คนกลุ่มหนึ่งออกจากประตูเมือง มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาผู่สั่ว ตลอดทางก็เห็นคนจำนวนไม่น้อยเดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกันกับพวกเขา
“เหตุใดจึงมีคนไปมากมายเช่นนี้เล่า” เจ้าอ้วนชวีมองดูผู้คนที่หลั่งไหลกันมาแล้วก็อดถามขึ้นมิได้
“คนเหล่านี้มีบางส่วนที่มาหาประสบการณ์เช่นเดียวกันกับพวกเรา แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นทหารรับจ้างที่มากจากที่ต่างๆ” ก่อนหน้านี้ซือหม่าโยวเย่ว์เคยพบทหารรับจ้างมาบ้างแล้ว แค่เห็นเสื้อผ้าของพวกเขาก็รู้แล้ว
“ทหารรับจ้างจะมายังสถานที่แบบนี้ด้วยหรือ” เจ้าอ้วนชวีมองคนเหล่านี้ มีจำนวนมากที่มีท่าทางโหดเหี้ยมดุร้าย ดูเหมือนว่าจะเป็นบุคคลชั้นยอดกันทั้งสิ้น
“ใช่แล้ว ทหารรับจ้างบางคนอาจรับภารกิจบางอย่าง อย่างเช่นถ้าต้องการเครื่องยาหรือว่าสัตว์อสูรวิเศษแก้วผลึกมนตราอันใด หรือจะเป็นวัตถุอื่นใดก็ตาม ก็จำเป็นต้องเข้าไปในเทือกเขา” เว่ยจือฉีอธิบาย
“ดังนั้นพวกเขาก็จะเข้าไปในภูเขาเช่นกันหรือ ข้ายังคิดว่าเทือกเขาผู่สั่วอันตรายถึงเพียงนั้น คงไม่มีใครเข้าไปหรอก!” เจ้าอ้วนชวีพูด
“นี่คงแตกต่างจากที่เจ้าคิดเอาไว้มากเลยสินะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ตบบ่าเจ้าอ้วนชวี เติบโตขึ้นมาที่เมืองแห่งนั้นเช่นเดียวกัน ถ้าหากมิใช่ว่าตอนนั้นเธอเคยมาอาศัยอยู่ที่นี่ระยะหนึ่ง ก็คงจะไม่รู้อะไรเลยเช่นเดียวกันกับเจ้าอ้วนชวี
พวกเขาเดินทางกันเป็นเวลากว่าครึ่งวัน เพิ่งเดินถึงเทือกเขาผู่สั่ว เจ้าอ้วนชวีก็ร้องออกมาว่าเดินไม่ไหวแล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์มองปราดหนึ่ง นอกจากเธอแล้ว เจ้าอ้วนชวีกับเว่ยจือฉีเหน็ดเหนื่อยจนหอบแฮ่กๆ ส่วนโอวหยางเฟยและเป่ยกงถังก็หมดเรี่ยวหมดแรงเช่นกัน
เธอมองสภาพแวดล้อมรอบทิศปราดหนึ่งแล้วพูดว่า “ตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว มิสู้พวกเราหาสถานที่สักแห่งตั้งที่พัก พักผ่อนกันสักคืนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยเข้าไปในเทือกเขาก็แล้วกัน”
เมื่อได้ฟังคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้าอ้วนชวีก็ทรุดนั่งลงกับพื้น มองดูซือหม่าโยวเย่ว์ที่มีสีหน้าผ่อนคลายพลางเอ่ยว่า “โยวเย่ว์ พวกเราเหนื่อยแทบตายกันอยู่แล้ว เหตุใดเจ้าจึงดูไม่เหน็ดเหนื่อยสักนิดเลยเล่า”
“ข้าฝึกปรือร่างกายอยู่เป็นประจำ การสิ้นเปลืองพลังกายพรรค์นี้ไม่มีผลอะไรกับข้าหรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์ยักไหล่พูด “พวกเจ้าพักผ่อนกันที่นี่ก่อนเถิด ข้าจะไปดูว่าแถวๆ นี้มีพื้นที่ที่กว้างขวางสักหน่อยหรือไม่”
เธอพูดจบแล้วก็จากไป ทิ้งอีกสี่คนให้พักผ่อนอยู่ที่เดิม
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซือหม่าโยวเย่ว์ไปเตร็ดเตร่รอบหนึ่งกลับมาแล้วก็เห็นว่าพวกเจ้าอ้วนชวีพักผ่อนกันเสร็จแล้วจึงเอ่ยว่า “เมื่อครู่ข้าพบสถานที่แห่งหนึ่งตรงโน้นที่เหมาะสำหรับการตั้งที่พัก พวกเราไปกันดีกว่า”
“ดี”
ซือหม่าโยวเย่ว์พาคนอื่นๆ ไปยังสถานที่ที่ตนเห็นเมื่อครู่ แต่คิดไม่ถึงว่าตอนที่ไปจะมีคนชิงตั้งที่พักที่นั่นไปก่อนก้าวหนึ่งแล้ว
ผู้ที่กำลังตั้งที่พักคือทหารรับจ้างกลุ่มหนึ่ง พอเห็นพวกซือหม่าโยวเย่ว์เข้ามา ชายหนุ่มอายุราวๆ ยี่สิบสามสิบปีผู้หนึ่งก็ยิ้มให้พวกเขาก่อนเอ่ยว่า “พวกเจ้าก็หมายตาสถานที่แห่งนี้เช่นกันใช่หรือไม่ ที่นี่ก็ใหญ่โตอยู่นะ พวกเรามารวมตัวกันอยู่ที่นี่ก็ได้ ถ้าหากพวกเจ้าไม่รังเกียจก็ตั้งที่พักที่อีกฟากหนึ่งได้เลย”
ซือหม่าโยวเย่ว์มองคนอื่นๆ ปราดหนึ่งเป็นเชิงถามความเห็นของพวกเขา
“ก็คงต้องเป็นเช่นนี้กระมัง” โอวหยางเฟยพูด “ถึงอย่างไรก็เพียงแค่คืนเดียวเท่านั้นเอง”
เป่ยกงถังไม่พูดอะไรแล้วหยิบเอากระโจมของตนเองออกมาเตรียมตัวจัดแจงที่พัก
“โอวหยางพูดได้ไม่ผิดเลย ถึงอย่างไรก็เพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น เพียงแค่ครู่เดียว” เว่ยจือฉีพูด
เมื่อเห็นว่าทุกคนเห็นด้วยกันหมด ซือหม่าโยวเย่ว์และเจ้าอ้วนชวีก็หยิบเอากระโจมของตนเอง
ออกมาเช่นเดียวกันแล้วกางกระโจมตามวิธีการที่ทางร้านบอก หลังจากทำเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงค่อยหยิบเตียงใหญ่หลังหนึ่งออกมาจากภายในแหวนเก็บวัตถุแล้ววางไว้ตรงกลางกระโจม
“โอ้… เจ้าออกจากบ้านก็ยังพกเตียงใหญ่โตเช่นนี้มาด้วยหรือ!” เมื่อเจ้าอ้วนชวีที่จัดการข้าวของของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้วเห็นเตียงขนาดใหญ่ของเธอก็ตะลึงงันไปในทันที
ซือหม่าโยวเย่ว์สะดุ้งโหยงเพราะปฏิกิริยาของเจ้าอ้วนชวีจึงถลึงตาใส่เขาที่หนึ่งแล้วพูดว่า “นี่มันมีอะไรให้น่าตกใจเล่า พวกเจ้ามิได้ทำเช่นนี้กันหรอกหรือ”
เจ้าอ้วนชวีเบ้ปากก่อนจะพูดว่า “พวกเราจะไปหาพื้นที่ใหญ่โตเช่นนั้นมาวางเตียงขนาดใหญ่โตถึงเพียงนี้จากไหนกันเล่า!”
“หืม” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เข้าใจ หรือว่าแหวนเก็บวัตถุของพวกเขามีขนาดเล็กมาก
“แหวนเก็บวัตถุของพวกเราก็ใหญ่พอๆ กับห้องห้องหนึ่งเท่านั้นเอง ถ้าหากวางเตียงขนาดใหญ่เช่นนี้ก็คงไม่ต้องพกของอื่นๆ กันแล้วล่ะ” เจ้าอ้วนชวีมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างเศร้าสร้อย เป็นคุณชายแห่งจวนแม่ทัพมันดีอย่างนี้นี่เอง แหวนเก็บวัตถุนี้จะต้องใหญ่กว่าของตนหลายเท่าเลยทีเดียว
“เจ้าแหวนเก็บวัตถุนี่มิได้มีขนาดใหญ่เท่าๆ กันหมดหรอกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
เจ้าอ้วนชวีกลอกตาใส่ซือหม่าโยวเย่ว์ทีหนึ่งแล้วพูดว่า “แหวนเก็บวัตถุจะมีขนาดใหญ่เท่ากันหมดได้อย่างไรเล่า! แหวนเก็บวัตถุธรรมดาทั่วไปมีขนาดแค่หนึ่งหรือสองลูกบาศก์เท่านั้นเอง อย่างของข้าก็มีขนาดพอๆ กับห้องห้องหนึ่งเท่านั้น ก็นับว่าดีมากแล้ว”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเจ้าอ้วนชวี ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ลูบแหวนเก็บวัตถุบนนิ้วมือ นี่คือสิ่งที่ซือหม่าเลี่ยมอบให้หลังจากที่เธอฝึกยุทธ์ได้แล้ว บอกว่าเป็นสิ่งที่ท่านพ่อทิ้งเอาไว้ให้เธอ หลังจากนั้นก็ใช้งานมันมาโดยตลอด ดูเหมือนว่ามันจะมีพื้นที่ขนาดเทียบเคียงได้กับคฤหาสน์หรูหลังหนึ่งเลยทีเดียว เธอไม่กล้าคิดเลยว่าบิดาของเธอทิ้งสิ่งของระดับใดเอาไว้
“เอาล่ะ เก็บท่าทีราวกับภรรยาผู้เศร้าโศกของเจ้าไปเสีย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ในภายหน้าหากมีโอกาส หาอันใหญ่ๆ ให้เจ้าก็ใช้ได้แล้วนี่ พวกเราไปดูกันหน่อยดีกว่าว่าพวกโอวหยางเป็นอย่างไรกันบ้างแล้ว”
ตอนที่พวกเขาออกไป เว่ยจือฉีและเป่ยกงถัง รวมทั้งโอวหยางเฟยต่างก็นั่งสนทนากันอยู่ตรงกลางพื้นที่ตั้งที่พักแรมแล้ว
ทั่วทุกหนแห่งของพื้นที่ที่พวกเขาเลือกล้วนเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ กิ่งก้านใบอันแน่นทึบรวมตัวกันเป็นแผ่นเดียว ส่วนลำต้นของต้นไม้ด้านล่างนั้นหาได้ยากยิ่ง มองแล้วโปร่งโล่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ทหารรับจ้างเหล่านั้นก็จัดแจงที่พักของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน พวกเขาจับกลุ่มรับประทานมื้อเย็นกันกลุ่มละสองสามคน
“โยวเย่ว์ เจ้าจัดที่พักเรียบร้อยแล้วหรือ” เว่ยจือฉีโบกมือไปทางซือหม่าโยวเย่ว์
“อื้ม” ซือหม่าโยวเย่ว์มองประเมินทหารรับจ้างเหล่านั้น ชายหนุ่มผู้พูดชักชวนให้มาตั้งที่พักก่อนหน้านี้สัมผัสสายตาของเธอได้จึงหันหน้ามายิ้มให้เธอ จากนั้นก็หันกลับไปสนทนากับกลุ่มของตัวเองต่อ
หลังจากพวกซือหม่าโยวเย่ว์สนทนากันเสร็จแล้วชายหนุ่มผู้นั้นก็ยืดกายลุกขึ้นก่อนจะประสานมือคำนับพวกเขาห้าคน “ข้าคือชิงอู๋หยาแห่งกลุ่มทหารรับจ้างชิงซาน ทุกท่านคงมาที่เทือกเขาผู่สั่วเป็นครั้งแรกกระมัง”
“ใช่แล้ว คุณชายชิงมีธุระอันใดหรือ” เว่ยจือฉีตอบกลับ
“ดูเหมือนว่าข้าจะเดาถูกสินะ” ชิงอู๋หยายิ้มพลางพูดว่า “ข้าเพียงแค่เห็นพวกเจ้าตั้งที่พักแรมกันมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้วยังไม่เริ่มกินมื้อเย็นกันเลย จึงอยากจะเตือนพวกเจ้าสักหน่อยว่าเนื่องจากในป่าแห่งนี้มีต้นไม้ใหญ่จำนวนค่อนข้างมาก ฟ้ามืดค่อนข้างไว ดังนั้นพวกเจ้าก็ควรจะกินข้าวเย็นกันให้เร็วสักหน่อย มิฉะนั้นก็จะมืดสนิทเลยนะ”
“เช่นนี้ก็ขอบคุณคุณชายชิงมากที่เตือน” เว่ยจือฉีพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก พวกเราทหารรับจ้างมิได้มีพิธีรีตองอะไรมากมายเช่นนั้น ถ้าหากพวกเจ้าไม่รังเกียจ จะเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ชิงก็ได้นะ คุณชายชิงอันใดกัน ข้าฟังแล้วแปลกพิกล ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย” ชิงอู๋หยาพูดพลางเกาท้ายทอย
“หึๆ พี่ใหญ่ชิง ถ้าหากพี่ใหญ่ชิงพอมีเวลาว่างก็มานั่งสนทนากับทุกคนเสียเลยดีกว่าไหมเล่า” เว่ยจือฉีหยิบเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บวัตถุแล้วพูดขึ้น
ชิงอู๋หยามองปราดเดียวก็ดูออกว่าแหวนเก็บวัตถุของเว่ยจือฉีไม่ธรรมดา มิใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะใช้ได้ เมื่อเห็นว่าเขาถึงกับหยิบเก้าอี้ออกมาแล้วจึงยิ้มพูดว่า “ได้สิ”
“พี่ใหญ่ชิง พวกท่านเคยมาที่เทือกเขาผู่สั่วแล้วใช่หรือไม่” เว่ยจือฉีถาม
“ใช่แล้ว เรียกได้ว่าเทือกเขาผู่สั่วเป็นสถานที่ที่พวกเราทหารรับจ้างมากันบ่อยที่สุดเลยก็ว่าได้” คุณชายชิงเอ่ยตอบ
“เช่นนั้นพวกท่านก็คงจะรู้จักสถานที่แห่งนี้ดีเลยทีเดียวสิ ท่านช่วยเล่าสถานการณ์ของที่นี่ให้พวกเราฟังสักหน่อยได้หรือไม่” เว่ยจือฉีถามพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
ซือหม่าโยวเย่ว์มองเว่ยจือฉี เจ้าคนผู้นี้มีรูปโฉมหล่อเหลา รอยยิ้มอบอุ่น ทั้งยังรู้จักพูดจา ชวนให้คนรู้สึกสุภาพสง่างาม เผลอวางตัวใกล้ชิดเขาอย่างไม่รู้ตัว
ความใกล้ชิดเช่นนี้ไม่เหมือนกับความใกล้ชิดที่แผ่ออกมาจากมณีวิญญาณที่ตนทำพันธสัญญาด้วย นี่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างหนึ่ง
………………………