ในขณะเดียวกันภายในกระโจมของซือหม่าโยวเย่ว์ เธอมองดูหมัวซาที่ออกมาอย่างตกใจ
“ข้ามิได้เรียกท่านแล้วท่านออกมาทำไมกัน”
“ข้าเข้าออกมณีวิญญาณนี่ได้ตามใจชอบ นอกเสียจากเมื่อใดที่พลังยุทธ์ของเจ้าสูงกว่าข้าไปเสียแล้ว” หมัวซาพูด
“ช่างเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์ยักไหล่แล้วพูดว่า “แล้วคราวนี้ท่านออกมาทำไมหรือ”
หมัวซามองไปยังทิศทางของเขตชั้นในแล้วพูดว่า “ข้าได้กลิ่นแล้ว”
“กลิ่นหรือ กลิ่นอันใดกัน เหตุใดข้าจึงไม่ได้กลิ่นเลยเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ดมอย่างจริงจัง แต่ก็มิได้พบกลิ่นพิเศษแต่อย่างใดเลย
“อยู่ห่างจากที่นี่มากนัก ตอนนี้เจ้าจะไปได้กลิ่นได้อย่างไรกันเล่า” หมัวซาพูด
“ของสิ่งใดกันที่ดึงดูดให้ท่านออกมาได้” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามอย่างใคร่รู้
“ผลอสรพิษทองคำ”
หา!
เมื่อได้ยินว่าผลอสรพิษทองคำ ห้วงสมองของซือหม่าโยวเย่ว์ก็นึกถึงผลไม้สีแดงสดคล้ายผลแอปเปิลของโลกในชาติก่อนขึ้นมา แต่เธอรู้ว่าจะต้องไม่ใช่ของธรรมดาๆ พรรค์นั้นอย่างแน่นอน หลังจากนั้นในห้วงสมองจึงค่อยปรากฏข้อมูลของผลอสรพิษทองคำขึ้นมา
คราวก่อนเธอเคยเห็นในตำราแพทย์ในมณีวิญญาณมาแล้วว่าผลอสรพิษทองคำคือผลไม้ที่มีผลสีเหลืองทองชนิดหนึ่ง เจ็ดร้อยปีผลิดอกบาน เจ็ดร้อยปีจึงออกผล เจ็ดร้อยปีจึงจะกลายเป็นผลสุก ทุกรอบจะออกผลเพียงเจ็ดร้อยผลเท่านั้น
ใช้ผลไม้ในการยกระดับการฝึกยุทธ์ได้ แต่ครั้งหนึ่งกินได้เพียงแค่ขนาดเท่าปลายนิ้วมือเท่านั้น มิฉะนั้นพละกำลังในร่างกายก็จะมากเกินไป อาจเกิดการระเบิดของเส้นลมปราณได้อย่างง่ายดาย
ถ้าหากหลอมเป็นยาวิเศษก็จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่ยาวิเศษพรรค์นี้เม็ดหนึ่งอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีราคากว่าหมื่นชั่งทอง ล้ำค่ากว่ายาวิเศษที่เม็ดหนึ่งราคาไม่กี่สิบชั่งทองที่เธอเคยกินในตอนนั้นเป็นร้อยเท่า
ไม่เพียงแค่ผลจะมีฤทธิ์ในการยกระดับพลังยุทธ์เท่านั้น แม้กระทั่งกิ่งก้านและรากต่างก็เป็นสิ่งล้ำค่าทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อใดที่ผลอสรพิษทองคำถูกค้นพบ จึงมักจะเป็นเป้าหมายในการต่อสู้แย่งชิงของทุกคน
แต่ผลอสรพิษทองคำนี้กลับมิอาจได้มาอย่างง่ายดายเช่นนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าบริเวณใกล้ๆ มันนั้นมีสัตว์อสูรวิเศษคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอด เมื่อใดที่ผลไม้สุก กลิ่นหอมโชยไปนับหมื่นลี้ จึงดึงดูดสัตว์อสูรวิเศษที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเข้ามาได้ เพราะสิ่งนี้มิได้มีประโยชน์แค่กับมนุษย์เท่านั้น เมื่อสัตว์อสูรวิเศษนำไปใช้ก็ให้ผลลัพธ์ช่วยในการเลื่อนระดับเช่นเดียวกัน
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าผลอสรพิษทองคำนี่จะมีแรงดึงดูดมหาศาลถึงเพียงนี้ ถึงขนาดที่แม้แต่ท่านยังหัวใจสั่นไหวเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยเหน็บแนม
“ของล้ำค่าแห่งฟ้าดิน กว่าจะพบได้มิใช่เรื่องง่ายเลยนะ” หมัวซามิได้ปฏิเสธ “นอกจากนี้ของสิ่งนี้ก็มีประโยชน์กับเจ้าด้วยเช่นกัน”
“มีประโยชน์อันใดหรือ ยกระดับการบ่มเพาะหรือ” พอได้ยินว่ามีประโยชน์ ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ตื่นตัวขึ้นมาในทันที
หมัวซาส่ายหน้า “คนทั่วไปรู้เพียงแค่ว่ามันสามารถยกระดับการบ่มเพาะได้ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่ามันยังเป็นสิ่งบำรุงหล่อเลี้ยงดวงวิญญาณไปด้วยในขณะเดียวกัน วิญญาณของเจ้าเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อน นี่อาจส่งผลกระทบต่อการปรับปรุงและการหลอมยาวิเศษของเจ้าในอนาคตอย่างมหาศาล หากได้รับการหล่อเลี้ยงจากผลอสรพิษทองคำได้ ก็จะมีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูวิญญาณของเจ้าเป็นอย่างมาก”
“หา ยังสามารถฟื้นฟูวิญญาณได้ด้วยหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองหมัวซาอย่างประหลาดใจ
“ใช่แล้ว ผลอสรพิษทองคำดูดซับรัศมีจันทรา หลังจากนั้นก็แปรเปลี่ยนภายในร่างกายแล้วแผ่ไอพลังสีขาวราวน้ำนมชนิดหนึ่งออกมา ซึ่งไอพลังชนิดนี้เองที่มีประโยชน์ต่อวิญญาณของมนุษย์” หมัวซาพูดอธิบาย “ถึงแม้ว่าจะเป็นวิญญาณที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ภายใต้การหล่อเลี้ยงเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ก็ช่วยเพิ่มพูนความแข็งแกร่งขึ้นได้เช่นเดียวกัน”
“ช่างยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้! เป็นสิ่งล้ำค่าจริงๆ เสียด้วย! หึๆ ข้าจะต้องคว้าสิ่งนี้มาไว้ในกำมือให้ได้อย่างแน่นอน” ซือหม่าโยวเย่ว์ลุกขึ้นนั่งก็เห็นหมัวซาหันหน้ามามองตนเอง จึงพูดยิ้มๆ ว่า “ข้ารู้ว่าท่านก็อยากใช้ของสิ่งนี้ฟื้นฟูวิญญาณเช่นกันสินะ ไม่อย่างนั้นผู้ที่ไม่มีผลประโยชน์ก็ไม่มีทางโผล่หน้ามาอย่างท่านจะออกมาพูดสิ่งเหล่านี้ให้ข้าฟังทำไมกัน”
“ข้าสัมผัสได้ว่าอย่างน้อยๆ ที่นั่นมีสัตว์อสูรเทพตนหนึ่งอยู่บริเวณใกล้ๆ ผลอสรพิษทองคำ ” หมัวซาพูด “นอกจากนี้ตอนที่ผลอสรพิษทองคำสุกงอมอาจจะดึงดูดสัตว์อสูรวิเศษฝูงใหญ่เข้ามาอีกด้วย บวกกับในระยะหลังๆ นี้ยังดึงดูดมนุษย์เข้ามาอีกด้วย การคิดจะช่วงชิงมานั้นมิใช่เรื่องง่ายเลย”
“ท่านต้องช่วยข้านะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างแน่วแน่
“งั้นหรือ เจ้าช่างมั่นใจในตัวเองเสียจริงนะ” หมัวซาเลิกคิ้ว
“แน่นอนอยู่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างมั่นใจ “ถ้าหากของสิ่งนี้มิได้มีความเกี่ยวโยงอันใดกับท่าน บางทีท่านอาจจะไม่ลงมือ แต่วิญญาณของท่านแยกจากร่างกายท่านไม่รู้กี่ปีแล้ว ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยไปกว่าข้าเลย ถึงแม้ว่ามณีวิญญาณจะหล่อเลี้ยงท่านได้ แต่ผลลัพธ์ก็มิได้รวดเร็วสักเท่าใดนัก ถ้าหากบวกกับผลอสรพิษทองคำได้ ท่านก็จะฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นท่านจึงมุ่งหมายจะคว้าผลอสรพิษทองคำนี้มาให้จงได้เช่นเดียวกัน”
“ข้ามิอาจลงมือได้อย่างง่ายๆ หรอก” หมัวซาพูด
“ข้ารู้น่า ท่านแค่ลงมือในยามจำเป็นก็พอแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์โบกไม้โบกมือพลางเอ่ยขึ้น
“ผลอสรพิษทองคำนี้ค่อนข้างจะจุกจิกกับสภาพแวดล้อมการเจริญเติบโต ไม่รู้ว่าคราวนี้มาเจริญอยู่ที่พื้นโลกระดับล่างอย่างดินแดนอี้หลินนี่ได้อย่างไรกัน” หมัวซาพูดอย่างสงสัย
“ใครจะไปรู้เล่า บางทีอาจเป็นเพราะรู้ว่ามีประโยชน์ต่อท่านกับข้า เลยมาเติบโตที่นี่ก็เป็นได้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดติดตลก
หมัวซาถูกคำพูดนี้ของเธอทำให้ต้องเบ้ปาก คร้านจะตอบเธอ เขาหลับตาลงหยั่งรู้ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลืมตาแล้วพูดว่า “ยังเหลืออีกยี่สิบวันกว่าผลอสรพิษทองคำจะสุกงอม จะให้ดีเจ้าต้องไปก่อนล่วงหน้าสักสองวันเพื่อคอยสังเกตดูสถานการณ์”
“ข้ารู้แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าพูด
หมัวซาเห็นเช่นนี้แล้วจึงแปลงร่างเป็นควันดำกลุ่มหนึ่งกลับเข้าไปภายในมณีวิญญาณ
ซือหม่าโยวเย่ว์เอนกายกลับลงไปบนเตียงอีกครั้งแล้วพูดกับตัวเองว่า “ยี่สิบวัน เก็บรวบรวมซากสัตว์อสูรวิเศษได้มากพอแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่การเสาะหาสมุนไพรแล้ว ถึงอย่างไรก็น่าจะทำสำเร็จได้ภายในครึ่งเดือนอยู่แล้ว แต่พื้นที่ชั้นในอันตรายถึงเพียงนั้น ถึงเวลาให้ข้าไปเองก็พอแล้ว เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องตกอยู่ในอันตรายด้วย แต่จะให้พวกเขาจากไปได้อย่างไรนี่สิ เอาละ ไม่คิดแล้วดีกว่า ถึงเวลาค่อยว่ากัน”
หลังจากคิดทะลุปรุโปร่งแล้วซือหม่าโยวเย่ว์ก็หลับตาแล้วท่องเคล็ดหลอมวิญญาณเงียบๆ ในใจ เริ่มต้นฝึกวิญญาณ
ผ่านการพักฟื้นมาหนึ่งวันหนึ่งคืน อาการบาดเจ็บของพวกเจ้าอ้วนชวีก็ดีขึ้นไม่น้อยเลย อย่างน้อยก็เดินทางได้อย่างไม่มีปัญหาแล้ว เมื่อนึกถึงว่ายังมีสมุนไพรที่ต้องเสาะหากันอีกหลายชนิด เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วจึงออกเดินทางกัน
เพื่อให้ระยะเวลาสั้นที่สุด ซือหม่าโยวเย่ว์ก็โยนเจ้าคำรามน้อยออกไป ให้มันไปหาสัตว์อสูรทิพย์พูดได้ตนหนึ่งแล้วถามว่าสมุนไพรเจริญเติบโตอยู่ที่ใด หลังจากนั้นจึงมาบอกเธอ แล้วเธอก็พาทุกคนไปเก็บสมุนไพรที่นั่น
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ยังใช้เวลาไปนานถึงสิบสองวันจึงจะเก็บเครื่องยาได้ครบถ้วน
ณ บริเวณรอยต่อระหว่างพื้นที่ชั้นกลางและชั้นนอก พวกซือหม่าโยวเย่ว์เก็บหญ้าเปลวเพลิงที่ทำเป็นแผ่นเอาไว้ในหุบเขาเข้าไปภายในแหวนเก็บวัตถุของตนเอง
“หึๆ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าที่นี่จะมีหญ้าเปลวเพลิงมากมายถึงเพียงนี้” เจ้าอ้วนชวีหัวเราะอย่างมีความสุขแล้วเอ่ยขึ้น “เป่ยกง เจ้ามิได้บอกว่าแถวๆ หญ้าเปลวเพลิงมีอันตรายอยู่หรอกหรือ เหตุใดพวกเราจึงไม่พบเจอแม้แต่สัตว์อสูรวิเศษสักตัวเดียวเลยเล่า”
เป่ยกงถังเองก็สงสัยอยู่บ้างแล้วพูดว่า “โดยหลักการแล้วที่นี่ต้องมีสัตว์อสูรวิเศษรวมตัวกันอยู่สิ แต่เหตุใดจึงไม่มีเลยเล่า”
“จะต้องถูกความเคลื่อนไหวของพื้นที่ชั้นในดึงดูดไปอย่างแน่นอน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “หลายวันมานี้พวกเราก็พบเจอสัตว์อสูรวิเศษกันน้อยมากเลยมิใช่หรือ ว่ากันว่ายามที่ของล้ำค่าแห่งฟ้าดินบางอย่างปรากฏขึ้น ล้วนอาจก่อให้เกิดความโกลาหลอันยิ่งใหญ่ขึ้นได้ คาดว่าคงไปร่วมในความคึกคักกันกระมัง”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง” เจ้าอ้วนชวีพยักหน้าอย่างเป็นจริงเป็นจัง
พอเก็บเกี่ยวหญ้าเปลวเพลิงที่มีอายุมากกันจนหมดแล้วก็นับได้ว่าภารกิจของพวกเขาในครั้งนี้เสร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เว่ยจือฉีมองเงาหลังของซือหม่าโยวเย่ว์ ตอนแรกคิดว่าการพาเธอมาด้วยจะเป็นภาระ แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากมาถึงที่นี่แล้วเธอกลับมีส่วนช่วยเหลือทุกคนมากที่สุด
“ภารกิจของพวกเราสำเร็จเรียบร้อยแล้ว จะกลับกันเมื่อไรดีเล่า” เว่ยจือฉีถาม
เมื่อได้ฟังคำพูดของเขา ร่างกายของซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังก็แข็งเกร็ง
………………