เจ้าวิญญาณน้อยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่หรอก ถึงแม้ว่ากาลเวลาที่นี่จะเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่จะไม่ทิ้งร่องรอยการเคลื่อนผ่านของกาลเวลาเอาไว้ในร่างกายมนุษย์เลย ความเร็วช้าในการแก่ชราของเจ้าก็จะเหมือนกับข้างนอกเลย”
“มหัศจรรรย์เช่นนี้เชียวหรือ!”
“แน่นอนสิ ข้ายังมีเรื่องน่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่านี้อีก ในภายหน้าเจ้าก็จะรู้เอง” เจ้าวิญญาณน้อยขายของ
“เช่นนั้นระยะเวลาของที่นี่เทียบกับข้างนอกอย่างไรหรือ”
“ข้างนอกหนึ่งวันเท่ากับข้างในสามวัน”
“เช่นนั้นหากข้าอยู่ที่นี่สามวันก็เท่ากับข้างนอกเพียงวันเดียวเองหรือ”
“ใช่แล้ว”
“ฮ่าๆ ยอดเยี่ยมเหลือเกิน!” ซือหม่าโยวเย่ว์หัวเราะเสียงดังลั่น ถ้าหากตอนนี้หมัวซามิได้อยู่ในสภาวะวิญญาณ เธอคงอดมิได้ที่จะสวมกอดเขาสักครั้งหนึ่งเพื่อแสดงถึงความตื่นเต้นของตัวเองไปแล้ว
ในตอนนี้เธอกำลังเป็นกังวลอยู่พอดีว่าตนเองจะมีเวลาไม่พอใช้ แต่ตอนนี้มีสิ่งนี้เพิ่มขึ้นมา ก็เหมือนกับมีคนส่งหมอนให้ในยามง่วงจริงๆ!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอก็ฝึกยุทธ์ ศึกษาการหลอมยาและค่ายกลห้วงมิติที่นี่ได้ เหลือเวลาอีกสองปีกว่าๆ ตอนนี้เร็วขึ้นสามเท่า ก็เท่ากับเธอมีระยะเวลาถึงหกปีเลยทีเดียว
“ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกอยู่ตลอดว่าการได้พบกับท่านคือเรื่องวุ่นวายในชีวิต แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกจากใจจริงว่าการได้พบท่านก็ไม่เลวเลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์ยื่นมือไปแตะดวงวิญญาณของหมัวซาพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หมัวซาเพียงแค่เหลือบมองเธอปราดหนึ่ง มิได้พูดจา เขาแปลงร่างกลายเป็นไอหมอกดำหายกลับเข้าไปภายในสร้อยข้อมือ
“ใช่แล้ว ยังมีของอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้เจ้าดูด้วย” เจ้าวิญญาณน้อยสลัดตัวหลุดออกจากอ้อมกอดของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพาตัวเธอไปที่ข้างสระน้ำขนาดหนึ่งตารางเมตร
“เอ๊ะ ตรงนี้มีสระน้ำเพิ่มขึ้นมาสระหนึ่งนี่นา!” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเห็นสระน้ำที่มีของเหลวสีขาวราวน้ำนมไหลเวียนอยู่จึงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ
“สิ่งเหล่านี้คือน้ำทิพย์วิญญาณ” เจ้าวิญญาณน้อยพูด “ปลูกต้นผลอสรพิษทองคำที่ข้างสระนี่ ไอพลังที่มันแผ่ออกมาก็จะถูกดูดซับเข้าไปในน้ำทิพย์วิญญาณได้”
“น้ำทิพย์วิญญาณหล่อเลี้ยงดวงวิญญาณได้ ใช่หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์เอื้อมมือไปสัมผัสมันจึงพบว่าน้ำทิพย์วิญญาณนั้นมีอยู่เพียงน้อยนิด เพียงแค่ปกคลุมก้นสระเล็กๆ นี้เป็นชั้นบางๆ เท่านั้น
“ถูกต้อง ต่อจากนี้สารสกัดฟ้าดินที่ข้าดูดซับก็จะมารวมกันอยู่ภายในสระแห่งนี้ ทั้งเจ้าและหมัวซามาใช้ได้ เจ้าใช้โดยตรงได้เลย แต่หมัวซานั้นเจ้าต้องหยดน้ำทิพย์วิญญาณเข้าไปในสร้อยข้อมือเป็นระยะๆ มันจะช่วยหล่อเลี้ยงดวงวิญญาณของเขาได้ ให้ผลลัพธ์ดีกว่าต้นผลอสรพิษทองคำมากมายนัก” เจ้าวิญญาณน้อยพูด
“เจ้าวิญญาณน้อย เจ้าช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ล้ำเลิศยิ่งนัก!” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าวิญญาณน้อย ตัวเขาหลังการยกระดับนี้มิอาจสรรหาคำใดมาพรรณนาได้เลย
เจ้าวิญญาณน้อยขยับคางไปมาอย่างลำพองใจ เขากับหมัวซาต้องทุ่มเทความคิดจิตใจไปตั้งมากมายจึงเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ขึ้นมาได้
แน่นอนว่าเรื่องนี้หนีไม่พ้นประโยชน์อันยอดเยี่ยมของเจดีย์เจ็ดชั้น ก็ไม่รู้ว่าที่แท้แล้วเจ้าของเจดีย์เจ็ดชั้นใช้สิ่งใดหลอมมันขึ้นมา เขาสัมผัสได้ว่าส่วนประกอบทุกชนิดมิได้อ่อนด้อยไปกว่าเขาเลย นอกจากนี้ยังหลอมรวมขึ้นจากส่วนประกอบหลายชนิดอีกด้วย ถ้าหากตอนนั้นตนได้พบกับเจ้าของผู้นั้น เกรงว่าตนก็คงจะได้กลายเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของมันไปแล้ว
“เอาล่ะ เจ้ารักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่นี่ก่อนเถิด ถ้าหากเจ้าออกไปในสภาพนี้คงจะทำให้พวกเขาตกใจแย่” เจ้าวิญญาณน้อยพูดจบก็หายตัวไป
“นี่ๆ เจ้ามาบอกข้าก่อนสิว่าข้าจะขึ้นไปชั้นบนๆ ได้อย่างไรแล้วค่อยไป!” ซือหม่าโยวเย่ว์ตะโกน
“บอกเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกน่า รอให้เจ้าพลังยุทธ์ถึงขั้นแล้วก็จะรู้เองนั่นแหละ!” เจ้าวิญญาณน้อยพูดจบก็เงียบเสียงไป ดูท่าทางคงไม่คิดจะบอกเธอจริงๆ ว่ามีอะไรอยู่ข้างบน
“เชอะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์เบ้ปากอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นแขนดำเปรอะเปื้อนของตนแล้ว ดูท่าทางสามวันนี้ตนคงต้องอยู่ที่นี่จริงๆ เสียแล้ว
เธอปล่อยตัวย่ากวงออกมาก่อน เมื่อเห็นที่นี่แล้ว มันที่สงบนิ่งมาโดยตลอดก็อดที่จะวิ่งถลันออกมามิได้
พอหลิงหลงออกมาก็ตีบนร่างซือหม่าโยวเย่ว์สองครั้ง จากนั้นก็ไม่รู้ว่าวิ่งไปหาตัวเจ้าวิญญาณน้อยมาเล่นด้วยที่ไหนเสียแล้ว
“พวกนี้ออกมากันหมดแล้ว เหตุใดเพลิงชาดจึงชอบอยู่แต่ในมิติพันธสัญญาเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์รับสัมผัสถึงเพลิงชาดครั้งหนึ่ง ไข่ฟองนั้นยังคงหลับใหลอยู่ เธอจึงไม่ไปยุ่งกับมันอีก
หลังจากนั้นเธอก็ปลูกต้นผลอสรพิษทองคำเอาไว้ข้างสระน้ำทิพย์วิญญาณ เมื่อเห็นใบไม้อันเหลืองกรอบ เธอจึงหยิบเอาช้อนหยกอันหนึ่งออกมาแล้วตักน้ำทิพย์วิญญาณในสระวิญญาณเบาๆ ช้อนหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ หยดลงไปบนกิ่งก้านต้นไม้ หลังจากนั้นก็เทส่วนที่เหลือลงไปยังรากไม้
“หวังว่าจะมีประโยชน์อยู่บ้างนะ!”
พอพูดจบ ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ลุกขึ้นยืนพลางมองห้วงมิติที่ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ในใจรู้สึกตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่อยู่
“ท่านปู่ ท่านพี่ทั้งหลาย มีพวกเจ้าวิญญาณน้อยอยู่ทั้งที อีกสองปีให้หลังข้าจะต้องไปหาพวกท่านที่นั่นให้จงได้!”
ในขณะที่เธอเตรียมจะจากไปฝึกยุทธ์อยู่นั้นเอง ต้นผลอสรพิษทองคำที่เดิมทีกำลังจะเฉาตายก็ส่งเสียงสวบสาบขึ้นมา เธอหันหน้าไปมองก็พบว่าใบไม้เหลืองกรอบเหล่านั้นร่วงหล่นไปจนหมดสิ้น บนกิ่งไม้อันโล่งเตียนเริ่มแตกใบออกมาใหม่ ใบที่ผลิออกมาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็แผ่กิ่งก้านสาขาจนเต็มสมบูรณ์
“นี่มันสถานการณ์อะไรกัน!” ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูการเปลี่ยนแปลงของต้นผลอสรพิษทองคำแล้วสะดุ้งอย่างแรงคราหนึ่ง
นี่คือเหตุการณ์ในชาติก่อนที่วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วหรือไร
“น้ำทิพย์วิญญาณคงจะไปเร่งการเจริญของต้นผลอสรพิษทองคำกระมัง” เสียงของหมัวซาดังออกมาจากภายในสร้อยข้อมือ “คราวนี้เติบโตได้มากมายเช่นนี้ เป็นเพราะว่าเมื่อครู่เจ้าใช้น้ำทิพย์วิญญาณมากเกินไปน่ะ”
“เช่นนั้นหากข้าให้มันอีกช้อนหนึ่ง มันก็จะผลิดอกออกผลได้ใช่หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามอย่างใคร่รู้
“หากทำมากเกินไปแล้วเจ้าไม่กลัวทำมันตาย เจ้าก็ลองทำดูสิ” หมัวซาพูด
“เช่นนั้นพอก่อนดีกว่า” ซือหม่าโยวเย่ว์เก็บช้อนหยก ถ้าหากมันตายไปจริงๆ เช่นนั้นเธอคงเสียหายอย่างมหาศาล
“ตอนที่เจ้ามีเวลาก็มารดน้ำมันทีละนิดสิ น่าจะเพิ่มความเร็วในการเจริญเติบโตของมันได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว” หมัวซาพูด
“เรื่องนี้ยกให้เจ้าวิญญาณน้อยทำก็แล้วกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด มารดน้ำมันวันละเล็กละน้อย ไม่แน่ว่าผ่านไปไม่นาน เธอก็คงมีผลอสรพิษทองคำแล้ว
เจ้าวิญญาณน้อยที่หลบซ่อนอยู่เกือบจะโมโหตายเพราะซือหม่าโยวเย่ว์ เขาปรากฏตัวขึ้นแล้วถือหลิงหลงฟาดเข้าใส่
“สิ้นเปลืองเสียจริง! แม่คนสุรุ่ยสุร่าย!” เจ้าวิญญาณน้อยโอดครวญ เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ สีหน้าก็เจ็บปวดยิ่งนัก
“จะตกอกตกใจถึงเพียงนี้ไปทำไมกันเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์กุมแขนที่ถูกตีจนเจ็บพลางมองเจ้าวิญญาณน้อยอย่างน้อยใจ
“น้ำทิพย์วิญญาณล้ำค่าถึงเพียงนี้ แต่เจ้ากลับใช้มันรดน้ำต้นไม้อย่างนั้นหรือ! แต่ละครั้งเจ้าเลียเบาๆ ได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น มิฉะนั้นวิญญาณเจ้าระเบิดแน่ แต่เจ้ากลับใช้ไปมากมายถึงเพียงนี้ในคราวเดียว! ทำเอาข้าโมโหแทบตายแน่ะ!” เจ้าวิญญาณน้อยถลึงตาใส่ซือหม่าโยวเย่ว์ ไม่น่าบอกให้เธอรู้ว่ามีของสิ่งนี้อยู่เลย
“แค่กๆ ก็เจ้าไม่ได้บอกข้าก่อนนี่นา” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เช่นนั้นเมื่อครู่ข้ารดน้ำให้มันไปหนึ่งช้อนใหญ่ แล้วจะทำให้มันตายหรือไม่”
“ไม่ตายหรอก แต่มันจะต้องใช้เวลาพักใหญ่ในการย่อยน้ำทิพย์วิญญาณที่ดูดซับเข้าไปเมื่อครู่” เจ้าวิญญาณน้อยพูด “ไม่แน่ว่าหลังจากที่มันย่อยเสร็จในคราวนี้ อาจจะออกดอกได้แล้วล่ะ”
“เช่นนั้นต่อไปแต่ละครั้งข้ารดน้ำให้มันแค่หยดเดียวก็พอ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ก่อนหน้านี้เธอยังรู้สึกว่าน้ำทิพย์วิญญาณน้อยเกินไป ทุกครั้งเธอกินได้เพียงแค่หยดเดียวเท่านั้น แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ น้ำทิพย์วิญญาณนี่ก็มีมากมายเลยสิ
เธอตักช้อนหนึ่งใส่ในขวดแล้ววางลงไปยังสร้อยข้อมือม่านถัว ก่อนจะเคาะมันแล้วถามว่า “ท่านต้องการหรือไม่”
ด้านบนของสร้อยข้อมือมีหมอกดำปรากฏขึ้นเล็กน้อย หมอกดำนั้นห่อหุ้มขวดเข้าไปภายในสร้อยข้อมือ
เธอมองต้นผลอสรพิษทองคำโฉมใหม่อีกครั้งก่อนจะฝึกยุทธ์ไปอย่างพึงพอใจ
เพราะพลังการฟื้นฟูอันน่าพิศวงของร่างมารสว่าง หนึ่งวันให้หลังร่างกายของเธอก็ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ดังเดิมแล้ว เธอจึงเตรียมตัวจะจากไป
ก่อนจะจากไปเธอได้เปลี่ยนชื่อมณีวิญญาณ ต่อจากนี้เมื่อมณีวิญญาณและเจดีย์เจ็ดชั้นผสานรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ให้ชื่อว่าเจดีย์วิญญาณ