เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่คนเหล่านั้นสวม ซือหม่าโยวเย่ว์จึงเลิกคิ้วขึ้น “คนของกลุ่มทหารรับจ้างโอหังหรือ”
“จับตัวนางแพศยาผู้นี้ให้ข้าเสีย!” ฉินหว่านตะคอก
“ขอรับ คุณหนู!”
คนของกลุ่มทหารรับจ้างโอหังประสานเสียงตอบรับแล้วเอื้อมมือจะไปจับตัวเป่ยกงถัง
“ไปหาปู่พวกเจ้าเถิด นางมาร เจ้าตายให้ข้าเสียเถิด!” ไป๋อวิ๋นฉีตะโกนประโยคหนึ่งพลางต่อยคนของกลุ่มโอหังกระเด็นไป
“ใช่เลย…”
“เจ็บเหลือเกิน!”
พวกเจ้าอ้วนชวีเริ่มเปิดศึก ต่อยตีหลายครั้งจนคนของกลุ่มโอหังที่บุกเข้ามาโซซัดโซเซ
“เจ้ากล้าแตะต้องเป่ยกงของพวกเราอย่างนั้นหรือ”
“ถ้าพวกเจ้าเป็นคนของกลุ่มโอหังก็ดี ถ้าไม่ใช่กลุ่มโอหังก็จะปล่อย ข้าจัดการได้ไม่ผิดตัวแน่!”
เจ้าอ้วนชวีต่อสู้ไปพลาง ร้องโวยวายไปพลาง ซือหม่าโยวเย่ว์และโอวหยางเฟย รวมทั้งเว่ยจือฉีเงียบกว่ามาก แต่ฝีมือมิได้ด้อยกว่าเลยแม้แต่น้อย
ฉินหว่านเห็นคนของตนถูกพวกซือหม่าโยวเย่ว์จัดการจนนอนแผ่กับพื้นในไม่กี่ครั้ง จึงด่าว่าสวะไร้ประโยชน์ แล้วยื่นมือไปปะทะเข้าใส่ทรวงอกของเป่ยกงถัง
เป่ยกงถังเบี่ยงตัวหลบหลีกฝ่ามือของนาง นิ้วมือขวาบีบข้อมือของฉินหว่านเอาไว้ เจ็บปวดจนนางปล่อยแส้ในมือทันที
“เจ็บเหลือเกิน!”
ฉินหว่านกุมมือของตนเอาไว้แล้วถอยหลังไปสองก้าว ก็เห็นว่าข้อมือของตนมีรอยแดงรอยหนึ่งปรากฏขึ้น
เป่ยกงถังความคิดวูบไหวคราหนึ่ง เปลวเพลิงกองหนึ่งก็เผาไหม้แส้ตลอดทั้งเส้น เผาแส้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
“แส้ของข้า!” ฉินหว่านคิดไม่ถึงว่าเปลวเพลิงของเป่ยกงถังจะเผาทำลายแส้ของตนได้ นางมองดูกองเถ้าถ่านบนพื้นอย่างเจ็บปวดใจ
เป่ยกงถังมิได้สนใจนางที่ส่งเสียงกรีดร้อง นางเดินมายังข้างกายเด็กน้อยแล้วย่อตัวลงก่อนจะอุ้มเขาขึ้นมา
“พี่เทพธิดา ท่านมาช่วยข้าใช่หรือไม่ขอรับ” สติของเด็กน้อยเริ่มเลือนราง เมื่อเห็นเป่ยกงถังก็ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีใครกล้าฟาดเจ้าแล้วล่ะ!” เป่ยกงถังอุ้มเด็กชายตัวน้อยเอาไว้พลางพูดอย่างอบอุ่น
“พี่สาว…” เด็กน้อยขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเป่ยกงถังแล้วหมดสติไปอย่างวางใจ
“หลับอย่างสบายใจเถิดนะ” เป่ยกงถังพูดพลางตบหลังเขาเบาๆ
พวกเว่ยจือฉีและเจ้าอ้วนชวีล้วนไม่เคยเห็นมุมนี้ของเป่ยกงถังมาก่อนเลย
ผ่านไปครู่ใหญ่ ฉินหว่านจึงได้สติกลับคืนมาจากความเจ็บปวดใจที่สูญเสียอาวุธวิญญาณไป นางละเลยกฎห้ามใช้ปราณวิญญาณที่ใจกลางเมืองแล้วรวบรวมปราณวิญญาณออกมาโจมตีเข้าใส่เป่ยกงถัง
“นางมาร เจ้ากล้าละเลยข้อตกลงอย่างนั้นหรือ” ไป๋อวิ๋นฉีตะโกน
“ใช่ข้อตกลง มิใช่ข้อตกลงอันใดกัน นางแพศยาผู้นี้บังอาจทำลายอาวุธวิญญาณของข้า ข้าจะเอาชีวิตนางเสีย!” ฉินหว่านตะเบ็งเสียง
ผู้คนโดยรอบเห็นฉินหว่านใช้ปราณวิญญาณจึงพากันหลบไปห่างๆ ทันใดนั้นก็เหลือเพียงแค่พวกซือหม่าโยวเย่ว์
ในขณะที่ฉินหว่านรวบรวมปราณวิญญาณอยู่นั้นเอง ซือหม่าโยวเย่ว์ก็มาตรงหน้าเป่ยกงถังแล้วรวบรวมปราณวิญญาณออกมาเช่นเดียวกันก่อนจะต่อกรกับนาง ทำให้ปราณวิญญาณที่อีกฝ่ายซัดเข้ามาสลายไป
“คิดจะเอาชีวิตเป่ยกงของพวกเรา เจ้ายังมีคุณสมบัติไม่พอหรอกนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดด้วยรอยยิ้มเย็น
“ข้าไม่มีคุณสมบัติอย่างนั้นหรือ อยากสังหารคนตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนอย่างพวกเจ้า ต้องใช้คุณสมบัติอะไรด้วยหรือ” ฉินหว่านพูดพลางเริ่มต้นรวบรวมปราณวิญญาณอีกครั้ง
ซือหม่าโยวเย่ว์กำลังจะเคลื่อนไหว เป่ยกงถังก็วางมือลงบนบ่าของเธอ
“เรื่องของข้า ข้าจัดการเองน่า” เป่ยกงถังพูด “เจ้าช่วยข้าอุ้มเจ้าเด็กน้อยผู้นี้เอาไว้ก็พอแล้ว”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วหมุนกายไปรับเด็กมาก่อนจะอุ้มเขาถอยไปอีกด้านหนึ่ง
เธอไม่ต้องเป็นห่วงเป่ยกงถังเลย ฉินหว่านผู้นั้นยังไปไม่ถึงระดับราชาวิญญาณเลยด้วยซ้ำ เป่ยกงถังแค่ขยับนิ้วนิดเดียวก็ล้างผลาญนางได้แล้ว
“เป่ยกง จะฆ่าคนในเมืองผิงคังไม่ได้นะ!” ไป๋อวิ๋นฉีเห็นว่ามิอาจขัดขวางการต่อสู้ครั้งนี้ได้แล้วจึงส่งเสียงเตือน
“ฆ่าคนไม่ได้อย่างนั้นหรือ” เป่ยกงถังขมวดคิ้ว “ฆ่าตายไม่ได้ เช่นนั้นทำให้พิการก็พอแล้วสินะ”
พอพูดจบนางก็วิ่งเข้าใส่ฉินหว่านอย่างรวดเร็วแล้วเริ่มต้นการลงมือทรมานเพียงฝ่ายเดียว
“พลั่ก…”
“พลั่ก…”
กำปั้นหมัดแล้วหมัดเล่าปะทะลงบนร่างของฉินหว่านอย่างไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย ผู้คนที่ดูอยู่รอบๆ ผ่อนลมหายใจเยียบเย็นอย่างต่อเนื่อง
“โอ๊ย… การต่อสู้ระหว่างสตรีมันโหดร้ายเช่นนี้นี่เอง!” เจ้าอ้วนชวีเบ้ปากพลางหรี่ตา
“อืม จริงด้วย ต่อจากนี้ก็อย่าไปยั่วยุสตรีเข้าก็แล้วกัน” เว่ยจือฉีพูด
“ข้าเห็นด้วย” โอวหยางเฟยพยักหน้า
ผู้ที่มีพลังการต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขาห้าคนก็คือหญิงสาวทั้งสอง นี่ทำให้ความคิดที่ว่าเพศหญิงอ่อนแอของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล
“ลงมือได้ดี! ต่อยอีกสักสองหมัดสิ! ไอ้หยา… ต่อยแทนข้าอีกสักสองหมัดน่า!” ไป๋อวิ๋นฉีให้กำลังใจอยู่ข้างๆ จนแทบจะโบกธงอยู่แล้ว
เขากับคนของกลุ่มทหารรับจ้างโอหังไม่ถูกชะตากันมาโดยตลอด หนักที่สุดก็คือฉินหว่านผู้นี้ แต่บุรุษมิอาจทำร้ายสตรีตามใจชอบได้ ดังนั้นทุกครั้งที่เห็นฉินหว่านกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าตน เขาก็มิอาจทำอะไรได้เลย
ตอนนี้มีเป่ยกงถังออกหน้าให้ สตรีทำร้ายสตรี ก็ไม่มีใครพูดว่าไม่ดีตรงไหนได้ โดยเฉพาะเมื่อฉินหว่านยิ่งปากไม่ดีอยู่แล้วด้วย
“ฮ่าๆ นางมาร รสชาติของการถูกคนทุบตีเป็นเช่นไรบ้างเล่า” ไป๋อวิ๋นฉีเห็นฉินหว่านถูกเป่ยกงถังทำร้ายจนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงสู้กลับ จึงถามพลางหัวเราะเสียงดัง
“ไป๋อวิ๋นฉี เจ้าไม่กล้าสู้กับพวกเรากลุ่มโอหังด้วยตัวเอง ให้หญิงสาวผู้หนึ่งมาออกหน้าแทนเจ้า เจ้านับว่าเป็นตัวอะไรกัน!” ฉินหว่านถูกทุบตีอยู่บนพื้น จึงตะคอกใส่ไป๋อวิ๋นฉี
“ยังจะมีแรงด่าอีกนะ!” เป่ยกงถังพูดจบก็ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบบนมือขวาของฉินหว่านพลางเอ่ยว่า “ปกติเจ้าใช้สิ่งนี้ทำร้ายผู้คนมาไม่น้อยเลยสินะ วันนี้ข้าทำให้มันพิการเสียดีกว่า เป็นอย่างไรเล่า”
“นางแพศยา เจ้ากล้าหรือ!” เมื่อได้ยินว่าเป่ยกงถังจะทำให้มือของตนพิการ ฉินหว่านก็โมโหมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเจือไว้ด้วยความหวั่นกลัว
“เหตุใดต้องไม่กล้าด้วยเล่า”
เป่ยกงถังยิ้มเย็นพลางออกแรงที่เท้า ฉินหว่านร้องเสียงแหลมขึ้นมา
“อ๊ากกก… เจ้ากล้าทำให้มือข้าพิการ…อ๊ากกก… เจ้ามันนางแพศยา ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย! อ๊ากกก…”
เป่ยกงถังดึงใบหูพลางเอ่ยว่า “ร้องอะไรของเจ้าน่ะ ข้าก็แค่เหยียบครั้งเดียวเท่านั้น มิได้ทำให้เจ้าพิการเสียหน่อย ร้องเสียจนราวกับหมูถูกเชือดเลยทีเดียว! ถ้าหากเจ้ารังแกคนอ่อนแอให้ข้าเห็นอีก ข้าก็จะทำให้เจ้าพิการจริงๆ แล้วนะ!”
พอพูดจบ นางก็เก็บเท้าของตนกลับมาแล้วเดินมาอยู่ข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์ก่อนจะรับตัวเด็กคนนั้นมาพลางเอ่ยว่า “พวกเราไปกันเถิด”
“ดี ไม่ต้องไปสนใจอะไรแมลงวันพรรค์นี้หรอก” เจ้าอ้วนชวีพูดยิ้มๆ
“ไปเถิด พวกเรากลับกันดีกว่า” ไป๋อวิ๋นฉีพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าไก่ฟ้าที่ดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ จากนั้นเขาจึงเดินตามพวกเขามา
ฉินหว่านลุกขึ้นมาจากพื้นพลางมองดูเงาหลังของพวกซือหม่าโยวเย่ว์ แล้วพูดอย่างดุร้ายว่า “นางแพศยา ข้าจะต้องให้คนฆ่าพวกเจ้าให้จงได้!”
“คุณหนู พลังยุทธ์ของคนพวกนั้นไม่ต่ำต้อยเลยนะขอรับ!” ทหารรับจ้างที่ถูกทุบตีเข้ามาข้างกายนางแล้วพูดขึ้น
“เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า ข้าก็ต้องทำให้พวกเขาไม่ได้มีจุดจบที่ดีให้จงได้!” ฉินหว่านพูด “อีกสองวันพี่หญิงสามก็จะมาแล้วมิใช่หรือ หึ ถึงตอนนั้นข้าจะคอยดูว่าเจ้าคนพวกนี้จะหนีไปไหนรอด!”
“องค์หญิงสามจะเสด็จมายังเมืองผิงคังหรือ”
“ใช่ นางรักถนอมข้าเป็นที่สุดมาตั้งแต่เด็ก เรื่องคราวนี้ข้าขอฝากเอาไว้ก่อน พอถึงเวลาให้พี่หญิงสามช่วยลงมือ จะต้องทำให้พวกมันตายอย่างไร้ที่ฝังได้แน่นอน!”
“คุณหนูช่างเฉลียวฉลาดนัก!”
“หยุดประจบประแจงเสียที ส่งคนไปคอยจับตาดูคนพวกนี้เอาไว้ อย่าให้พวกเขาพบเข้าเสียล่ะ เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจแล้วขอรับ คุณหนู”
ไป๋อวิ๋นฉีพาพวกเขาไปยังศูนย์บัญชาการของกลุ่มทหารรับจ้าง ลานบ้านที่แฝงกลิ่นอายยุโรปแห่งหนึ่งมีทหารรับจ้างเข้าๆ ออกๆ เป็นจำนวนไม่น้อย
เขาพาพวกเขาตรงไปยังเรือนของตนแล้วให้เด็กน้อยที่ได้รับบาดเจ็บนอนบนเตียง ซือหม่าโยวเย่ว์เข้ามาตรวจดูอาการบาดเจ็บของเขา
“เป่ยกง ปกติข้าไม่เคยเห็นเจ้าใส่ใจกับอะไรเลย เหตุใดวันนี้ถึงได้ลงมือช่วยเหลือเด็กน้อยผู้นี้เล่า” เจ้าอ้วนชวีถามอยู่ข้างๆ