผู้สร้างอย่างนั้นหรือ
ยังมีระดับที่เหนือขึ้นไปจากระดับผู้สร้างมรรคาอีกหรือ
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาอดถามในใจไม่ได้ ‘ฟ้าบุพกาลในปัจจุบันนี้ มีตัวตนระดับเทพผู้สร้างหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยเก้าแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ขณะนี้ไม่มี]
หานเจวี๋ยโล่งอก
กล่าวเช่นนี้คือ เพดานสูงสุดของฟ้าบุพกาลก็คือผู้สร้างมรรคา และกล่าวได้ว่านับจากนี้เป็นต้นไป ไม่มีตัวตนใดสามารถบุกเข้ามาในอาณาเขตเต๋าของเขาได้แล้วกระมัง
หานเจวี๋ยปรีดาแทบคลั่ง
ความรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเอ่อท้นอยู่ในใจเขา
ไม่ได้!
เพื่อความปลอดภัย!
‘ข้าอยากทราบว่าฟ้าบุพกาลในปัจจุบันนี้มีตัวตนที่สามารถบุกเข้ามาในอาณาเขตเต๋าได้หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่มี]
‘อาณาเขตเต๋ามีความเป็นไปได้ที่จะถูกบุกทำลายหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[หากท่านถูกศัตรูควบคุม อาณาเขตเต๋าจะล่มสลายด้วยตัวเอง]
หานเจวี๋ยนิ่งงัน
พอลองคิดดูแล้ว มีความเป็นไปได้จริงๆ!
ไม่แน่ว่าตัวตนที่ลึกลับและแข็งแกร่งเหล่านั้นอาจจะอาศัยตอนที่เขาเผลอ ควบคุมจิตรับรู้ของเขา
ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!
หานเจวี๋ยเตือนตนให้จดจำจุดนี้ไว้ ต่อให้มีอาณาเขตเต๋าที่ป้องกันได้สมบูรณ์แบบ ก็ไม่อาจชะล่าใจได้
ถึงแม้อาณาเขตเต๋าจะยกระดับขึ้นอีกครั้ง แต่มีเพียงห้วงมิติภายในอาณาเขตเต๋าที่ขยายใหญ่ขึ้น ไม่ได้ครอบคลุมทั่วทั้งสวรรค์ หาไม่แล้วคงปกป้องทั้งมรรคาสวรรค์ได้โดยตรง
น่าเสียดาย
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หานเจวี๋ยก็มีความสุขยิ่ง
อีกห้าล้านปีให้หลัง ต่อให้สู้ขุนพลศักดิ์สิทธิ์หมื่นคนไม่ได้ หดหัวซ่อนตัวอยู่ที่นี่ก็ยังได้!
ถึงขั้นที่ว่าต่อให้ฐานะเทพมารอนธการของเขาถูกเปิดโปงก็ไม่เป็นไร!
อย่างมากผู้เฒ่าก็แค่หดหัวซ่อนตัวจนกว่าจะบรรลุระดับผู้สร้างมรรคาแล้วค่อยออกไปฆ่าศัตรูทั้งหมด
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตนไร้พ่ายแล้ว
จะหลงระเริงไม่ได้!
หานเจวี๋ยเปิดใช้แบบจำลองการทดสอบทันที ท้าสู้อริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งหมื่นคน
ถูกทุบตีอย่างน่าสังเวช
หลังจากหานเจวี๋ยสิ้นสุดการใช้แบบจำลองการทดสอบ แววตาแจ่มใสขึ้น ตัวคนก็สำรวมขึ้นเช่นกัน
ต้องขอบคุณอริยะเทพอวี๋เจี้ยน
………………………………………………………………