“เจ้าอ้วน จือฉี คาดว่าต้องรอสักระยะหนึ่งยาวิเศษของพวกเจ้าทั้งสองจึงจะเสร็จนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ไม่เป็นไร พวกเราไม่รีบหรอก” เจ้าอ้วนชวีพูด
แต่ในใจพวกเขากลับคิดว่าพวกเขาแทบมิได้ช่วยอะไรในเรื่องนี้เลย การได้รับสิ่งตอบแทนมาก็เป็นความยินดีเหนือความคาดหมายแล้ว ถ้าหากได้ยาวิเศษยกระดับพลังยุทธ์มาจริงๆ จะรออีกสักระยะหนึ่งก็ไม่เห็นเป็นไร
“ใช่แล้ว โยวเย่ว์ สิ่งที่เจ้าให้พวกเราโปรยใส่ตระกูลน่าหลานคือสิ่งใดหรือ” เป่ยกงถังถาม
“ผงหอมลวง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ขอเพียงแค่กลิ่นหอมนั้นติดอยู่บนร่าง ต่อให้ล้างก็ล้างไม่ออก”
“มันมีประโยชน์อะไรหรือ” โอวหยางเฟยถาม
“เรื่องนี้ รอให้อาการบาดเจ็บของพวกเราหายก่อน พวกเจ้าลองดูก็รู้แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มยิงฟัน
ในเมื่อคนตระกูลน่าหลานจะกลับไปหาเรื่องตระกูลซือหม่า เช่นนั้นก็ไม่ให้พวกเขาออกไปได้เลยแล้วกัน
“เอาละ โยวเย่ว์ เจ้าได้รับบาดเจ็บอยู่ อย่าเพิ่งพูดอะไรมากเลย ทุกคนเหนื่อยกันมามากแล้ว ไปพักผ่อนกันดีกว่านะ” โอวหยางเฟยพูด
“อืม”
เพราะซือหม่าโยวเย่ว์กับเป่ยกงถังนอนบนเตียงไปแล้ว พวกโอวหยางเฟยจึงได้แต่หาพื้นที่ภายในถ้ำอาศัยนอน พวกเขาไม่มีเตียงใหญ่โต ส่วนพวกเก้าอี้ต่างๆ ล้วนนำมาหมด
เพียงไม่นานภายในถ้ำก็เงียบสงัดลง เพราะทุกคนล้วนหมดเรี่ยวหมดแรงจากเรื่องเมื่อกลางวันจึงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
ซือหม่าโยวเย่ว์มองใบหน้าด้านข้างของโอวหยางเฟยด้วยแววตาสงสัย
ยาวิเศษขั้นสี่คงมิได้มีอยู่มากมายนักในอาณาจักรตงเฉิน เขาบอกว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า แล้วมียาวิเศษอันล้ำค่าเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร นอกจากนี้ไม่ว่าจะดูอย่างไรเธอก็รู้สึกว่าเขาดูไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปเลย
ถึงแม้ในใจจะมีข้อสงสัย แต่เธอก็มิได้พูดอะไร คงเหมือนกับเธอที่มีความลับมากมาย ใครบ้างเล่าที่จะไม่มีเรื่องที่ไม่อยากให้ผู้อื่นรู้ซ่อนอยู่
ไม่นานนักราตรีหนึ่งก็ผ่านพ้นไป ยาวิเศษภายในร่างของซือหม่าโยวเย่ว์ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว บวกกับสภาวะร่างกายพิเศษของเธอ ตอนที่ตื่นขึ้นในเช้าวันถัดมา เธอก็ลงจากเตียงมาเดินได้แล้ว
“โอ้… โยวเย่ว์ ความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของเจ้าดีเกินไปแล้วนะ!” เมื่อเห็นท่าทีของซือหม่าโยวเย่ว์ ทุกคนก็อ้าปากค้างอย่างตกใจ
“เพราะยาวิเศษของโอวหยางให้ผลดีน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์ยกความดีทั้งหมดให้กับยาวิเศษ
“เป่ยกง เป็นอย่างไรบ้าง” โอวหยางเฟยมิได้พูดถึงเรื่องยาวิเศษต่อ หากแต่หันไปถามเป่ยกงถังแทน
“นอกจากขาที่ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยแล้ว ส่วนอื่นๆ ข้าก็ไม่เป็นไรเลย” เป่ยกงถังพูดยิ้มๆ
ถึงแม้ยาวิเศษที่ซือหม่าโยวเย่ว์มอบให้จะมีระดับขั้นไม่สูงนัก แต่อาการบาดเจ็บของนางก็มิได้สาหัสอะไรมาก ดังนั้นจึงมิได้เป็นปัญหาใหญ่แต่อย่างใด
“วันนี้พวกเราพักผ่อนกันอีกสักวันหนึ่งเถิด พรุ่งนี้ค่อยไปทำเรื่องอื่นกันต่อ” เว่ยจือฉีมองคนที่อยู่ข้างกำแพงทั้งหลายพลางเอ่ยขึ้น
เรื่องอื่นที่เขาว่าก็คือการจัดการคนเหล่านี้นั่นเอง
“พวกเจ้าทั้งสองพักผ่อนกันไปก่อน พวกเราจะไปหาของกินกลับมาให้” โอวหยางเฟยพูด
“ไม่ต้องหรอก ข้ามีอยู่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เช่นนั้นพวกเราไปหาน้ำกลับมาสักหน่อยแล้วกัน”
“ข้าก็มีเช่นกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“แล้วฟืนเล่า”
ซือหม่าโยวเย่ว์อยากจะพูดว่ามีแล้วเช่นกัน แต่ไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกว่าเธอเป็นโดราเอมอนที่มีทุกอย่าง ดังนั้นจึงยิ้มพลางส่ายหน้า
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปหาฟืนก่อนนะ” โอวหยางเฟยพูดแล้วออกไป
“พวกเราอยู่ใกล้ๆ นี่เอง หากมีเรื่องอันใดพวกเจ้าตะโกนดังๆ พวกเราก็จะกลับมาหาเลย”
พูดจบเว่ยจือฉีและเจ้าอ้วนชวีก็ออกไปเช่นกัน
“นี่พวกเขาเป็นอะไรกันไปหมด” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นคนทั้งสามที่รีบรุดออกไป จึงมองเป่ยกงถังอย่างไม่เข้าใจ
“แค่กๆ คาดว่าคงมีเรื่องอันใดที่ไม่สะดวกใจจะพูดกระมัง” เป่ยกงถังพูด
“เรื่องที่ไม่สะดวกใจจะพูด นั่นคือไปทำธุระส่วนตัวหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าอย่างเข้าใจ
มนุษย์มีเรื่องเร่งด่วนอยู่สามประการ เรื่องพรรค์นี้มีตรงไหนที่พูดไม่ได้กัน ซือหม่าโยวเย่ว์แอบเหยียดหยามพวกเขาทั้งสามอยู่ในใจ
แต่สิ่งที่เธอนึกไม่ถึงก็คือก่อนหน้านี้ตัวตนของเธอเป็นบุรุษ พวกเขาจึงพูดเรื่องเหล่านี้ต่อหน้าเธอโดยไม่คิดอะไร ตอนนี้เมื่อนึกถึงว่าเธอเป็นอิสตรี พวกเขาย่อมละอายใจเป็นธรรมดา
“เป่ยกง ได้ผลอสรพิษทองคำมาแล้ว เจ้ารีบเอาให้สัตว์อสูรผูกพันธสัญญาของเจ้ากินเสียสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“อืม” เป่ยกงถังพยักหน้า ความคิดวูบไหวคราหนึ่ง นกสีครามตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นภายในถ้ำ
“นี่คือ…ปักษาครามอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นเมิ่งจีในร่างจำแลงจึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
ปักษาครามเป็นเผ่าพันธุ์ปักษาเพลิง ท่านอาจารย์เคยบอกมาก่อนแล้วว่าดินแดนอี้หลินไม่มีปักษาเพลิง แต่เป่ยกงถังทำพันธสัญญากับปักษาครามตนหนึ่งได้ เช่นนั้นนางมิใช่คนของดินแดนแห่งนี้หรอกหรือ!
เป่ยกงถังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นความประหลาดใจที่ภายหลังกลายเป็นความเข้าใจในสายตาของซือหม่าโยวเย่ว์ นางรู้ว่าพอซือหม่าโยวเย่ว์ได้เห็นเมิ่งจีแล้วต้องรู้เรื่องราวบางอย่าง แต่เธอก็เชื่อว่าโยวเย่ว์ไม่มีทางพูดออกไปแน่
“เมิ่งจี เมิ่งจี” เป่ยกงถังเรียกอยู่หลายครั้ง เมิ่งจีจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ
“เจ้านาย” เสียงของเมิ่งจีสั่นเครืออยู่บ้าง ดูท่าทางนางจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเป่ยกงถังไม่มีทางเรียกตนออกมาโดยไม่มีเหตุมีผล สองตาของมันก็เปล่งประกาย ”เจ้านาย ท่านเรียกข้าออกมา หรือว่า…”
เป่ยกงถังยิ้มพลางหยิบเอาผลอสรพิษทองคำออกมาแล้วยื่นส่งไปบริเวณปากของเมิ่งจีพลางเอ่ยว่า “โยวเย่ว์ชิงผลอสรพิษทองคำนี่มาได้ พวกเราล้วนต้องขอบคุณนาง”
เมิ่งจีมองซือหม่าโยวเย่ว์ที่นอนอยู่บนเตียงพลางเอ่ยอย่างซาบซึ้งว่า “ขอบคุณท่านมาก”
ซือหม่าโยวเย่ว์โบกไม้โบกมือแล้วพูดว่า “เจ้านายของเจ้าได้รับปากจะแลกด้วยร่างกายไปแล้ว เจ้าไม่ต้องขอบคุณหรอก”
เมิ่งจีได้ฟังแล้วจึงมองเป่ยกงถังอย่างร้อนรนพลางเอ่ยว่า ”เจ้านาย ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ถ้าหากสิ่งนี้ต้องแลกมาด้วยความสุขชั่วชีวิตของท่าน เมิ่งจีก็ไม่ต้องการมันหรอก!”
“พรืด…” เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเมิ่งจี ซือหม่าโยวเย่ว์ก็หัวเราะออกมาในทันใด
“เมิ่งจี โยวเย่ว์ล้อเจ้าเล่นน่ะ” เป่ยกงถังพูดยิ้มๆ “นางเป็นสตรี จะให้ข้าแลกด้วยร่างกายได้อย่างไรกัน เอาละ หากปล่อยผลอสรพิษทองคำนี่ไว้ข้างนอกนานเกินไปอาจล่อสัตว์อสูรวิเศษเข้ามาได้ เจ้ารีบกินแล้วกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บเสียสิ”
“เจ้านาย นางเป็นสตรีจริงๆ หรือ” เมิ่งจียังมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างสงสัย เหตุใดมันจึงมองไม่ออกสักนิดเลยเล่าว่าซือหม่าโยวเย่ว์เป็นอิสตรี แม้กระทั่งกลิ่นก็ยังไม่เหมือนเลย
“เอาล่ะ เจ้ารีบกินแล้วกลับไปเสียเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เจ้าไม่เพียงแต่จะได้รับบาดเจ็บทางกายเท่านั้น แม้กระทั่งวิญญาณก็ยังได้รับบาดเจ็บไม่เบาเลย ดังนั้นผ่านมาเนิ่นนานเพียงนี้จึงยังไม่หายเสียที ผลอสรพิษทองคำนี่นอกจากจะเพิ่มพูนพลังยุทธ์ของเจ้าได้แล้ว ยังซ่อมแซมวิญญาณของเจ้าได้ด้วย เจ้ายังไม่รีบกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บอีกหรือ”
เมิ่งจีตกตะลึงไม่น้อย นางรู้ได้อย่างไรว่าวิญญาณของตนได้รับบาดเจ็บ เรื่องนี้แม้กระทั่งเป่ยกงถังก็ยังไม่รู้เลย
“วิญญาณได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ มิน่าเล่าเนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้วอาการบาดเจ็บของเจ้าจึงยังไม่ดีขึ้นเสียที” เป่ยกงถังพูด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอตัวกลับก่อน” เมิ่งจีเห็นสายตาเต็มไปด้วยคำถามของเป่ยกงถังจึงคาบผลอสรพิษทองคำขึ้นมาแล้วกลับไปยังมิติพันธสัญญา
เมื่อเห็นเป่ยกงถังมีท่าทีกระวนกระวายอยู่บ้าง ซือหม่าโยวเย่ว์จึงแย้มยิ้มแล้วพูดว่า “ที่มันไม่อยากบอกเจ้าก็เพราะไม่อยากให้เจ้ากังวลใจนี่แหละ ถึงอย่างไรก็มีผลอสรพิษทองคำแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานมันคงไม่เป็นไรแล้วล่ะ เจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลยนะ”
“โยวเย่ว์ เจ้ารู้ได้อย่างไรกันว่าวิญญาณเมิ่งจีได้รับบาดเจ็บ” เป่ยกงถังถาม
“เพราะข้ามีสายตาอันเฉียบคมราวตาทิพย์น่ะสิ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดยิ้มๆ เธอบอกไม่ได้ว่านี่เป็นสิ่งที่หมัวซาบอกเธอ จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาโดยถามว่า “ใช่แล้ว เหตุใดเจ้าสามคนนั้นจึงยังไม่กลับมาอีก”
เธอเพิ่งเอ่ยวาจาออกไปก็ได้ยินเสียงฝีเท้าพอดี เสียงนั้นมุ่งหน้าเข้ามายังถ้ำอย่างชัดเจน แต่กลับมิใช่สามคนนั้น มีจำนวนมากกว่าอยู่หลายคนเลยทีเดียว
เป่ยกงถังก็ได้ยินเสียงฝีเท้าผิดปกติเช่นกัน ทั้งสองคนจึงมองปากถ้ำอย่างระแวดระวัง
……………………