“ทำไมเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เข้าใจ จึงถามข้อสงสัยที่อยู่ภายในใจของทุกคนออกมา
“เพราะพวกเจ้าไม่มีหลักฐานยืนยันตัวตนน่ะสิ!” ไป๋อวิ๋นฉีพูด “การจะใช้ค่ายกลนำส่งที่นี่ได้นั้นจำเป็นต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตน ถ้าหากไม่มีก็จำเป็นต้องไปทำที่สมาคมปรมาจารย์วิญญาณในเมือง ผู้คนภายนอกนั้น… แค่กๆ ไม่ชอบคนของสถานที่เนรเทศเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากรู้ว่าพวกเจ้าออกมาจากสถานที่เนรเทศก็อาจจะเป็นเช่นนั้นได้ แต่ถ้าหากพวกเจ้าไปกับข้าก็หมดปัญหาแล้วล่ะ”
“ท่านเป็นหลักฐานยืนยันตัวตนสากลอย่างนั้นหรือ” เจ้าอ้วนชวีพูด
“เวลากลุ่มทหารรับจ้างใช้ค่ายกลนำส่งนั้นไม่จำเป็นต้องไปยืนยันตัวตนทีละคนหรอก พอถึงเวลานั้นพวกเจ้าแค่ไปพร้อมกับคนของกลุ่มทหารรับจ้างเราก็ใช้ได้แล้ว” ไป๋อวิ๋นฉีพูด
ที่แท้ก็ต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตนด้วย ซือหม่าโยวเย่ว์นึกถึงบัตรประชาชนที่จำเป็นต้องพกติดตัวเอาไว้เวลาออกจากบ้านเมื่อชาติก่อนขึ้นมาในทันใด
เธอมองพวกเขาคนอื่นๆ ก็เห็นว่าพวกเขาล้วนมีท่าทีแล้วแต่เธอกันหมด จึงเอ่ยตอบว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ไปกับพวกท่านก่อนดีกว่า แต่เช่นนี้จะไม่เป็นการรบกวนพวกท่านหรือ”
“ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรพวกเราก็มาที่นี่เพื่อปฏิบัติภารกิจ ซึ่งตอนนี้ก็ทำเกือบเสร็จแล้ว เหลือเพียงแค่จับตัวจิ้งจอกม่วงมาให้ได้เท่านั้น”
เมื่อพูดถึงจิ้งจอกม่วง ทุกคนจึงนึกถึงบทสนทนาระหว่างเขากับสุกรแดงสามตาเมื่อครู่ขึ้นมาอีกครั้งแล้วอดที่จะยิ้มออกมามิได้
ไป๋อวิ๋นฉีรู้ว่าพวกซือหม่าโยวเย่ว์คิดอะไรอยู่ เขาเกาท้ายทอยพลางเอ่ยอย่างขอโทษขอโพยอยู่บ้าง “ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเจ้าจิ้งจอกม่วงนั่นวิ่งหนีหายไปไหนเสียแล้ว เช่นนั้นข้าพาพวกเจ้าไปที่ศูนย์บัญชาการของพวกเราก่อนดีกว่า”
“ดีเลย”
ไป๋อวิ๋นฉีนำพวกเขาเดินมุ่งหน้าไปยังศูนย์บัญชาการ พวกเขาเพิ่งค้นพบเรื่องหนึ่งระหว่างทางว่าเจ้าคนผู้นี้มีพรสวรรค์ในการบำเพ็ญสูงส่งอย่างยิ่ง แต่เป็นคนโง่เง่าเรื่องเส้นทางอย่างแท้จริง สำหรับเรื่องทิศทางนั้นเขาต้องอาศัยสุกรแดงสามตาทั้งสิ้น
ดังนั้นเจ้าสุกรแดงสามตานี้นอกจากจะต้องเป็นหมาล่าเนื้อแล้วยังต้องรับบทเป็นหมานำทางอีกด้วยหรือ
ได้พบเจอเจ้านายเช่นนี้คนหนึ่ง สายตาที่ทุกคนมองมันจึงเจือแววสงสาร
เดินไปเป็นเวลาครึ่งวัน พวกเขาจึงเดินไปถึงบริเวณพื้นที่เปิดโล่งแห่งหนึ่ง ท่ามกลางหมู่ไม้มีกระโจมยอดแหลมผูกอยู่สิบกว่าหลัง
เมื่อเห็นไป๋อวิ๋นฉีปรากฏตัวขึ้น คนของกลุ่มทหารรับจ้างนกนางนวลต่างพากันล้อมวง ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา ก่อนจะตบบ่าเขาพลางเอ่ยว่า ”นายน้อย ท่านไปไหนมาคนเดียวน่ะ ทำเอาทุกคนตกใจแทบตายเลยทีเดียว!”
พวกซือหม่าโยวเย่ว์มองไป๋อวิ๋นฉีอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นถึงนายน้อยของกลุ่มทหารรับจ้างนกนางนวล
ไป๋อวิ๋นเฟยมองทุกคนอย่างขอโทษขอโพยพลางเอ่ยว่า “ท่านอาหลี่ ข้าไปเดินเล่นบริเวณรอบๆ แล้วเห็นจิ้งจอกม่วงตนหนึ่งเข้า จึงวิ่งไล่ตามมันไป”
“ท่านตามมันไปคนเดียวได้อย่างไรกันขอรับ!” หลี่ขุยมองไป๋อวิ๋นเฟยอย่างไม่เห็นด้วยแล้วพูดว่า “ถ้าหากท่านออกไปแล้วเผชิญกับสัตว์อสูรเทพเข้าจะทำเช่นไรเล่า ถ้าหากหาเส้นทางไม่พบแล้วเดินออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ จะทำเช่นไรเล่าขอรับ”
“นี่ข้าก็กลับมาแล้วมิใช่หรือ” ไป๋อวิ๋นฉีลูบศีรษะ “ทั้งยังพาคนกลับมาพร้อมกันอีกด้วย ใช่แล้ว ข้าแนะนำพวกท่านสักหน่อยก่อน นี่คือสหายที่ข้าเพิ่งพบพานในภูเขา นี่คือซือหม่าโยวเย่ว์ เว่ยจือฉี เจ้าอ้วนชวี และโอวหยางเฟย ส่วนสาวงามผู้นี้คือเป่ยกงถัง”
“ซือหม่าโยวเย่ว์หรือ เป็นคนของตระกูลซือหม่าอย่างนั้นหรือ” หลี่ขุยมองซือหม่าโยวเย่ว์ด้วยแววตาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“มิใช่ มิใช่!” ไป๋อวิ๋นฉีรีบพูดอธิบาย “พวกโยวเย่ว์มาจากอาณาจักรตงเฉิน มิใช่คนของตระกูลซือหม่าเสียหน่อย”
พวกซือหม่าโยวเย่ว์คิดว่าจะถูกทุกคนกลอกตาใส่อย่างมากมายเพราะบอกว่าเป็นคนของอาณาจักรตงเฉิน แต่คิดไม่ถึงว่าสีหน้าของทุกคนจะกลับกลายเป็นดี
“ขอแค่มิใช่คนของตระกูลซือหม่าก็พอแล้ว” หลี่ขุยพูด
ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความรู้สึกต่อตระกูลซือหม่าอย่างแรงกล้าเลยทีเดียว!
“โยวเย่ว์ นี่คือท่านอาหลี่” ไป๋อวิ๋นฉีพูดพลางชี้หลี่ขุย “เขาเป็นผู้ที่มีพลังยุทธ์สูงส่งที่สุดในบรรดาพวกเราที่นี่”
“ท่านอาหลี่” พวกซือหม่าโยวเย่ว์ก็พากันเรียกไปกับไป๋อวิ๋นฉีด้วย
“พวกเจ้าดูกันตามสบายเลยนะ” ท่านอาหลี่พูดกับพวกเขา หลังจากนั้นจึงดึงตัวไป๋อวิ๋นฉีมาแล้วเอ่ยว่า ”นายน้อย ข้ามีเรื่องบางอย่างต้องรายงานท่านหน่อยขอรับ”
ไป๋อวิ๋นฉีพูดกับพวกซือหม่าโยวเย่ว์ “โยวเย่ว์ จือฉี พวกเจ้าเดินดูกันตามสบายเลยนะ ข้าออกไปครู่เดียวก็กลับมาแล้ว”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า พวกเขาห้าคนซึ่งเป็นคนแปลกหน้ามาที่นี่ หลี่ขุยย่อมต้องดึงตัวไป๋อวิ๋นฉีไปถามไถ่ให้เข้าใจอย่างแน่นอน
ผลปรากฏว่าผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่ขุยและไป๋อวิ๋นฉีก็เดินเข้ามาแล้วพูดกับพวกเขาว่า “คุณชายเว่ย ตอนนี้พวกเรายังมีภารกิจที่ยังไม่สำเร็จอีกเล็กน้อย พวกเจ้ารออยู่ที่นี่อีกสักหลายวันก่อนนะ พวกเจ้ามีกระโจมอะไรกันมาหรือไม่ ถ้าหากไม่มีก็คงได้แต่เบียดกันกับทุกคนแล้วล่ะ”
“ท่านอาหลี่ไม่ต้องกังวลใจไปหรอก ข้าพกกระโจมมาด้วย” เว่ยจือฉีพูดยิ้มๆ
“ไปกัน ข้าจะพาพวกเจ้าไปกางกระโจมเอง” ไป๋อวิ๋นฉีเดินเข้ามาโอบไหล่เว่ยจือฉีแล้วเดินตรงไปยังพื้นที่ว่าง
ซือหม่าโยวเย่ว์และคนอื่นๆ พยักหน้าให้หลี่ขุยก่อนจะเดินไปด้วยกัน
ชายคนหนึ่งเดินเข้ามามองพวกซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพูดว่า “ท่านอาหลี่ ให้คนพวกนี้อยู่ที่นี่จะไม่เป็นปัญหาหรือ”
“คุณชายอยากช่วยเหลือพวกเขา เช่นนั้นก็ตามใจเขาเถิด ถึงอย่างไรแม้ว่าคนเหล่านี้จะมีเจตนาไม่ดีก็มิอาจทำอะไรได้หรอก” หลี่ขุยพูด
“แต่ว่า พวกเขาอาจจะเป็นคนที่ฝั่งนั้นส่งมาสืบข่าวคราวก็ได้ใช่หรือไม่”
“ท่านหมายถึงกลุ่มทหารรับจ้างโอหังอย่างนั้นหรือ” หลี่ขุยพูด
“ถูกต้อง พลังยุทธ์ของพวกเขาล้วนมิได้แข็งแกร่งสักเท่าใดนัก แล้วจะผ่านเทือกเขาสั่วเฟยย่ามาได้อย่างไรกัน มาจากอาณาจักรตงเฉินนั่น อันตรายระหว่างทางนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย แต่พวกเขากลับดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด ดังนั้นข้าคิดว่าพวกเขาอาจกำลังโกหกกันอยู่ก็เป็นได้” ชายผู้นั้นคาดการณ์
“ก็เป็นไปได้อยู่นะ” หลี่ขุยพูด “เท่าที่ข้ารู้ กลุ่มทหารรับจ้างโอหังก็รับภารกิจคราวนี้เช่นเดียวกัน ถ้าหากพวกเราทำสำเร็จก่อนพวกเขา ความยากลำบากตลอดหลายเดือนนี้ของพวกเขาก็คงสูญเปล่า เจ้าจับตาดูพวกเขาเอาไว้หน่อย ดูว่าพวกเขามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอันใดบ้างหรือไม่”
“ขอรับ ท่านอาหลี่”
พวกซือหม่าโยวเย่ว์ตั้งกระโจมไปพร้อมกับฟังไป๋อวิ๋นฉีพูดถึงภารกิจในครั้งนี้ จึงได้รู้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในเทือกเขาสั่วเฟยย่ากันมาหลายเดือนแล้วเพื่อภารกิจนี้
“เลือดจิ้งจอกม่วง รากม่านหลัว มะระตะวันตก… มีคนได้รับบาดเจ็บหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน” ไป๋อวิ๋นฉีมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างประหลาดใจ
“สิ่งที่พวกท่านหามาเหล่านี้ล้วนเป็นสมุนไพรที่ใช้ในการหลอมยาโลหิตชีวาทั้งสิ้น ดังนั้นข้าจึงคิดว่าคงจะมีคนบาดเจ็บเป็นแน่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอธิบาย
“โอ้ โยวเย่ว์ เจ้าเป็นนักหลอมยาด้วยหรือ” ไป๋อวิ๋นฉีถามพลางมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างประหลาดใจ
“รู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เจ้าพูดได้ถูกต้องเลย คราวนี้เป็นภารกิจที่เจ้าเมืองผิงคังมอบหมายให้ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร แต่พวกเราได้รับข่าวร้ายมาว่ามีคนได้รับบาดเจ็บจริงๆ” ไป๋อวิ๋นฉีพูด “ผลตอบแทนของภารกิจในครั้งนี้หนักหน่วงยิ่งนัก ดังนั้นคนของกลุ่มทหารรับจ้างที่รับภารกิจในคราวนี้จึงมีอยู่มากมาย ดังเช่นพวกเราสามกลุ่มทหารรับจ้างใหญ่ก็มารับภารกิจกันทั้งหมดเลย”
“สามกลุ่มทหารรับจ้างใหญ่นอกจากพวกท่านแล้วยังมีใครอีกหรือ” เจ้าอ้วนชวีถาม
“กลุ่มทหารรับจ้างมังกรทะยานกับกลุ่มทหารรับจ้างโอหัง” ไป๋อวิ๋นฉีพูด “ใช่แล้ว พวกเจ้ามาถึงที่นี่แล้วห้ามไปเดินเพ่นพ่านตามอำเภอใจล่ะ ถ้าหากไปพบกับกลุ่มทหารรับจ้างโอหังเข้าก็อย่าได้บอกว่ามากับพวกเรานะ”
“ทำไมเล่า”
“เพราะความแค้นเคืองระหว่างพวกเราสองกลุ่มทหารรับจ้างลึกซึ้งยิ่งนัก ปกติหากพบหน้าก็บดขยี้กันเลย ถ้าหากพวกเขาล่วงรู้ว่าพวกเจ้ามากับพวกเรา เกรงว่าพวกเขาจะพานโกรธพวกเจ้าไปด้วยน่ะสิ” ไป๋อวิ๋นฉีพูดอธิบาย
“เป็นเพราะปกติแข่งขันกันเรื่องภารกิจอย่างนั้นหรือ” เว่ยจือฉีถาม
กลุ่มทหารรับจ้างโอหัง แค่ฟังชื่อก็ยากที่จะทำให้ใครชอบได้แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นกลุ่มทหารรับจ้างเช่นไร ถึงได้ตั้งชื่อพรรค์นี้ออกมาได้