ซือหม่าโยวเย่ว์กลับมาถึงจวนแม่ทัพแล้วก็ก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นในทันที วันนี้ออกไปรอบเดียวก็บาดเจ็บกลับมาเสียแล้ว!
“สวรรค์เอ๋ย เหตุใดคุณชายจึงได้รับบาดเจ็บอีกแล้ว ใครกันที่ทำร้ายท่าน! ให้ข้าดูเร็วเข้าว่าอาการเป็นเช่นไรบ้างแล้ว” เมื่อพ่อบ้านที่อยู่ในลานบ้านได้เห็นซือหม่าโยวเย่ว์ก็รีบเข้ามาตรวจดูอาการของเธอ
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นสายตาเจ็บปวดใจของพ่อบ้านแล้วแย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า “ท่านอาเฉวียน ข้าไม่เป็นไรหรอก แค่ผิวหนังเป็นแผลไหม้เล็กน้อยเท่านั้นเอง”
“นิดเดียวอันใดกัน เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นแผลใหญ่โตเลย” ท่านอาเฉวียนเอ่ยอย่างเจ็บปวดใจ
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่เห็นจะเจ็บตรงไหนเลย ข้ากลับไปให้สาวใช้ทายาทำแผลให้สักหน่อยก็หายแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยปลอบประโลม
ถึงแม้ว่าผู้คนภายนอกจะเรียกนางว่าคนไร้ค่า คนไร้ค่า อยู่ตลอด แต่ว่าคนทั้งจวนแม่ทัพล้วนไม่เคยรังเกียจนาง และยิ่งไม่เคยดูแคลนนางเลย กลับยิ่งเห็นอกเห็นใจและเอาใจนางเพราะนางไม่อาจบำเพ็ญได้ ท่านปู่เป็นเช่นนี้ พี่ชายก็เป็นเช่นนี้ พ่อบ้านและข้ารับใช้ในบ้านก็ล้วนเป็นเช่นนี้ทั้งสิ้น แต่เจ้าของร่างเดิมกลับไม่รู้ว่าตนวาสนาดีเพียงใด ทำให้คนรอบตัวนางเสียใจอยู่บ่อยครั้ง
“ก็ได้ ท่านกลับไปให้สาวใช้ดูแลท่านก่อน ข้าจะไปบอกท่านแม่ทัพให้นำยาวิเศษที่ดีหน่อยมาให้ท่าน” ท่านอาเฉวียนพูด
ยาวิเศษที่แพงที่สุดในจวนแม่ทัพให้เธอกินไปหมดแล้ว จะไปหายาวิเศษดีๆ มาจากที่ใดกัน เมื่อคิดเช่นนี้เธอก็พยักหน้าแล้วกลับไปยังเรือนของตน
สาวใช้ที่เรือนของเธอมีจำนวนน้อยมาตลอด นอกจากชุนเจี้ยนและอวิ๋นเย่ว์ที่ตื่นมาในวันแรกแล้วได้ยินเสียงทั้งคู่พูดคุยกันแล้ว ก็มีเพียงแค่คนทำอาหารอีกสองคนเท่านั้น เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ได้รับบาดเจ็บ ชุนเจี้ยนและอวิ๋นเย่ว์ก็สะดุ้งโหยง แต่ก็ยังจัดการดูแลบาดแผลให้เธออย่างคล่องแคล่ว
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวที่คุ้นเคยของพวกนาง ก็รู้ได้ทันทีว่าก่อนหน้านี้เจ้าของร่างเดิมได้รับบาดเจ็บมามากมายเพียงใด!
หลังจากที่จัดการบาดแผลเรียบร้อยแล้ว ชุนเจี้ยนก็หยิบยาเม็ดหนึ่งให้ซือหม่าโยวเย่ว์กิน แต่นี่คือยาวิเศษระดับต้น ส่วนอาการบาดเจ็บที่เธอได้รับคือแผลไหม้จากพลังวิญญาณ ดังนั้นพอกินยาแล้วก็ยังไม่เห็นว่าดีขึ้นแต่อย่างใด
ผ่านไปครู่หนึ่งซือหม่าเลี่ยก็มา เมื่อเห็นแผลไหม้บนแขนของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วก็เอ่ยขึ้นมาทั้งเจ็บปวดใจทั้งโมโหว่า “เหตุใดเจ้าจึงออกไปคนเดียวเล่า!”
“ท่านปู่…” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นซือหม่าเลี่ยโมโห จึงใช้มือขวาดึงแขนเสื้อของซือหม่าเลี่ยพลางเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ข้าก็แค่อยากจะออกไปเดินเล่นสักหน่อยเท่านั้นเองขอรับ คิดไม่ถึงว่าจะไปเจอกับคนที่ตีข้าวันนั้นเข้า ก็เลยสั่งสอนเขายกหนึ่งแล้วทำลายเส้นเอ็นมือของเขาเสีย ทำให้เขากลายเป็นคนไร้ค่าที่ไม่อาจบำเพ็ญได้อีกต่อไป เมื่อเทียบกับเขาแล้วก็นับได้ว่าข้าใจดีแล้วนะขอรับ อันที่จริงแล้วนี่ก็ไม่มีอะไรเลย อีกไม่กี่วันก็หายดีแล้วล่ะขอรับ”
ถึงแม้ว่าในชาติก่อนตนจะไม่เคยถูกไฟลวกมาก่อน แต่ก็เคยได้รับบาดเจ็บอย่างอื่นมาไม่น้อย ทั้งถูกปืนยิงมีดแทงล้วนเคยได้รับมาแล้วทั้งสิ้น แผลเล็กน้อยแค่นี้ไม่อยู่ในสายตาเธอสักนิด อย่างมากที่สุดก็แค่หลังจากนี้บนแขนอาจจะเหลือรอยแผลเป็นไม่น่าดูเอาไว้ก็เท่านั้นเอง
เห็นซือหม่าโยวเย่ว์ที่ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ได้ทั้งร้องไห้ทั้งอาละวาดเหมือนเมื่อก่อน ซือหม่าเลี่ยก็รู้สึกปลาบปลื้มใจไม่น้อย เช่นนี้ค่อยเหมือนกับ “คุณชาย” จวนแม่ทัพของเขาหน่อย! เขาหยิบขวดใบหนึ่งมาเทยาวิเศษพลางเอ่ยว่า “นี่คือยาวิเศษที่คราวก่อนไปแลกเปลี่ยนกับปรมาจารย์ศิลามาพร้อมกัน เจ้ารีบกินเสียสิ”
“ท่านปู่ อาการบาดเจ็บของข้ามิได้เป็นอะไรมากเลยขอรับ อีกประเดี๋ยวเดียวก็คงหายดีแล้ว ยาวิเศษล้ำค่าถึงเพียงนี้ เก็บเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินดีกว่าขอรับ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางผลักมือซือหม่าเลี่ยออก
“ไม่เป็นอะไรเสียที่ไหนกัน! เป็นแผลไฟลวกใหญ่โตปานนั้นยังจะบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก! ดีร้ายอย่างไรบ้านเราก็เป็นถึงจวนแม่ทัพ ไม่ต้องมานั่งเสียดายยาวิเศษเม็ดเดียวหรอก เอ้า กินมันลงไปเสีย อีกประเดี๋ยวบาดแผลก็จะดีขึ้นแล้ว” ซือหม่าเลี่ยพูดพลางจ้องมองซือหม่าโยวเย่ว์
ซือหม่าโยวเย่ว์วางยาวิเศษลงในปาก ถึงแม้ว่ารสชาติจะแสนขม แต่ใจเธอกลับแสนหวาน
ตนเองในชาติก่อนเป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่งที่ถูกองค์กรเก็บมาเลี้ยง ต่อมาก็ฝึกฝนตามลำพัง แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครใส่ใจเธออย่างแท้จริงมาก่อน คิดไม่ถึงว่ากลับมาเกิดใหม่อีกชาติหนึ่งแล้วเธอจะได้สัมผัสความรู้สึกที่มีคนใกล้ตัวรักใคร่เอาใจใส่กับเขาด้วย
ท่านปู่ ต่อจากนี้ไปท่านก็คือท่านปู่ของข้า! เธอพูดพึมพำในใจ
“ฮ่าๆๆ น้องห้า ตอนนี้เจ้าโตแล้วสินะ รู้จักปลอบประโลมท่านปู่เสียด้วย!”
ขณะนี้เอง น้ำเสียงกระจ่างเสียงหนึ่งก็ดังเข้ามาจากด้านนอก จากนั้นชายหนุ่มสี่คนก็เดินเข้ามา ซึ่งก็คือคุณชายสี่ท่านแรกของตระกูลซือหม่า ซือหม่าโยวฉี ซือหม่าโยวหมิง ซือหม่าโยวหราน และซือหม่าโยวเล่อนั่นเอง
คนที่เอ่ยวาจาเมื่อครู่คือพี่ใหญ่ซือหม่าโยวฉี
“พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พี่สี่ พวกท่านกลับมาพร้อมกันได้อย่างไร” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยขึ้นแล้วมองดูคนทั้งสี่ที่เดินเข้ามา
“พวกเราได้ยินว่าเจ้าถูกทำร้ายก็ต้องรีบกลับมาดูอยู่แล้ว แต่กลับมาในเวลาไล่เลี่ยกันพอดีก็เท่านั้นเอง” พี่ใหญ่พูด จากนั้นก็มองสำรวจซือหม่าโยวเย่ว์คราหนึ่งพลางถามขึ้นว่า “เจ้ายังไม่สบายตรงไหนอยู่อีกหรือไม่”
พวกเขาต่างก็อยู่ข้างนอก แต่พอได้ยินว่านางถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ละคนจึงเร่งกลับมาโดยเร็วที่สุด
เมื่อได้ยินคำพูดของซือหม่าโยวฉี ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “ไม่มีแล้ว ยาวิเศษที่ท่านปู่ให้ข้ากินนั้นมีผลลัพธ์ยอดเยี่ยม ตอนนี้ข้าสบายดีแล้ว”
“ท่านปู่ ท่านไปพบนักหลอมยามาแล้วหรือขอรับ” พี่รองซือหม่าโยวหมิงถาม
“อืม ข้าเห็นว่ายาวิเศษที่อยู่ในบ้านเหล่านั้นมีระดับต่ำเกินไป ก็เลยไปพบปรมาจารย์ศิลาว่าต้องการยาปลูกเนื้อขั้นสองสองเม็ด” ซือหม่าเลี่ยพูด
“คนผู้นั้นหมายปองโสมคนอายุสองร้อยปีรากนั้นของบ้านเรามาโดยตลอด ท่านปู่ ท่านคงมิได้ใช้สิ่งนั้นไปแลกเปลี่ยนมาหรอกกระมัง” พี่ใหญ่ซือหม่าโยวฉีเป็นผู้ดูแลจัดการด้านการเงินของบ้านมาตลอด เป็นผู้ที่รู้เรื่องราวในบ้านและนอกบ้านอย่างกระจ่างแจ้งที่สุด
ซือหม่าเลี่ยพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “พอข้าไปพบเขา เขาบอกว่ายาวิเศษขั้นสองหลอมขึ้นมาอย่างยากเย็นเหลือเกิน เขาเองก็มีอยู่เพียงไม่กี่เม็ดเท่านั้น ช่างล้ำค่ายิ่งนัก จึงขอแลกกับโสมคนรากนั้น เวลานั้นข้าร้อนใจเหลือคณาจึงตกปากรับคำไป”
“ยาวิเศษขั้นสองเม็ดหนึ่งมีมูลค่ายี่สิบชั่งทอง โสมคนอายุสองร้อยปีรากหนึ่งอย่างน้อยก็ต้องมีราคาห้าสิบชั่งทอง แต่ใช้สิ่งนี้แลกเปลี่ยนกับการฟื้นฟูร่างกายของน้องห้าก็นับว่าคุ้มค่าแล้วล่ะ” ซือหม่าโยวหรานพูด ไม่เสียดายโสมคนพันปีอันล้ำค่ารากนั้นแม้แต่น้อย
“ใช่แล้ว ไม่มีโสมก็ช่าง ขอเพียงแค่น้องห้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” พี่สี่ซือหม่าโยวเล่อพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์นั่งบนเตียงพลางมองดูคนทั้งห้าที่อยู่รายล้อมตน ได้ฟังพวกเขาพูดถึงมูลค่าของยาวิเศษกับโสมคนอย่างเผินๆ แล้วก็ทอดถอนใจไปกับความรักใคร่ทะนุถนอมที่คนในบ้านมีต่อเจ้าของร่างเดิมคนนี้
โลกในตอนนี้ใช้ชั่งเงินชั่งทองเป็นอัตราแลกเปลี่ยน หนึ่งชั่งทองเท่ากับหนึ่งร้อยชั่งเงิน ซึ่งเท่ากับหนึ่งร้อยล้านชั่งทองแดง การใช้ชีวิตของคนทั่วไปส่วนใหญ่ก็ใช้ชั่งทองแดงและเหรียญเงินเป็นหลัก มีเพียงแค่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่ใช้ชั่งทองเป็นปกติ
ยี่สิบชั่งทองก็เพียงพอให้ครอบครัวห้าปากท้องสามัญธรรมดาครอบครัวหนึ่งดำรงชีวิตไปได้หนึ่งปีแล้ว! ทว่าเพื่อร่างกายของนาง พวกเขากลับไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
“น้องห้า ผู้ที่ทำร้ายเจ้ามีใครบ้าง เจ้าบอกมาสิ พวกเราจะไปล้างแค้นให้เจ้าเอง!” อายุของพี่สี่ซือหม่าโยวเล่อไม่มากนัก ท่าทางดูโตกว่าซือหม่าโยวเย่ว์เพียงแค่สามสี่ปีเท่านั้น นิสัยก็มุทะลุมากที่สุดด้วย
คุณชายทั้งห้าแห่งจวนแม่ทัพ พี่ใหญ่อายุยี่สิบเก้า พี่รองยี่สิบสี่ พี่สามยี่สิบสอง พี่สี่อายุสิบแปด ส่วนน้องห้าอายุสิบสี่ปี สี่คนโตล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์แห่งอาณาจักรตงเฉินทั้งสิ้น พี่ใหญ่เป็นปรมาจารย์วิญญาณระดับเก้าแล้ว ส่วนพี่รองและพี่สามนั้นเป็นระดับห้า พี่สี่ก็ไปถึงขั้นปรมาจารย์วิญญาณแล้ว
ถึงแม้ว่าจะอยู่เพียงขั้นนี้ แต่เมื่อเทียบกับคนรุ่นราวคราวเดียวกันถือว่ามีพรสวรรค์อันชวนให้คนตื่นตะลึงอยู่ดี
มีเพียงแค่คุณชายห้าที่มีชื่อเสียงเลื่องลือผู้นี้เท่านั้นที่แม้แต่พลังวิญญาณก็ยังมิได้ตื่นรู้เลย มิอาจสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณรอบกาย ไม่ได้เป็นแม้กระทั่งผู้ฝึกวิญญาณเสียด้วยซ้ำ ซึ่งก็เป็นคนไร้ค่าที่ไม่อาจบำเพ็ญได้โดยสมบูรณ์คนหนึ่งนั่นเอง!
เมื่อได้ยินซือหม่าโยวเล่อพูดเช่นนี้ พี่รองที่มีนิสัยค่อนข้างขี้หงุดหงิดก็ก้าวเข้ามาร่วมวงด้วยแล้วเอ่ยถามว่า “น้องห้า บอกมาเถิดว่าผู้ใดกันแน่ที่ทำร้ายเจ้า พวกพี่ๆ จะไปแก้แค้นให้เจ้าเอง!”
…………………
Related