ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 843 ศักยภาพที่แท้จริง ระเบิดพลัง!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 843 ศักยภาพที่แท้จริง ระเบิดพลัง!

“ไม่ทราบเช่นกันว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์จะยังอยู่หรือไม่”

โม่ฟู่โฉวพูดกับตัวเอง โจวฝานได้ยินก็กลอกตา

แต่ก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน สำหรับโจวฝาน เขาใช้ชีวิตมากว่าสามล้านปีแล้ว แต่สำหรับโม่ฟู่โฉว กาลเวลาหยุดนิ่งไปสองล้านปี อีกทั้งหลังจากฟื้นคืนชีพโม่ฟู่โฉวปิดด่านฝึกบำเพ็ญมาตลอด ในด้านของสภาพจิตใจไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับโจวฝานได้เลย

โจวฝานเอ่ยว่า “น่าจะยังอยู่ ข้าเคยได้ยินศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นเอ่ยถึง สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ตั้งอยู่ในโลกเขย่าพิภพอันเป็นโลกมนุษย์อันดับที่สองของมรรคาสวรรค์ อีกทั้งสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็เป็นสำนักอันดับหนึ่งของโลกเขย่าพิภพ”

โม่ฟู่โฉวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ เห็นทีว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ของพวกเราจะเป็นสำนักดวงชะตายิ่งใหญ่จริงๆ”

โจวฝานเบะปาก สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ร้ายกาจเสียที่ไหน อาศัยบารมีของหานเจวี๋ยชัดๆ

แต่เขาก็ไม่กล้าเหยียดหยาม ถึงอย่างไรเขาก็พึ่งพาบารมีของหานเจวี๋ยเช่นกัน

ทั้งสองคุยเล่นกันไปพลางรอคอยให้เจดีย์มรรคายิ่งใหญ่ไปถึงมรรคาสวรรค์

ณ ชายขอบมรรคาสวรรค์ ฟางเหลียงมารอแล้ว รับผิดชอบดูแลเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่

ถึงอย่างไรเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่ก็พาผู้บำเพ็ญมาด้วยมากมาย จำเป็นต้องจัดการให้ดี มิเช่นนั้นจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกได้ง่ายๆ

การมาถึงของเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่สร้างความสั่นสะเทือนมหาศาลให้แก่มรรคาสวรรค์

ข่าวที่ว่าโจวฝานเป็นศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นแพร่กระจายออกไป ทำให้ผู้บำเพ็ญมรรคาสวรรค์ประจักษ์ถึงรากฐานของสำนักซ่อนเร้น

สำนักซ่อนเร้นเป็นกลุ่มอิทธิพลใหญ่ของแดนเซียนมาโดยตลอด แต่เก็บตัวยิ่งนัก น้อยมากที่จะออกมาช่วงชิงดวงชะตา โดยทั่วไปแล้วเหล่าผู้บำเพ็ญจึงยากที่จะนึกถึงสำนักซ่อนเร้นขึ้นมา

เป็นเพราะเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่ สรรพสิ่งจึงเริ่มขุดคุ้ยข้อมูลของสำนักซ่อนเร้นขึ้นมา ยิ่งทราบก็ยิ่งตกตะลึง

….

เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า

ผ่านไปสี่หมื่นปี

ในวันนี้ แจ้งเตือนแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ผสานรวมสำเร็จ กระบี่พิพากษาอนธการยกระดับเป็นสมบัติเลิศมรรคา]

หานเจวี๋ยค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย

เขานึกว่ากระบี่พิพากษาอนธการจะกลายเป็นสุดยอดสมบัติได้

พอคิดดูให้ดี ก็คงเป็นไปไม่ได้ นอกจากขวานเบิกฟ้าแล้ว ระดับของสมบัติวิเศษชิ้นอื่นล้วนไม่ควรค่าพอ

หานเจวี๋ยนำกระบี่พิพากษาอนธการออกมา วินาทีนั้น ลำแสงสีม่วงแดงสาดส่องออกมา ทำให้ทั่วทั้งอารามเต๋ามืดมน จิตสังหารขั้นสุดยอดสายหนึ่งแผ่ซ่านออกมา

หานเจวี๋ยรีบใช้พลังยอดมหามรรคควบคุมเอาไว้

เดิมทีกระบี่พิพากษาอนธการก็เป็นสมบัติวิเศษคู่ชีพของเขาอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้จดจำเจ้าของเลย

หานเจวี๋ยเริ่มเชื่อมต่อกับพลังของกระบี่พิพากษาอนธการ ผสานเจตจำนงเข้ากับกระบี่

กระบี่พิพากษาอนธการต่างไปจากขวานเบิกฟ้า เมื่อถือไว้ในมือหานเจวี๋ยรับรู้ได้ถึงความใกล้ชิดสนิทสนม กระตุ้นพลังงานทั้งหมดที่แฝงอยู่ในตัวกระบี่ออกมาได้สบายๆ!

ใบกระบี่ของกระบี่พิพากษาอนธการเป็นสีแดง ใหญ่เท่าฝ่ามือ ยาวครึ่งจั้ง ทว่าตัวกระบี่กลับแผ่แสงสีม่วงจางๆ ออกมา ขับเน้นเสริมส่งกันและกัน ลึกลับอย่างยิ่ง

ผ่านไปนานพักใหญ่

หลังจากหานเจวี๋ยทำความคุ้นเคยกับกระบี่พิพากษาอนธการเสร็จสมบูรณ์ เขาเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งแสนคน!

หานเจวี๋ยผสานร่างจำลองเทพมารหนึ่งพันเก้าร้อยสี่สิบเก้าร่างเข้ากับร่างตน สำแดงโทสะเทพอนธการ ฟันกระบี่ออกไป

สังหารได้ทั้งหมด!

หานเจวี๋ยปรีดายิ่ง

กระบี่พิพากษาอนธการร้ายกาจกว่าขวานเบิกฟ้าก่อนหน้านี้เสียอีก!

นอกจากไอสังหารจากขวานเบิกฟ้าแล้ว ยังมีพลังอนธการเพิ่มเข้ามาด้วย เมื่อผสานรวมเข้าด้วยกัน จะแสดงศักยภาพที่แท้จริงของสมบัติเลิศมรรคาออกมา

หลังจากเปลี่ยนมาใช้กระบี่พิพากษาอนธการรุ่นล่าสุดแล้ว พลังของหานเจวี๋ยก็ก้าวกระโดดขึ้นอย่างฉับพลัน

ที่แท้ สมบัติวิเศษก็สำคัญมากเช่นกัน!

ผานกู่ที่มีขวานเบิกฟ้าสู้กับเทพมารสามพันตนได้!

ผานกู่ที่ไม่มีขวานเบิกฟ้าต่อสู้กับเทพมารหลายสิบตนก็เต็มกลืนแล้ว!

แน่นอนว่านี่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับตบะของตัวผานกู่ด้วย

หานเจวี๋ยเริ่มเพิ่มจำนวนของอริยะเทพอวี๋เจี้ยน

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสองแสนคน!

จากนั้น หานเจวี๋ยรับรู้ถึงแรงกดดันมหาศาล เป็นแรงกดดันขนาดที่ทำให้หายใจไม่ออก

บากบั่นสู้อยู่นาน เขาถึงสามารถสังหารอริยะเทพอวี๋เจี้ยนสองแสนคนได้หมด

เขาขมวดคิ้วแน่น

ยังอยู่ห่างจากคำว่าไร้พ่ายอีกไกลนัก!

ถึงอย่างไรเขาก็มีระดับสูงกว่าหนึ่งระดับ เผชิญหน้ากับอริยะเทพอวี๋เจี้ยน ก็ยังมิใช่มาเท่าไรก็สังหารได้เท่านั้น

หานเจวี๋ยถอนหายใจ จากนั้นจึงลืมตาขึ้น

ทันใดนั้นเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสายหนึ่ง

กลิ่นอายของอริยะเทพอวี๋เจี้ยน!

เวลานี้อริยะเทพอวี๋เจี้ยนอยู่ที่เจดีย์มรรคายิ่งใหญ่

คนผู้นี้มาตั้งแต่เมื่อไร

หานเจวี๋ยตื่นตัวขึ้นมา ไม่น่าเชื่อเลยว่าตนจะประมาทไปเสียแล้ว

เขาใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจจับอริยะเทพอวี๋เจี้ยนทันที ทำการคัดลอกใหม่

จากนั้นก็เริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบอีกครั้ง

ท้าสู้อริยะเทพอวี๋เจี้ยนในระดับยอดมหามรรค สังหารได้ในเสี้ยววินาที!

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งร้อยคน สังหารได้ในเสี้ยววินาที!

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งพันคน ใช้เวลาสิบลมหายใจ

หานเจวี๋ยยังคงท้าสู้ต่อไป ผ่านไปหลายครั้ง ในที่สุดก็หาวิธีสังหารอริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งพันคนในเสี้ยววินาทีได้

เขาเพิ่มจำนวนอริยะเทพอวี๋เจี้ยนขึ้นมารวดเดียวหนึ่งหมื่นคน

การต่อสู้กลายเป็นลำบากยากเย็น

หานเจวี๋ยพบว่าอริยะเทพอวี๋เจี้ยนต่างไปจากในอดีต แข็งแกร่งขึ้นมากจริงๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

อาจเป็นเพราะอริยะเทพอวี๋เจี้ยนในอดีตเดิมทีก็เคยพิสูจน์ยอดมหามรรคแล้ว ถึงมีตบะระดับเบิกฟ้ามหามรรคระยะสมบูรณ์ก็ยังสำแดงพลังในระดับยอดมหามรรคออกมาได้ครึ่งหนึ่ง

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเคยบอกไว้ว่า เขาสามารถต่อกรกับขุนพลศักดิ์สิทธิ์หนึ่งร้อยคนได้

กล่าวอีกนัยคือ หานเจวี๋ยสามารถสังหารขุนพลศักดิ์สิทธิ์ได้หนึ่งล้านคนอย่างนั้นหรือ

เมื่อเป็นเช่นนี้ ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงเลย

แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่อริยะเทพจะแค่คุยโม้ไปเท่านั้น

หานเจวี๋ยใคร่ครวญอย่างละเอียด เหตุผลที่เขาแข็งแกร่งกว่ายอดมหามรรคในระดับเดียวกันมากถึงเพียงนั้น ต้องขอบคุณร่างจำลองเสรีสุญญตาและกายดาราอนธการ ร่างจำลองเสรีสุญญตาเท่ากับทำให้เขามีผู้ช่วยเพิ่มขึ้นมาเกือบสองพันคน ซ้ำยังผสานรวมเข้าสู่ร่างได้ด้วย เท่ากับสามารถเพิ่มพลังขึ้นสองพันเท่าในระหว่างต่อสู้ได้!

แน่นอน หากเปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญคนอื่น คงไม่สามารถรองรับร่างจำลองเสรีสุญญตาสองพันร่างได้ เนื่องจากมหามรรคต่อต้านกันเอง แค่ให้พวกเขาฝึกฝนพลังแห่งมหามรรคสักร่างก็นับว่ายากลำบากแล้ว

อริยะเจ็ดวิถีก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง ครอบครองมหามรรคไว้ถึงเจ็ดวิถี

หานเจวี๋ยนึกถึงอริยะเจ็ดวิถีขึ้นมา จู่ๆ ก็รู้สึกว่าอริยะเจ็ดวิถีอาจจะเป็นผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่ หากไม่บังเอิญพบเขาเข้า ด้วยฝีมือและคุณสมบัติของอริยะเจ็ดวิถี อาจจะเติบโตจนกลายเป็นตัวตนเช่นเหล่าจื่อ ถึงขั้นที่อาจจะแข็งแกร่งกว่านั้น

แต่น่าเสียดาย ใครใช้ให้เขารนหาที่ตายเล่า เอาแต่สร้างความเดือดร้อนให้หานเจวี๋ย

พอคิดจบ หานเจวี๋ยเก็บกระบี่พิพากษาอนธการ ลุกขึ้นมา มุ่งหน้าไปพบอริยะเทพอวี๋เจี้ยน

ถึงเขายืนเฉยๆ ให้อริยะเทพอวี๋เจี้ยนลอบโจมตี ก็ไม่มีทางตายอยู่ดี

ส่วนเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลจะลงมือหรือไม่ หานเจวี๋ยไม่กังวลเลย เขาสอดส่องได้ทั่วฟ้าบุพกาล ถ้ากฎระเบียบสูงสุดเจ็ดวิถีและมหามรรคสามพันวิถีปรากฏระลอกคลื่น เขาจะสังเกตเห็นเป็นอันดับแรก

นอกจากนี้ เขาได้ทิ้งเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งไว้ในอารามเต๋า ต่อให้สิ้นชีพ ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นในอารามเต๋าได้ทันที

ปลอดภัยที่สุด!

เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ!

ณ ชั้นบนสุดของเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่艾琳小說

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนลอยตัวอยู่เหนือศีรษะโจวฝาน จับตามองโจวฝานที่กำลังทำความเข้าใจเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่อยู่

โจวฝานที่เป็นอริยะเสรีแล้วไม่สังเกตเห็นอริยะเทพอวี๋เจี้ยนที่อยู่เหนือศีรษะเลย

ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันไม่ถึงห้าจั้ง อยู่ใกล้กันแค่นี้ ทว่าโจวฝานกลับจับสัมผัสไม่ได้ เพียงพอจะแสดงให้เห็นถึงความห่างชั้นระหว่างยอดมหามรรคและอริยะเสรี

หานเจวี๋ยพลันปรากฏตัวขึ้นด้านหลังโจวฝาน แค่นเสียงเอ่ย “แอบมองถือว่าเสียมารยาท ไม่เคยได้ยินหรือ”

โจวฝานลืมตาขึ้น รีบหันหลังกลับมา ทำความเคารพหานเจวี๋ย

“อาจารย์ แอบมองเสียมารยาทอันใดหรือขอรับ” โจวฝานถามด้วยความระมัดระวัง

ที่นี่คืออาณาเขตของเขา มีอะไรที่มองแล้วเสียมารยาทกัน

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเพียงสนใจใคร่รู้ในเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่เท่านั้น นึกถึงอดีตครานั้น ข้าและอริยะเจ็ดวิถีก็มีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกัน”

โจวฝานเงยหน้าขึ้นในทันใด ตกใจจนตัวสั่นไปหมด

ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนอยู่เหนือหัวเขา!

โจวฝานพลันเปี่ยมด้วยความหวาดผวา

อีกฝ่ายมาตั้งแต่ตอนไหน

ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะไม่สังเกตเห็นเลยสักนิด!

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนร่อนลงมา มองไปที่หานเจวี๋ย เอ่ยว่า “ข้ามองเจ้าไม่กระจ่าง ดูเหมือนข้าจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า”

น้ำเสียงของเขาดูสนอกสนใจลึกซึ้ง ทว่าหานเจวี๋ยกลับจับร่องรอยความไม่พอใจในนั้นได้

เจ้าไหนเลยจะสู้ข้าได้!

ตัวเจ้าหนึ่งหมื่นคนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเลย!

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท