บทที่ 884 เปลี่ยนนิสัย หลักศิลาลึกลับ
หานเจวี๋ยพูดจาตามสบายยิ่ง แต่เมื่อเข้าหูเหล่าอริยะกลับเปี่ยมด้วยความเผด็จการ
นี่ก็คืออริยะสวรรค์เกรียงไกร ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น!
จอมอริยะเสวียนตูยิ้มออกมา เอ่ยว่า “ข้าย่อมไม่เกรงกลัว ทางโลกอริยะไตรวิสุทธิ์เทพสูงสุดหยวนสื่อเป็นผู้ปกครอง ส่วนเหล่าจื่อท่านอาจารย์ของข้าปิดด่านอยู่เสมอ หากว่าบีบคั้นจนเขาออกโรงจริง ข้ายังคงเลือกมรรคาสวรรค์”
หานเจวี๋ยพยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่ได้พูดมากอีก
จากนั้น จอมอริยะเสวียนตูชี้แจงเรื่องราวบางอย่างต่อ หลังจากเหล่าอริยะหารือกันเสร็จสิ้น บรรดาอริยะถึงได้แยกย้ายกันไป
หานเจวี๋ยลุกขึ้น หานชิงเอ๋อร์รีบตามหลังเขา
หลงเฮ่า จี้เซียนเสิน ฟางเหลียง หานอวี้และฉินหลิง เหล่าอริยะจากสำนักซ่อนเร้นพากันล้อมวงเข้ามา พวกเขาเริ่มทักทายสร้างสัมพันธ์กับหานชิงเอ๋อร์
หานชิงเอ๋อร์ได้รับความเอ็นดูก็ตกใจอยู่บ้าง ไม่คิดเลยว่าในหมู่อริยะจะมีศิษย์พี่ ศิษย์หลานถึงขั้นที่มีศิษย์เหลนมากมายขนาดนี้
หานเจวี๋ยแค่นเสียง “วันหน้านางจะออกท่องมรรคาสวรรค์ อย่าปล่อยให้นางได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย มิเช่นนั้นข้าจะเอาเรื่องกับพวกเจ้า ต้องโดนกันถ้วนหน้า”
อริยะคนอื่นๆ ยังไม่ได้ออกจากตำหนักเอกภพ ล้วนได้ยินคำพูดของหานเจวี๋ยเช่นกัน สีหน้าพวกเขาอึมครึมลง ล้วนจดจำประโยคนี้เอาไว้ ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
พวกเขาไม่ใช่คนโง่ ทราบว่าหานเจวี๋ยกำลังสั่งพวกเขาเช่นกัน
“ท่านพ่อ ข้าเป็นครึ่งอริยะ ในแดนเซียนจะมีผู้ใดทำร้ายข้าได้เจ้าคะ” หานชิงเอ๋อร์ไม่ยอม เอ่ยอย่างแง่งอน ทว่าในใจกลับเป็นสุข นานมากแล้วที่นางไม่ได้รับรู้ถึงความรักเช่นนี้จากบิดา ทำให้นางทั้งตื้นตันและละอายใจ
นึกถึงก่อนหน้านี้ที่ตนพาลใส่ท่านพ่อ นางละอายใจยิ่ง
หานเจวี๋ยยิ้มออกมา ไม่ได้เอ่ยตอบ
เหล่าศิษย์ต่างรับประกันเป็นมั่นเหมาะ
หงหยวนบิดเอวอ้อนแอ้น เดินมาหยุดตรงหน้าหานชิงเอ๋อร์ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อริยะสวรรค์ มิสู้ยกบุตรสาวของท่านให้เป็นศิษย์ข้าเถิด ข้าจะถ่ายทอดวิชาเวททั้งหมดให้แน่นอน”
เมื่อนางเอ่ยประโยคนี้ออกมา สีหน้าของเหล่าอริยะที่อยากรับตัวหานชิงเอ๋อร์เป็นศิษย์แปรเปลี่ยนไปทันที ทว่าไม่กล้ายื้อแย่ง
ถึงอย่างไรหงหยวนก็เป็นอริยะมหามรรค พวกเขาร่วมมือกันก็ยังไม่มีความสามารถพอจะสะกดมือสักข้างของหงหยวนได้
หานชิงเอ๋อร์ถูกความงามและบุคลิกของหงหยวนทำให้ตกตะลึง นางรับรู้ได้ถึงภัยคุกคามตามสัญชาตญาณ ไม่ใช่คุกคามนาง แต่เป็นมารดานาง
นางมองหานเจวี๋ยตามสัญชาตญาณ
สีหน้าหานเจวี๋ยไม่แปรเปลี่ยน เอ่ยว่า “ขึ้นอยู่กับความเห็นของสาวน้อยคนนี้”
หานชิงเอ๋อร์กล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้าจะยังไม่ไปแดนเซียน ข้าวางแผนว่าจะฝึกบำเพ็ญอยู่กับท่านสักล้านปี แล้วค่อยออกไปหาประสบการณ์ด้านนอก”
หานเจวี๋ยมองนางอย่างแปลกใจ มองเห็นเพียงสีหน้าจริงจังของนาง
เขานึกชื่นชมในใจ ดูเหมือนฉากก่อนหน้านี้จะทำให้นางเข้าใจหลักเหตุผลแล้ว
หานเจวี๋ยโบกแขนเสื้อ พาหานชิงเอ๋อร์หายตัวไปจากที่เดิม
หงหยวนถอนหายใจ เสียดายอยู่บ้าง
คุกสวรรค์อนธการทำให้นางจงรักภักดีต่อหานเจวี๋ย แต่ไม่ได้ลบล้างความคิดนั้นที่นางมีต่อหานเจวี๋ยไป
นางอยากเป็นคู่บำเพ็ญของหานเจวี๋ยมาโดยตลอด จนปัญญาที่ตอนนี้กลายเป็นทาสแล้ว ฝืนร้องขอไม่ได้
หงหยวนส่ายหน้า จากนั้นก็หายตัวไปเช่นกัน
เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นยังคงคุยเรื่องหานชิงเอ๋อร์อยู่ สำหรับศิษย์น้องหญิงตัวน้อยคนนี้ พวกเขายังคงสนใจใคร่รู้ยิ่ง คาดว่าอีกไม่นานข่าวคงแพร่ไปทั่วสำนักซ่อนเร้น
อีกด้านหนึ่ง
หานเจวี๋ยพาหานชิงเอ๋อร์กลับมายังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
“ท่านพ่อ พวกเราไม่ไปหาแม่ใหญ่แม่รองหรือเจ้าคะ” หานชิงเอ๋อร์ถามด้วยความสงสัย
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “พวกนางก็ฝึกบำเพ็ญอยู่เช่นกัน หากไม่มีธุระก็อย่าไปรบกวนนางเลย สำหรับพวกเราแล้ว สิ่งที่ไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือเวลา” 艾琳小說
หานชิงเอ๋อร์คิดว่ามีเหตุผล นางกอดแขนขวาของหานเจวี๋ย เอ่ยออดอ้อน “ท่านพ่อ ท่านเล่าเรื่องราวของท่านให้ข้าฟังอีกได้หรือไม่เจ้าคะ”
เมื่อเผชิญเหตุการณ์ครั้งนี้ นางเปี่ยมด้วยความสนใจใคร่รู้ในเรื่องราวของหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยก็ไม่ปิดบัง เริ่มเล่าเรื่องของตนอีกครั้ง ไม่ต่างไปจากตอนที่เล่าให้ชิงหลวนเอ๋อร์ฟังเลย กับบุตรสาวเขาก็ต้องการจะโอ้อวดนิดๆ เช่นกัน ดังนั้นยามที่เล่าถึงศัตรูเหล่านั้น เขาจงใจบรรยายถึงความแข็งแกร่งของศัตรู หานชิงเอ๋อร์ฟังแล้วอุทานออกมาเป็นครั้งคราว
หลายชั่วยามต่อมา หานเจวี๋ยเล่าจบแล้ว แต่ยังพูดไม่หยุด
ต้องกล่าวเลยว่า ถึงแม้เขาจะมีประสบการณ์ไม่มาก แต่ทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ล้วนนำมาแต่งนิยายได้ทั้งสิ้น
แถมเขายังไม่ได้ผนวกความสำเร็จในฐานะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเข้าไปด้วยเลย
เมื่อมองไปที่หานชิงเอ๋อร์อีกครั้ง สีหน้าของสาวน้อยเปี่ยมด้วยความเลื่อมใส ทำให้หานเจวี๋ยเปรมปรีดิ์อย่างยิ่ง
“ท่านพ่อ ท่านร้ายกาจเหลือเกิน! ข้าก็อยากประสบความสำเร็จแบบท่านเจ้าค่ะ! ข้าจะฝึกบำเพ็ญให้ดี แข็งแกร่งกว่าศัตรูไปตลอดกาล”
หานชิงเอ๋อร์เอ่ยอย่างร่าเริง ราวกับพบเป้าหมายในชีวิตแล้ว
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้แน่นอน วันหน้าเมื่อพี่ชายเจ้ากลับมา ข้าจะให้พวกเจ้าพี่น้องประลองกันดู เมื่อถึงเวลาเจ้าต้องเอาชนะเขาให้ได้ ให้เขาได้รู้ว่าอยู่บ้านต่างหากที่ดี”
หานชิงเอ๋อร์เอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “ด้วยคุณสมบัติของข้า ท่านวางใจเถอะเจ้าค่ะ”
พูดจบ นางก็โบกมือพลางเดินออกไป
หานเจวี๋ยส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา นั่งขัดสมาธิลงบนเบาะ เริ่มฝึกบำเพ็ญ
จากนี้ไปสมควรมุ่งทะลวงขั้นได้แล้ว!
ใต้ต้นไม้
ชิงหลวนเอ๋อร์สัมผัสได้ถึงลมหอบหนึ่งที่โถมเข้ามา นางลืมตามอง พบว่าบุตรสาวผู้งดงามมีชีวิตชีวาอยู่เบื้องหน้าตน
“ชิงเอ๋อร์! เหตุใดเจ้าถึงกลับมา” ชิงหลวนเอ๋อร์เอ่ยอย่างยินดี
หานชิงเอ๋อร์เอ่ยยิ้มๆ “ท่านแม่ ข้าคิดได้แล้วเจ้าค่ะ ยังคงต้องเร่งฝึกบำเพ็ญให้ดี”
นางไม่อธิบายมากอีก เดินเข้ามานั่งข้างๆ เริ่มฝึกบำเพ็ญ
ชิงหลวนเอ๋อร์มองนาง อดเหม่อไม่ได้
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางมองเห็นเงาร่างของหานเจวี๋ยในตัวบุตรสาว
ไม่ใช่ความเหมือนด้านหน้าตา แต่เป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง
นางสงสัยอยู่ในใจ สรุปแล้วหานเจวี๋ยใช้วิธีใดกันแน่ถึงเปลี่ยนนิสัยของชิงเอ๋อร์ได้
….
ให้ห้วงอวกาศอันมืดมิด เรือไม้ใหญ่ยักษ์ผุพังลำหนึ่งเคลื่อนที่ไปด้านหน้า มองรางๆ แล้วราวกับมีสัตว์ร้ายขนาดมหึมาชักลากเรือลำนี้อยู่
ห้าเทวทัณฑ์ฝึกบำเพ็ญอยู่บนเรือลำนี้
อี๋เทียนกำลังเบื่อ จู่ๆ ก็มองเห็นหานทั่วกำลังยิ้มบางๆ อยู่
“เจ้ายิ้มอะไร ดูน่าขนลุกนัก” อี๋เทียนหาวคราหนึ่ง ถามอย่างไม่อนาทร
หานทั่วกลอกตา เอ่ยว่า “เมื่อครู่ข้าได้ทราบเรื่องหนึ่งจากอาณาเขตฟ้าบุพกาล ข้ามีน้องสาวแล้ว”
เมื่ออี๋เทียนได้ฟัง พลันกระฉับกระเฉงขึ้นมา ถามว่า “น้องสาวของพวกเรานามว่าอะไร”
“อะไรคือน้องสาวของพวกเรา”
“แหะๆ ข้าก็คือพี่ชายบุญธรรมของนางไง”
“เฮอะๆ”
“รีบพูดมา!”
“นามว่าหานชิงเอ๋อร์ ถือกำเนิดได้สองแสนปีก็สำเร็จครึ่งอริยะแล้ว กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่กับท่านพ่อของข้า”
“ยอดเยี่ยมนัก สมกับเป็นท่านพ่อบุญธรรมของข้า เจ้าลองถามพวกศิษย์พี่ของเจ้าดู ท่านพ่อบุญธรรมจะยอมรับข้าเมื่อไร”
อี๋เทียนเกาหัวพลางถาม หลังจากได้เป็นห้าเทวทัณฑ์ พวกเขาไร้ซึ่งศัตรู ตัวตนใดๆ ได้พบพวกเขาล้วนต้องหุบปากข่มอารมณ์ไปทั้งสิ้น ทำให้เขาสูญเสียเป้าหมายไปชั่วขณะ ร่างกายไม่กระฉับกระเฉงเลย มักจะไปท้าสู้กับสามเทวทัณฑ์ที่เหลือเสมอ
การได้เป็นบุตรชายบุญธรรมของอริยะสวรรค์ กลายเป็นความคาดหวังสูงสุดในใจของอี๋เทียน
หานทั่วแค่นเสียง “ศิษย์พี่เหล่านั้นของข้าก็ท่องอยู่ด้านนอกเช่นกัน จะถ่ายทอดคำพูดให้เจ้าได้อย่างไร”
“นั่นก็ถูก เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้สามคนนี้เที่ยวก่อเรื่องไปทั่ว มีดวงจิตมหามรรคมากมายมารายงานเรื่องพวกเขากับข้า จะว่าไปก็เท่าพวกเขาติดค้างหนี้บุญคุณข้าอยู่”
อี๋เทียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตากลอกกลิ้ง ไม่ทราบว่าคิดอะไรอยู่
หานทั่วกำลังจะอ้าปากพูด เวลานี้เอง เรือใหญ่พลันสั่นไหว
เหล่าเทวทัณฑ์พากันลุกขึ้น หานทั่วก็เช่นกัน
หานทั่วขมวดคิ้ว มองไปทางด้านหน้าเรือ
ในส่วนลึกของความมืดมิดปรากฏหลักศิลาขนาดมหึมาชิ้นหนึ่งขึ้น เต็มไปด้วยรูพรุน พายุน่าหวาดหวั่นโหมกระโชกเข้ามา ต้านการเคลื่อนที่ของเรือ
“นั่นเป็นของบ้าอันใด” อี๋เทียนถามเสียงขรึม
มองเห็นว่าภายในโพรงนับไม่ถ้วนบนหลักศิลาคล้ายจะมีอะไรคืบคลานอยู่ คล้ายหนอนเหมือนกระดูก ยั้วเยี้ยน่ากลัว
หานทั่วใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ความรู้สึกไม่สบายใจที่ไม่ปรากฏขึ้นมานานแล้วเอ่อล้นขึ้นมาในใจเขา
………………………………………………………………