บทที่ 862 สาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง สามล้าน
หลิวเป้ยเริ่มเทศนาธรรมให้บุปผาขาวที่อยู่เบื้องหน้า โดยไม่สนใจว่าบุปผาขาวจะสดับธรรมเป็นหรือไม่
เขตพื้นที่ส่วนใหญ่ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามยังคงรกร้างกันดาร มีเพียงบริเวณใต้ต้นไม้ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้า
เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า
เวลาผ่านไปแปดหมื่นเก้าพันปีเต็ม หนังสือแห่งความโชคร้ายถึงยกระดับสำเร็จ
จากยอดสมบัติมหามรรคยกระดับเป็นสมบัติเลิศมรรคา
ยอดสมบัติมหามรรคก็คือยอดสมบัติฟ้าบุพกาล ระดับมหามรรคก็คือระดับฟ้าบุพกาล ดังนั้นการที่หนังสือแห่งความโชคร้ายไม่กลายเป็นยอดสมบัติฟ้าบุพกาล อาจเป็นเพราะตัวมันมีความเกี่ยวข้องกับมหามรรค
หลังจากยกระดับสำเร็จ หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา แสงทมิฬแผ่ออกมาส่องกระทบใบหน้าของเขา
หนังสือแห่งความโชคร้ายผสานพลังคำสาปแช่งอันน่าหวาดหวั่น ทำให้หนังสือหนักอึ้งขึ้นมา ไอหนาวเหน็บนั้น แม้แต่ยอดมหามรรคอย่างเขาสัมผัสแล้วก็ยังสะท้านใจ
เขาชุบเลี้ยงตัวประหลาดอันใดขึ้นมา
จิตใจหานเจวี๋ยกระวนกระวายอยู่บ้าง
‘หนังสือแห่งความโชคร้ายจะแว้งกัดข้าหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ขณะนี้ยังไม่ปรากฏ]
เช่นนั้นก็ดี
ดูเหมือนการยกระดับครั้งต่อไปต้องระวังไว้สักหน่อยแล้ว
หานเจวี๋ยสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ถือหนังสือแห่งความโชคร้ายไว้ เริ่มสาปแช่งบรรพชนเทพปฐมกาล
ได้ผล!
ครั้งนี้ ในที่สุดก็สามารถสาปแช่งบรรพชนเทพปฐมกาลได้!
ร่างกายหานเจวี๋ยสั่นสะท้าน ทุ่มพลังทั้งหมดสาปแช่งทันที
พลังคำสาปอันคลุ้มคลั่งราวกับคลื่นสมุทรโหมแปรปรวน ซัดโถมเข้าใส่บรรพชนเทพปฐมกาลอย่างไม่หยุดยั้ง
ในเวลาเดียวกันนี้
บนท้องนภาส่องสว่างแห่งหนึ่ง แท่นศิลาทรงกลมหลายแท่นแขวนลอยอยู่ บนแท่นศิลาแท่นหนึ่งที่อยู่สูงสุด เงาร่างหนึ่งที่มีแสงเทพแผ่ออกมานั่งสมาธิอยู่ รอบกายมีเงามายาของสัตว์แปลกประหลาดสารพัดชนิดวิ่งวนเวียน มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง
บรรพชนเทพปฐมกาล!
ทันใดนั้นเขาพลันลืมตาขึ้น แสงเทพไม่อาจซ่อนเร้นดวงตาเย็นชาคู่นั้นของเขาไว้ได้ ราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่งบนโลกได้
‘เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ…’
บรรพชนเทพปฐมกาลสบถนามหนึ่งอยู่ในใจ
จิตใจเขาค่อนข้างตื่นตระหนก
เขาเพิ่งเคยเผชิญกับคำสาปแช่งเป็นครั้งแรก ต้องทราบก่อนว่านับตั้งแต่เขากลายเป็นเทพแห่งฟ้าบุพกาล ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากคำสาปแห่งบ่วงกรรมอีก
สรุปแล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่艾琳小說
เมื่อนึกถึงเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เขานึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมาตามสัญชาตญาณ
มีความเป็นไปได้สูงว่าหานเจวี๋ยก็คือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็เคยพิฆาตสองหมื่นขุนพลศักดิ์สิทธิ์ได้ภายในกระบี่เดียว
จนปัญญาที่หานเจวี๋ยซ่อนตัวอยู่ในอาณาเขตเต๋าตลอด แม้แต่ผู้นำดวงจิตอย่างเขาก็ไม่สามารถสอดส่องอาณาเขตเต๋าของหานเจวี๋ยได้
หากว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ใช่หานเจวี๋ยเล่า
จู่ๆ บรรพชนเทพปฐมกาลก็นึกถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ขึ้นมา
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการลึกลับเหลือเกิน ไม่สามารถทำนายถึงได้เลย แต่ยามที่หานเจวี๋ยออกจากอาณาเขตเต๋า เขาสามารถทำนายถึงได้ ทั้งยังทราบถึงอดีตของหานเจวี๋ย
นอกจากช่วงเวลาที่หานเจวี๋ยซ่อนตัวอยู่ในอาณาเขตเต๋าแล้ว ช่วงที่หานเจวี๋ยอยู่ด้านนอกก็ไม่เคยสาปแช่งผู้ใดเลยจริงๆ
แต่ถ้าไม่ใช่หานเจวี๋ย แล้วจะเป็นผู้ได้ไปได้
บรรพชนมาร?
เจ้าชะตา?
หรือว่าบรรพชนเต๋าที่เลื่อนลอยสาบสูญ?
บรรพชนเทพปฐมกาลต้านทานพลังคำสาปแช่งพลางวิเคราะห์ไปด้วย
จิตใจเขากระสับกระส่าย
นับตั้งแต่บรรพชนเต๋าหายตัวไป เขาก็ค่อยๆ สูญเสียอำนาจควบคุมฟ้าบุพกาล
บรรพชนเทพปฐมกาลคิดไม่ออก รู้สึกเพียงว่าในความมืดมิดยังมีตัวตนอื่นที่กำลังวางแผนสั่นคลอนฟ้าบุพกาลอยู่
ถึงแม้เขาจะมีฐานะเป็นผู้นำดวงจิต แต่ยิ่งยืนอยู่สูงเท่าไร สิ่งที่หวาดกลัวก็มีมากขึ้นเท่านั้น อย่างน้อยเขาก็ทราบดีว่ามีตัวตนที่อยู่เหนือกว่ายอดมหามรรค ทั้งยังมีตัวตนที่น่าหวาดหวั่นอีกอย่างด้วย เพียงแต่ไม่ได้อยู่ในฟ้าบุพกาลเท่านั้น
สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปวันแล้ววันเล่า
บรรพชนเทพปฐมกาลต้านทานพลังคำสาปแช่งได้ ดังนั้นจึงไม่ได้ตระหนกลนลานเช่นกัน
ทว่าในอีกห้าวันต่อมา พลังคำสาปแช่งกลับทวีความรุนแรงขึ้น!
บรรพชนเทพปฐมกาลตกตะลึงยิ่ง รีบทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อต้านทาน แต่พลังคำสาปแช่งกลับทวีความรุนแรงขึ้นอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ แกร่งกล้ากว่าที่ผ่านมาเป็นพันเท่า หมื่นเท่า!
“เป็นไปได้อย่างไร! นี่มันพลังอะไรกัน”
เกิดคลื่นถาโถมปั่นป่วนอยู่ในใจบรรพชนเทพปฐมกาล
….
ภายในอารามเต๋า
หานเจวี๋ยทุ่มพลังสาปแช่ง ไอทมิฬแปลกประหลาดสายแล้วสายเล่าแผ่ออกมาจากหนังสือแห่งความโชคร้าย ก่อตัวเป็นหมอกหนาปกคลุมภายในอาราม
เขาจ้องมองอายุขัยของตน พลางเรียกกล่องจดหมายออกมา เพื่อให้ตรวจสอบสถานการณ์ได้ทุกเมื่อ
อายุขัยของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว
หนึ่งหมื่นล้านปี!
หนึ่งแสนล้านปี!
หนึ่งล้านล้านปี!
สิบล้านล้านปี!
หานเจวี๋ยเตรียมใจมาพร้อมหลั่งเลือดมหาศาลแล้ว ในเมื่อจะสาปแช่งทั้งที เช่นนั้นก็ต้องแช่งจนบรรพชนเทพปฐมกาลอเนจอนาถไปในคราวเดียว
อายุขัยลดลงอย่างต่อเนื่อง!
ผ่านไปพักใหญ่ อายขัยหานเจวี๋ยลดลงไปหนึ่งล้านล้านล้านปีแล้ว!
[บรรพชนเทพปฐมกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านมหามรรคได้รับความเสียหาย เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
แค่ได้รับความเสียหายเช่นนั้นหรือ
หานเจวี๋ยสาปแช่งต่อไป
ไม่ได้ต้องการสาปแช่งบรรพชนเทพปฐมกาลจนถึงตาย แต่อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ไม่ให้โอกาสเขาได้ผสานรวมกับขุนพลศักดิ์สิทธิ์
ในเวลานี้เอง จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รับรู้ถึงบางสิ่งได้
เขาสาปแช่งพลางทอดสายตามองออกไปยังฟ้าบุพกาล
มีคนพิสูจน์ยอดมหามรรค!
มีเพียงยอดมหามรรคด้วยกันที่รับรู้ได้
เหนือมหามรรคสามพันวิถี มีเจตจำนงสายหนึ่งกำลังก้มมองฟ้าบุพกาล เช่นเดียวกับหานเจวี๋ยในตอนนั้น เพียงแต่หานเจวี๋ยก็มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาเช่นกัน
หานเจวี๋ยไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ไม่ได้ไประรานอีกฝ่าย ทุ่มสมาธิไปกับการสาปแช่ง!
ระดับยอดมหามรรคในระยะแรกเริ่มไม่อยู่ในสายตาของเขาแล้ว
หานเจวี๋ยตัดสินใจกับตัวเองว่า จะอุทิศอายุขัยให้บรรพชนเทพปฐมกาลสักสามล้าน
ไม่ใช่สามร้อยล้านปี!
แต่เป็นสามล้านล้านล้านปี
แววตาของหานเจวี๋ยอำมหิตยิ่งกว่าเดิม
ไม่นานนักอายุขัยของเขาลดลงไปพันล้านล้านปี แม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังไม่ได้รับจดหมายแจ้งเตือนฉบับที่สอง
บรรพชนเทพปฐมกาลก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง!
ผ่านกัดฟันยืนหยัดต่อไป
สองพันล้านล้านปี!
สามพันล้านล้านปี!
สี่พันล้านล้านปี!
[บรรพชนเทพปฐมกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่าน มหามรรคปรากฏรอยแตกร้าว มรรคจิตได้รับความเสียหาย เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
ทำต่อไป!
ห้าพันล้านล้านปี!
[บรรพชนเทพปฐมกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่าน พลังมรรคถดถอย พลังยอดมหามรรคปั่นป่วน เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
ยังไม่พอ!
ดวงตาหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยเส้ยเลือดฝอยแล้ว
ไม่ใช่เพราะต้องแบกรับภาระทางร่างกาย แต่เป็นเพราะเขาทำลายสถิติการผลาญอายุขัยของตนใหม่อีกครั้ง
หกพันล้านล้านปี!
เจ็ดพันล้านล้านปี!
[บรรพชนเทพปฐมกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านมรรคจิตปรากฏจิตมาร เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
[บรรพชนเทพปฐมกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านทำลายจิตมาร ทำความเข้าใจระเบียบสูงสุด พลังมรรเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
สมกับเป็นเจ้า!
เช่นนั้นก็ต่อกันเถอะ!
หานเจวี๋ยไม่ลนลานเลยสักนิด ทั้งยังไม่ถึงจำนวนตัวเลขอายุขัยขั้นต่ำที่ตนเตรียมใจไว้เลย
แปดพันล้านล้านปี!
เก้าพันล้านล้านปี!
[บรรพชนเทพปฐมกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านมรรคจิตได้รับความเสียหาย เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
[บรรพชนเทพปฐมกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านเผชิญแรงสะท้อนกลับจากขุนพลศักดิ์สิทธิ์]
[บรรพชนเทพปฐมกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านใช่เจตจำนงฟื้นฟูกายเนื้อและตบะ]
ฮ่าๆ!
มาดูกันว่าผู้ใดจะล่ำซำกว่า!
หนังสือแห่งความโชคร้ายสั่นไหวนิดๆ ไอดำแปลกประหลาดพัวพันรอบตัวหานเจวี๋ย
หมื่นล้านล้านปี!
หานเจวี๋ยอดทนสาปแช่งต่อไป
ในเวลาเดียวกันนี้
ณ ชายขอบฟ้าบุพกาล ท่ามกลางความมืดสนิทปรากฏปราณกลุ่มหนึ่งขึ้น
ปราณกลุ่มนี้ก่อตัวเป็นเงาร่างหนึ่งอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ ก้าวออกมาจากความมืดมิด เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ ใต้เสื้อคลุมสวมชุดเกราะสีดำเปื้อนเลือดไว้ เกศาดำทั่วศีรษะปลิวไสว ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา สองเนตรขาวซีด ไร้ซึ่งแก้วตาดำ
“ผู้นำดวงจิตมหามรรค มรรถวิถีของเจ้าปั่นป่วนแล้ว ไม่คิดเลยว่าเจ้าก็มีวันนี้เช่นกัน”
คนชุดดำนัยน์ตาขาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน เดินมุ่งไปยังฟ้าบุพกาลทีละก้าวๆ ทุกอย่างก้าวข้ามผ่านอาณาเขตฟ้าบุพกาลอันกว้างใหญ่ไพศาล พร้อมกับเข้าใกล้มหามรรคสามพันวิถีไปเรื่อยๆ
….
หนึ่งหมื่นสามพันล้านล้านปี!
[บรรพชนเทพปฐมกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่าน พลังมรรคระเบิดตัว กายเนื้อมอดมลาย เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
[บรรพชนเทพปฐมกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านกระตุ้นพลังแห่งมหามรรค ฟื้นฟูกายเนื้อและตบะ]
[บรรพชนเทพปฐมกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านเผชิญการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว
เป็นทูตสวรรค์ตัวน้อยจากไหนกันที่มาโจมตีบรรพชนเทพปฐมกาล
ทำได้ดีมาก!
หานเจวี๋ยฮึกเหิมยิ่งกว่าเดิม สาปแช่งต่อไป
หนึ่งหมื่นสี่พันล้านล้านปี!
หนึ่งหมื่นห้าพันล้านล้านปี!
[บรรพชนเทพปฐมกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่าน ต้นกำเนิดวิญญาณได้รับความเสียหาย เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
………………………………………………………………