หมัวซาพยักหน้าพลางมองดูรอยเท้าที่ประทับอยู่บนทรวงอกของซือหม่าเลี่ยแล้วส่งสัญญาณให้เธอนำยาวิเศษยอดราชันให้เขากิน หลังจากนั้นจึงถอนเข็มเงินบนร่างออก
ซือหม่าโยวเย่ว์ทำตาม เธอหยิบยาวิเศษยอดราชันเม็ดนั้นลงมาวางในปากซือหม่าเลี่ย หลังจากเห็นเขากลืนลงไปแล้วจึงถอนเข็มเงินออกมาตามลำดับ หลังจากนั้นจึงถอยมาอยู่อีกด้านหนึ่ง
หมัวซายื่่นมือขวาออกมาวางลงที่ด้านบนทรวงอกของซือหม่าเลี่ย ไอหมอกดำกลุ่มหนึ่งค่อยๆ ห่อหุ้มมือเขาอย่างช้าๆ
ซือหม่าโยวเย่ว์จ้องเขาเขม็ง ไม่รู้ว่าเขาจะขจัดไอมารภายในร่างกายซือหม่าเลี่ยออกไปอย่างไร
ทว่าหมัวซากลับดูผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง ไอมารภายในร่างกายซือหม่าเลี่ยขยับไหวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งราวกับพบศัตรูตัวฉกาจ ขาไก่หกนิ้วนั้นคล้ายกับมีชีวิตขึ้นมาแล้วเริ่มต้นวิ่งวุ่นไม่หยุด
ซือหม่าโยวเย่ว์ตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เดิมที่คิดว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงไอมารเรียบง่ายกลุ่มหนึ่งเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะยังมีชีวิตอีกด้วย
เมื่อเห็นกรงเล็บมารนั้นต่อต้าน หมัวซาก็ส่งเสียงเฮอะเยียบเย็นเสียงหนึ่งแล้วเพิ่มพลังเข้าไป กรงเล็บมารนั้นก็ถอนตัวออกมาจากภายในร่างซือหม่าเลี่ยอย่างไม่ยินยอม
“จี๊ดๆ…”
ตอนที่กรงเล็บมารผละจากร่างซือหม่าเลี่ยนั้นยังส่งเสียงร้องแหลมราวกับหนูด้วย
“เจ้าหนูปีศาจหกนิ้วตัวกระจ้อยร่อย ยังหลงผิดคิดต่อกรกับข้าอีก!” ไอมารในมือหมัวซาคว้าจับกรงเล็บมารเอาไว้ด้วยแววตาที่ทำให้มันสั่นสะท้านไม่น้อย
หมัวซาออกแรงคราหนึ่ง กรงเล็บมารนั้นก็เปลี่ยนกลายเป็นไอหมอกดำจางๆ ถูกหมอกดำในอุ้งมือเขากลืนหายไปจนสิ้น
“นี่เสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นหมัวซาเก็บไอมารของตัวเองกลับมาแล้วจึงเอ่ยถามขึ้น
หมัวซาพยักหน้าก่อนจะหายตัวกลับเข้าไปในมณีวิญญาณ
ซือหม่าโยวเย่ว์หันมาจับชีพจรให้ซือหม่าเลี่ย สัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาถูกไอมารกัดกร่อนไปมากพอดู ถ้าหากขจัดไอมารออกไปเฉยๆ พลังยุทธ์ของเขาจะต้องหายไปไม่น้อยอย่างแน่นอน
ทว่าตอนนี้ยาวิเศษยอดราชันกำลังค่อยๆ ฟื้นฟูชิ้นส่วนร่างกายที่ถูกกัดกร่อนของเขาทีละน้อย เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา พลังยุทธ์จะต้องไม่เสียหายอย่างแน่นอน
พอแน่ใจว่าซือหม่าเลี่ยไม่เป็นไรแล้ว หัวใจที่ลอยคว้างของซือหม่าโยวเย่ว์จึวค่อยคลายลง เธอไปยังช่องประตูแล้วผ่อนลมหายใจ ก่อนจะเปิดประตูแล้วอมยิ้มมองซือหม่าโยวหรานและคนอื่นๆ ที่รอคอยอยู่ข้างนอกอย่างกระวนกระวาย
“ท่านพี่สาม ท่านพี่สี่ เสร็จแล้วล่ะ”
ซือหม่าโยวเล่อกำลังเดินกลับไปกลับมาอย่างกระวนกระวาย พอเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ออกมาจึงพุ่งตัวขึ้นไปข้างหน้าแล้วคว้าไหล่ทั้งสองของเธอไว้พลางถามว่า ”น้องห้า ท่านปู่หายแล้วหรือ”
“โชคดีที่รักษาชีวิตเอาไว้ได้” ซือหม่าโยวเย่ว์ออกไปพร้อมรอยยิ้ม ซือหม่าโยวหรานและซือหม่าโยวเล่อรีบรุดเข้ามา เมื่อเห็นว่าไอดำทะมึนบนร่างซือหม่าเลี่ยหายลับไปแล้วจึงค่อยวางใจลง
“น้องห้า คราวนี้ขอบใจเจ้ามากนะ” ซือหม่าโยวเล่อพูดพลางตบบ่าซือหม่าโยวเย่ว์
“ข้าก็แค่บังเอิญเห็นในตำราโบราณเท่านั้น” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร คราวนี้ล้วนเป็นผลงานของเจ้าทั้งสิ้น” ซือหม่าโยวหรานพูด “ท่านปู่จะฟื้นขึ้นมาเมื่อใดหรือ”
“ร่างกายท่านปู่ถูกสัตว์ปีศาจนั่นทำร้าย ตอนนี้กำลังฟื้นฟูร่างกายอยู่ พรุ่งนี้น่าจะฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“สัตว์ปีศาจหรือ” ซือหม่าโยวหรานขมวดคิ้ว ที่นี่มีสัตว์ปีศาจปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไรกัน
“อืม เท่าที่ข้ารู้ สัตว์ปีศาจล้วนอยู่ที่ภพมารทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าท่านปู่ไปพบเจอสัตว์ปีศาจได้อย่างไร ทั้งยังถูกทำร้ายมาอีกด้วย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ทั้งหมดนี้ต้องรอให้ท่านปู่ฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยถามแล้วล่ะ”
“อืม รอให้ท่านปู่ฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยถามเขาแล้วกัน” ซือหม่าโยวหรานพยักหน้า
“ท่านพี่สาม ท่านพี่สี่ พวกท่านดูแลท่านปู่มาหนึ่งวันเต็มๆ แล้ว ไปพักผ่อนสักหน่อยเถิด เรื่องที่นี่ยกให้ข้าจัดการเอง”
“อืม เจ้าดูแลท่านปู่ให้ดีๆ ล่ะ” กระวนกระวายและวิตกกังวลมาทั้งวัน ทำให้ซือหม่าโยวเล่อเองก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้างจริงๆ
“พวกเราอยู่ห้องข้างๆ นะ หากท่านปู่ฟื้นแล้วต้องบอกให้พวกเรารู้ด้วยล่ะ” ซือหม่าโยวหรานเอ่ยกำชับ
“อืม วางใจเถิด ข้าจะบอกพวกท่านแน่” ซือหม่าโยวเย่ว์นั่งลงข้างเตียงซือหม่าเลี่ยพลางโบกมือให้คนทั้งสอง
ซือหม่าโยวเล่อออกไปก่อน ซือหม่าโยวหรานเดินอยู่ด้านหลัง เขามองเข้าไปแวบหนึ่งขณะปิดประตู ก็เห็นซือหม่าโยวเย่ว์นั่งมองซือหม่าเลี่ยอยู่ข้างเตียงแล้วสวมเสื้อผ้าให้เขาอย่างระมัดระวัง มุมปากจึงยกเป็นรอยยิ้มน้อยๆ
รอจนเหลือเธออยู่เพียงคนเดียวในห้อง เธอจึงติดต่อกับหมัวซาซึ่งอยู่ภายในมณีวิญญาณ
“หมัวซา เจ้าหนูปีศาจหกนิ้วนั่นคือสัตว์ปีศาจอะไรหรือ”
“ก็แค่สัตว์อสูรปีศาจระดับต่ำสุดของภพมารเท่านั้นเอง” หมัวซาตอบเรียบเรื่อย
“ในเมื่อเป็นสัตว์ปีศาจแล้วเหตุใดจึงมาปรากฏตัวที่อาณาจักรตงเฉินได้เล่า”
“เรื่องนี้ก็ออกจะแปลกประหลาดอยู่จริงๆ นั่นแหละ” หมัวซาครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ตามปกติแล้วสัตว์ปีศาจจะดำรงชีวิตอยู่ที่ภพมาร ว่ากันตามจริงแล้วก็คือถูกกักขังอยู่ในภพมาร ตอนนี้มาปรากฏตัวที่นี่ก็พูดได้ว่าสัตว์ปีศาจหาทางออกพบแล้ว จนมาถึงที่นี่ได้”
“ถ้าหากคนของเผ่ามารจำนวนมากเข้ามาแล้วจะทำอย่างไรดี” ซือหม่าโยวเย่ว์นึกถึงว่าแค่หนูปีศาจหกนิ้วระดับต่ำสุดเพียงตัวเดียวยังทำให้ซือหม่าเลี่ยเป็นเช่นนี้ได้ ถ้าหากเผ่ามารกลุ่มใหญ่เข้ามาที่นี่แล้วผลลัพธ์คงจะมิอาจจินตนาการได้ สิ่งมีชีวิตทั่วทั้งแผ่นดินอาจจะสูญสิ้นไปหมดก็เป็นได้!
“เจ้าวางใจเถิด เรื่องที่เจ้าคิดไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก อย่างน้อยก็คงไม่เกิดเร็วๆ นี้แน่” หมัวซารับรู้ความคิดของซือหม่าโยวเย่ว์ได้จึงพูดพร้อมรอยยิ้มเย็น
“เพราะเหตุใดเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“เมื่อครู่ข้าพูดไปแล้วมิใช่หรือ เผ่ามารถูกกักขังเอาไว้ในภพมาร ในเมื่อถูกกักขังแล้วจะปล่อยเผ่ามารกลุ่มใหญ่หลุดออกไปได้อย่างไรกัน ต่อให้มีทางเข้า เผ่ามารก็ไม่มีทางเลือกมาที่ดินแดนอี้หลินหรอก”
“เหตุใดจึงไม่มา”
“เพราะวิถีสวรรค์” หมัวซาพูด
เป็นเพราะวิถีสวรรค์อีกแล้ว!
ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ยินคำนี้เป็นครั้งที่สองแล้วแต่ยังคงไม่รู้ว่าวิถีสวรรค์คือสิ่งใด
“ยังไม่เข้าใจอยู่ดี” ซือหม่าโยวเย่ว์ส่ายศีรษะ
“พูดเช่นนี้แล้วกัน” หมัวซาพูด “เพราะระดับขั้นของดินแดนอี้หลินต่ำเกินไป พลังยุทธ์อ่อนแอเกินไป เพื่อความสมดุลของโลก สิ่งที่มองไม่เห็นสิ่งหนึ่งจะปรากฏขึ้น สิ่งนั้นทำหน้าที่ควบคุมสถานที่ระดับสูง ทำให้มิอาจมาอาละวาดที่นี่ได้ วิถีสวรรค์จะควบคุมพลังยุทธ์ของพวกเขาตามธรรมชาติ ทำให้พวกเขาแสดงออกได้เพียงพลังยุทธ์ระดับสูงสุดของที่นี่เท่านั้น”
“อย่างเช่นคนระดับเทพคนหนึ่ง พอมาถึงที่นี่แล้วก็จะแสดงออกได้เพียงแค่พลังยุทธ์ระดับจ้าววิญญาณเท่านั้น ถูกต้องหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ถูกต้อง” หมัวซาพูด “เพราะความอ่อนแอ ดังนั้นจึงมีวิถีสวรรค์คอยคุ้มครอง ส่วนกำแพงกั้นของภพมารที่มายังดินแดนอี้หลินนั้นหนาที่สุด เจ้าพวกนั้นเลือกมาที่นี่เพราะมิอาจปล่อยสถานที่ที่อ่อนแอไปได้ ต่อให้มาแล้วก็ไม่ได้ทรัพยากรดีๆ แต่อย่างใด พวกเขามิอาจเสียเวลาเปล่าได้”
ถึงแม้จะไม่สบายใจเพราะถูกบอกว่าเป็นสถานที่ที่อ่อนแอที่สุด แต่เมื่อได้ฟังเช่นนี้ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ไม่ต้องกังวลว่าเผ่ามารจะมาทำร้ายคนในครอบครัวของเธอที่นี่แล้ว
“นอกจากนี้อันที่จริงแล้วเผ่ามารก็มิได้ร้ายกาจอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ” หมัวซาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
“ท่านปู่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชันวิญญาณแต่กลับสู้สัตว์อสูรปีศาจธรรมดาๆ ตนหนึ่งของภพมารมิได้เลย ยังไม่นับว่าร้ายกาจอีกหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เชื่อ
“เจ้าหนูปีศาจหกนิ้วตนนี้มีความพิเศษในตัวมันเอง นอกจากนี้ท่านปู่ของเจ้าคงจะถูกลอบโจมตีจึงถูกมันทำร้ายเอาได้ สำหรับไอมารก็เป็นเพียงแค่การตอบโต้กับธาตุแสงสว่างของพวกเจ้าเท่านั้น ถ้าหากเผชิญกับสัตว์อสูรปีศาจตนอื่นๆ ก็มิใช่ว่าท่านปู่ของเจ้าจะตอบโต้ไม่ได้หรอก”
ท่านปู่ถูกลอบทำร้ายหรือ ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าเลี่ย ที่แท้แล้วเมื่อวานนี้เขาพบเจออะไรกันแน่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ยังไม่พอ ยังจะถูกสัตว์ปีศาจลอบโจมตีอีก ในเมื่อคนของภพมารมายังโลกแห่งนี้ไม่ได้ เช่นนั้นผู้ที่มีหนูปีศาจหกนิ้วอยู่ยังจะเป็นใครได้อีก เหตุใดเขาจึงต้องทำร้ายท่านปู่ด้วย
“ท่านปู่ ท่านรีบฟื้นขึ้นมาเร็วเข้าเถิด…”
…………………