บทที่ 822 มุกวิญญาณล่องบรรพกาล ทำลายล้างสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยนึกถึงปรมาจารย์ลัญจกรสรวง พลังที่แท้จริงของตาเฒ่าคนนี้น่าหวาดหวั่นกว่าค่าตัวในฉากหน้าของเขา
ระวังไว้หน่อยดีกว่า
ถึงอย่างไรก็มีอายุขัยอยู่ตั้งมาก ไม่ต้องกลัวสิ้นเปลือง
หานเจวี๋ยเลือกดำเนินการต่อ
[ได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะพ่ายแพ้เช่นกัน]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
ยังแพ้ได้อีกหรือ
หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับยอดสมบัติของพรตเทพชิงเซียว
อีกทั้งหานเจวี๋ยไม่สามารถใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจจับพรตเทพชิงเซียวล่วงหน้าได้
เขาถอนหายใจคราหนึ่ง ทำได้เพียงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา
ถึงอย่างไรพรตเทพชิงเซียวก็แค่ทำร้ายนักพรตเต๋าเสินเผา คนนอกล้วนทราบกันดีว่านักพรตเต๋าเสินเผาเป็นศัตรูกับหานเจวี๋ย
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง เริ่มสาปแช่งพรตเทพชิงเซียว
ก่อนหน้านี้เขาทราบรูปร่างหน้าตาของพรตเทพชิงเซียวจากนักพรตเต๋าเสินเผาแล้ว เมื่อผนวกรวมเข้ากับตบะและชื่อแล้ว ก็สามารถสืบสาวถึงบ่วงกรรมอย่างแม่นยำได้
เขาทุ่มพลังแห่งคำสาปแช่งอย่างเต็มที่
ห้าวันผ่านไป
อายุขัยของหานเจวี๋ยเริ่มลดลง
ทว่าเขาเพิ่งเสียอายุขัยไปสิบล้านปี การสาปแช่งก็หยุดลงกลางคัน
เขาสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่า
หืม
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ถามในใจ ‘เหตุใดพรตเทพชิงเซียวถึงหลบเลี่ยงคำสาปของข้าได้’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
แพงขนาดนี้เชียว!
ดำเนินการต่อ!
[มุกวิญญาณล่องบรรพกาล: สุดยอดสมบัติแห่งมรรค หลบเร้นบ่วงกรรม ซ่อนดวงชะตา ดูดดึงวิญญาณ เดินทางท่องอดีตอย่างอิสระเสรีได้]
สุดยอดสมบัติแห่งมรรค!
เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยได้เห็นคนอื่นมีสุดยอดสมบัติในการครอบครอง
ไม่แปลกเลยที่คนผู้นี้จะโอหังถึงเพียงนั้น นักพรตเต๋าเสินเผาถึงได้ถูกสะกดข่มจนไร้ซึ่งพลังจะตอบโต้กลับ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำได้เพียงรอคอยให้พรตเทพชิงเซียวเป็นฝ่ายมาหาถึงที่เท่านั้น
พอถึงเวลาให้มหาอริยะสวีหุนออกไปสกัดต้านไว้ก่อนสักระยะหนึ่ง ส่วนเขาจะใช้แบบจำลองการทดสอบหาวิธีสังหารในเสี้ยววินาทีให้ได้ก่อนค่อยออกไปต่อสู้ตัดสิน
หานเจวี๋ยขจัดความไม่สบายใจเสี้ยวหนึ่งที่อยู่ในใจออกไป ฝึกบำเพ็ญต่อ
….
ท่ามกลางห้วงอวกาศอันเงียบสงัด พรตเทพชิงเซียวนำคณะผู้ติดตามหลายสิบคนเดินทางข้ามมิติมาที่นี่ ไม่มีผู้ใดส่งเสียงพูดคุยเลย เงียบสงัดอย่างยิ่ง
ทันใดนั้นเอง!
พรตเทพชิงเซียวหยุดชะงัก ผู้ติดตามด้านหลังก็เป็นเช่นเดียวกัน
ด้านหน้ามีร่างสองร่างปรากฏขึ้น หนึ่งในนั้นคือหวงจุนเทียน เขาอยู่เยื้องไปด้านหลังเล็กน้อย ด้านหน้าเขาคือคนชุดดำผู้หนึ่ง ร่างกายดั่งเปลวเพลิง มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง
พรตเทพชิงเซียวเอ่ยถาม “สหายเต๋าทั้งสองท่านมีธุระใดหรือ”
คนชุดดำเอ่ยเสียงเบา “เจ้าเอาชนะนักพรตเต๋าเสินเผาได้ พลังยอดเยี่ยม มาอยู่ในสังกัดของข้าเถอะ”
พรตเทพชิงเซียวขมวดคิ้ว เอ่ยถาม “แล้วพวกท่านเป็นผู้ใด”
คนชุดดำไม่พูดพร่ำทำเพลง ยื่นมืออกมาจากแขนเสื้อ ทันทีที่ยกมือขึ้น พายุสีดำไร้ขอบเขตก็กวาดม้วนเข้าไป ท่วมทับพวกพรตเทพชิงเซียว
หวงจุนเทียนตามหลังอยู่เงียบๆ อีกฝ่ายสามารถทำร้ายดวงจิตมหามรรคได้สบายๆ ไม่ใช่คนหลักลอยแน่นอน
….
พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกห้าหมื่นปีแล้ว
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ยืดตัวบิดขี้เกียจคราหนึ่ง
เวลาผ่านมานานขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าพรตเทพชิงเซียวจะยังไม่มาที่มรรคาสวรรค์
หรือว่าจะเปลี่ยนความคิดแล้ว
มีความเป็นไปได้สูง ถึงอย่างไรที่คนผู้นี้มาหาเรื่องเขา จุดประสงค์ก็เพื่อสร้างชื่อเสียง ตอนนี้คงสร้างชื่อได้แล้ว
หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูจดหมาย
ช่วงห้าหมื่นปีมานี้กลับไม่มีข่าวคราวที่คู่ควรพอจะได้รับความสนใจจากหานเจวี๋ยเป็นพิเศษเลย นับว่าสงบสุขดี เรื่องเดียวที่ทำให้เขานึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อยเกรงว่าคงเป็นเรื่องที่หานทั่วและอี๋เทียนกลายเป็นดวงจิตมหามรรคอย่างแท้จริง
บรรพชนมารลู่หยวนยังพอมีฝีมืออยู่บ้าง
ทีแรกหานเจวี๋ยคิดว่าคนผู้นี้ตั้งหน้าตั้งตาสู้รบเหมือนวังสวรรค์และมิ่ง ทว่ากลับมิใช่เช่นนั้น บรรพชนมารลู่หยวนเก็บตัวยิ่งนัก สะสมรวบรวมกำลังอยู่
สักวันหนึ่ง คนผู้นี้ต้องก่อกวนให้เกิดคลื่นมรสุมไปทั่วฟ้าบุพกาลแน่!
หานเจวี๋ยเริ่มลังเลขึ้นมา ไปเข้าฝันหานทั่วสอบถามดูหน่อยดีหรือไม่
ในเวลานี้เอง
“ข้าคือผู้นำเหล่าดวงจิตมหามรรค นับจากนี้ไป ทั่วทั้งฟ้าบุพกาล ทุกคนที่พิสูจน์มรรคผลเบิกฟ้าสำเร็จแล้วต้องไล่ล่าสังหารมิ่งร่วมกัน โดยจะได้รับดวงชะตามหามรรคเป็นรางวัล ต้องกำจัดมิ่งให้สิ้นซากภายในระยะเวลาหนึ่งล้านปี!”
น้ำเสียงทรงพลังสายหนึ่งแว่วดังขึ้น ขัดความคิดของหานเจวี๋ย
ผู้นำเหล่าดวงจิตมหามรรคอย่างนั้นหรือ เป็นใครกัน
วาจานี้เจาะจงไปที่ระดับอริยะขึ้นไปเช่นนั้นหรือ
จุ๊ๆ เสียงดังยิ่งนัก แต่ไม่ทราบเช่นกันว่าจะเรียกใช้งานได้สำเร็จหรือไม่
ถึงอย่างไรหานเจวี๋ยก็ไม่มีทางออกโรงอยู่แล้ว
เพียงแต่เขากลับเคร่งเครียดแทนปรมาจารย์ลัญจกรสรวง หลี่เต้าคง สือตู๋เต้าและหวงจุนเทียนขึ้นมา
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘ด้วยคำสั่งในครั้งนี้ของผู้นำเหล่าดวงจิตมหามรรค จะสามารถกำจัดมิ่งได้หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยเก้าแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่ได้]
ว่าแล้วเชียว
หานเจวี๋ยส่ายหน้า
เจ้าชะตาอันธการมีชีวิตรอดจากยุคปฐมฟ้าบุพกาลมาถึงวันนี้ได้ มิใช่เรื่องบังเอิญแน่ คิดจะกำจัดกลุ่มอิทธิพลของเขา จำเป็นต้องใช้พลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ลงมือ
[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว
คนผู้นี้ไม่ได้เข้าฝันเขามานานแล้ว คาดว่าคงมีเรื่องเป็นแน่
หานเจวี๋ยเลือกยอมรับ
ในแดนความฝัน ฉิวซีไหลเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “นายท่าน มีคนกำลังสอบถามถึงพลังวิเศษทำลายมรรคาขอรับ”
หานเจวี๋ยถาม “ภายในมรรคาสวรรค์หรือ”
ยามนี้มรรคาสวรรค์รุ่งเรืองอยู่ หากถูกคนใช้พลังวิเศษทำลายมรรคากวาดล้าง เช่นนั้นหานเจวี๋ยและเหล่าอริยชนต้องกระอักเลือดแน่
“มิใช่ขอรับ แต่เป็นในฟ้าบุพกาล ตอนนี้ข้าอยู่ที่ฟ้าบุพกาล ไม่นานมานี้บังเอิญพบตัวตนลึกลับรายหนึ่ง มาสอบถามข้าว่าใช้พลังวิเศษทำลายมรรคาได้หรือไม่”
“เจ้าตอบไปว่าอย่างไร”
“ข้าย่อมปฏิเสธไป ถึงแม้เขาจะไม่ได้ตามพัวพัน แต่ข้ายังคงเป็นกังวลอยู่บ้าง เกรงว่ามรรคาสวรรค์จะมีภัย พลังวิเศษทำลายมรรคาเจาะจงไปที่สิ่งชีวิตมรรคาสวรรค์เท่านั้น”
“ข้ารู้แล้ว ข้าจะคอยสังเกตการณ์เอง เจ้าระวังตัวให้มากหน่อย อย่าได้พลาดท่าคนอื่น”
“ทราบแล้วขอรับ’
เมื่อสิ้นสุดบทสนทนา แดนความฝันก็สิ้นสุดลง
หานเจวี๋ยทำนายดูทันที แต่ไม่สามารถทำนายด้วยตัวเองได้ แปลว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขา หรืออาจจะครอบครองยอดสมบัติ
‘ข้าอยากรู้ว่าเป็นผู้ใดที่มาสอบถามถึงพลังวิเศษทำลายมรรคาจากฉิวซีไหล’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยเจ็ดแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
เงาร่างหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของหานเจวี๋ย
เจ้าชะตาอันธการ!
เป็นเขา!
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ถามในใจ ‘เหตุใดเจ้าชะตาอันธการถึงสอบถามเรื่องพลังวิเศษทำลายมรรคา’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยเจ็ดแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
ไม่มีภาพลวงตาวิวัฒนาการ ทว่ามีข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ยแทน
[เขาอยากพัฒนาพลังวิเศษที่ทำลายสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลได้]
กล่าวอีกนัยคือ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับบ่วงกรรมอื่นใดเลย ทั้งหมดเป็นความคิดของเจ้าชะตาอันธการคนเดียว ดังนั้นจึงทำนายถึงสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้
หรือว่าคนผู้นี้จะถูกดวงจิตมหามรรคบีบคั้นจนร้อนใจแล้ว
ไม่สิ!
เป็นไปได้ว่าความคิดนี้ของเขาจะกระตุ้นโทสะของดวงจิตมหามรรคเข้า
ไม่ทราบเช่นกันว่าถูกดวงจิตมหามรรคจับสังเกตได้อย่างไร
หานเจวี๋ยตกอยู่ในห้วงความคิด
เจ้าชะตาอันธการบ้าคลั่งเช่นนี้ ควรตัดทิ้งดีหรือไม่
เลี่ยงไม่ให้มาทำร้ายศิษย์ของเขา
ที่ผ่านมาหานเจวี๋ยคิดจะใช้เจ้าชะตาอันธการมาต้านดวงจิตมหามรรคและเทพมารฟ้าบุพกาล ตอนนี้กลับเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น
‘อีกนานแค่ไหนกว่าเจ้าชะตาอันธการจะพัฒนาพลังวิเศษที่ทำลายล้างสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลได้’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยเจ็ดแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ต้องใช้เวลาประมาณสามร้อยล้านปี]
จำนวนตัวเลขนี้ดูเหมือนจะยาวนาน แต่เทียบกับมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่แล้วกลับรวดเร็วยิ่งนัก
ดูเหมือนเจ้าชะตาอันธการก็กำลังหาทางเปลี่ยนแปลงมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่อยู่
หากว่าสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลย่อยยับไป ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถสังหารเทพมารอนธการที่อยู่ระหว่างการฟูมฟักล่วงหน้าได้
เช่นนั้นก็รอไปก่อน
หานเจวี๋ยคิดจะรอให้มิ่งและดวงจิตมหามรรคบาดเจ็บเสียหายกันทั้งสองฝ่ายแล้วค่อยจัดการเจ้าชะตาการอันธการอย่างเงียบเชียบ
หากเขาสาปแช่งเจ้าชะตาอันธการตายไปตอนนี้ มิ่งจะกลายเป็นมังกรไร้หัว พวกหลี่เต้าคงจะตกที่นั่งลำบาก
ช้าก่อน!
ในอนาคตคนผู้นี้จะค้นพบยอดสมบัติหลบเลี่ยงคำสาปเข้าหรือไม่
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วอีกครั้ง
รอไม่ได้แล้ว
กำจัดเสียแต่เนิ่นๆ เถอะ!
หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่ง
………………………………………………………………