เป่ยกงถังมองดูซือหม่าโยวเย่ว์รักษาเด็กชายตัวน้อยอยู่ตลอด เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าอ้วนชวีก็ได้แต่ส่ายหน้าโดยมิได้พูดอะไร แววตาว่างเปล่าอยู่บ้าง
ซือหม่าโยวเย่ว์ทายาลงบนบาดแผลตามร่างกายของเด็กชาย แล้วให้เขากินยาวิเศษเม็ดหนึ่ง หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นเอ่ยว่า “บนร่างกายเขามีเพียงแค่อาการบาดเจ็บภายนอกเท่านั้น ภายในมิได้มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด กินยาวิเศษไป อีกสองวันก็คงหายดีแล้วล่ะ เป่ยกง เจ้าเห็นเขาแล้วนึกถึงน้องชายตัวเองใช่หรือไม่”
เป่ยกงถังมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างประหลาดใจ นางรู้ได้อย่างไรกัน!
ซือหม่าโยวเย่ว์ยักไหล่แล้วพูดว่า “เมื่อครู่เช็ดฝุ่นผงบนใบหน้าเจ้าเด็กน้อยทิ้งไปแล้วเห็นว่าเขาดูคล้ายคลึงกับเจ้าอยู่บ้าง ก็เลยลองเดาน่ะ”
พวกเว่ยจือฉีมองดูรูปโฉมของเจ้าเด็กน้อยอย่างละเอียด เครื่องหน้าเขาคล้ายคลึงกับเป่ยกงถังอยู่บ้างจริงๆ
เป่ยกงถังพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “ใช่แล้ว พอเห็นเขาถูกคนทำร้าย ข้าก็นึกถึงตอนนั้นที่ข้ากับน้องชายถูกคนรังแกขึ้นมา ตอนนั้นข้าก็อยากให้มีคนมาช่วยเหลือพวกเราบ้างก็พอแล้ว”
ซือหม่าโยวเย่ว์ตบบ่านางแล้วพูดว่า “เจ้าโชคดีแล้ว ได้พบกับเจ้า น้องชายเจ้าก็คงไม่เป็นอะไรแล้ว จะต้องรอเจ้ากลับไปช่วยเหลือเขาอยู่แน่”
“อื้ม” เป่ยกงถังรับคำเบาๆ
ขณะนี้เอง ไป๋อวิ๋นฉีก็เดินเข้ามาจากข้างนอกแล้วพูดว่า “จัดการเรือนพักให้พวกเจ้าเรียบร้อยแล้ว อยู่ข้างๆ เรือนของข้านี่เอง ให้พวกเจ้าห้าคนอยู่เรือนเดียวกัน ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าอุตส่าห์จัดการที่พักให้พวกเราก็ดีเหลือเกินแล้ว” เว่ยจือฉีอมยิ้มพูด
“เช่นนั้นข้าจะพาพวกเจ้าไปเอง” ไป๋อวิ๋นฉีพูด
“ได้สิ”
เป่ยกงถังไปอุ้มเจ้าเด็กน้อยขึ้นมา แล้วพาเขาตามไป๋อวิ๋นฉีไปยังเรือนด้านข้างด้วยกัน
“จัดการห้องหับเอาไว้ให้พวกเจ้าเรียบร้อยแล้ว พวกนางคือสาวใช้ที่จัดไว้ดูแลพวกเจ้านะ” ไป๋อวิ๋นฉีชี้ไปทางหญิงสาวหลายคนที่อยู่ภายในเรือนพลางเอ่ยขึ้น
“อวิ๋นฉี พวกเราเคยชินกับการลงมือทำด้วยตัวเอง สาวใช้อะไรพวกนี้น่ะไม่จำเป็นเลย” เว่ยจือฉีพูด “เจ้าให้พวกนางไปจัดการธุระของตัวเองเสียเถิด”
“ไม่ต้องจริงๆ น่ะหรือ” ไป๋อวิ๋นฉีถาม
“อื้ม” เว่ยจือฉีพยักหน้าอย่างแน่ใจ
“เช่นนั้นก็ได้” ไป๋อวิ๋นฉีพูด “พวกเจ้ากลับไปยังเรือนที่พวกเจ้าอยู่ก่อนหน้านี้เสีย”
“เจ้าค่ะ นายน้อย” สาวใช้เหล่านั้นไปจากเรือนแห่งนี้ในทันที
“พวกเจ้าเพิ่งมาถึงที่นี่ พักผ่อนกันเสียก่อนเถิด ข้าจะไปคุยกับท่านพ่อข้าเสียหน่อย หลังจากนั้นค่อยพาพวกเจ้าไปเดินดูรอบๆ” ไป๋อวิ๋นฉีพูด แฝงไว้ด้วยท่าทีของผู้เป็นนาย
“ได้เลย เจ้าไปจัดการธุระก่อนเถิด”
ไป๋อวิ๋นฉีจากไป พวกเขาทั้งห้าต่างคนต่างเลือกห้องของตัวเอง เป่ยกงถังวางเจ้าเด็กน้อยเอาไว้ที่ข้างห้องของตัวเอง รอให้เขาตื่นขึ้นมา
หลังผ่านไปครึ่งวัน เจ้าเด็กน้อยจึงตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เมื่อเห็นเป่ยกงถังผู้นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะก็กะพริบตาคล้ายกับอยู่ท่ามกลางห้วงความฝัน
“พี่สาว…”
เป่ยกงถังได้ยินเจ้าเด็กน้อยตื่นแล้วจึงเงยหน้าขึ้นถามว่า “ตื่นแล้วหรือ”
“พี่สาว ขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้าเอาไว้” เจ้าเด็กน้อยพูดอย่างสุภาพ
เป่ยกงถังลุกขึ้นเดินเข้าไปหาที่ข้างเตียงแล้วถามว่า “เจ้าชื่ออะไรหรือ”
“เสี่ยวถู” เจ้าเด็กน้อยเอ่ยตอบ
“เสี่ยวถู คนในครอบครัวเจ้าเล่า เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ข้างนอกคนเดียวได้” เป่ยกงถังลูบศีรษะเสี่ยวถูพลางเอ่ยถาม
แววตาสว่างไสวของเสี่ยวถูหมองหม่นลง เขาพูดเสียงต่ำว่า “เสี่ยวถูถูกคนไล่ออกจากบ้าน พวกเขาไม่ต้องการข้าแล้ว เสี่ยวถูก็เลยไม่มีครอบครัวน่ะ”
“ถูกคนในครอบครัวไล่ออกมา…” เป่ยกงถังพูดพึมพำ มิได้เซ้าซี้ถามเหตุผลของเขา เพียงแค่พูดอย่างเรียบเรื่อยว่า “วันนี้ถูกทอดทิ้ง วันหน้าจะต้องสยายปีกทะยานไกล ให้พวกเขานึกเสียใจให้จงได้”
เจ้าเด็กน้อยสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เขาถูกคนรังแก ถูกคนทอดทิ้งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร วันนี้มาได้ยินคำพูดเช่นนี้จึงอดที่จะขอบตาแดงก่ำมิได้
“โอ้ ฟื้นแล้วสินะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์เดินเข้ามาจากข้างนอก เห็นเจ้าเด็กน้อยขอบตาแดงก่ำ จึงเข้ามาบีบจมูกเขาพลางเอ่ยว่า “บุรุษอกสามศอก เสียเลือดได้แต่อย่าเสียน้ำตา!”
“ข้ายังไม่ได้ร้องเลย!” เสี่ยวถูสูดจมูกแล้วพูดขึ้น
“เสี่ยวถู เขาเป็นคนจัดการบาดแผลบนร่างกายให้เจ้าน่ะ” เป่ยกงถังพูด
“ขอบคุณพี่สาวมาก พี่สาว ข้าชื่อเสี่ยวถู!” เสี่ยวถูพูด
ทั้งซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังตัวสั่นสะท้าน มองเสี่ยวถูอย่างตกใจพลางพูดว่า “เสี่ยวถู เหตุใดเจ้าจึงเรียกเขาว่าพี่สาวเล่า”
เสี่ยวถูมองเป่ยกงถังอย่างแปลกประหลาดพลางเอ่ยว่า “ก็พี่สาวเป็นพี่สาวนี่นา นางก็แค่สวมเสื้อผ้าบุรุษเท่านั้นเองนี่”
“เจ้ามองออกได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ข้าเองก็ไม่รู้ ข้ามองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ผู้อื่นมองไม่เห็นได้ตั้งแต่ยังเล็ก ดังนั้นพวกเขาจึงทำเหมือนข้าเป็นสัตว์ประหลาดอย่างไรล่ะ” เสี่ยวถูพูดอย่างน้อยใจอยู่บ้าง
ซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังประสานสายตากันปราดหนึ่ง ต่างมองเห็นแววเหลือเชื่อในสายตาของกันและกัน
ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบหินก้อนหนึ่งออกมาแล้วถามว่า “เสี่ยวถู เจ้ามองออกหรือไม่ว่าภายในก้อนหินคือสิ่งใด”
“หยก”
“อันนี้เล่า”
“เหล็กกลมๆ”
ตอนนี้พวกซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เพียงแต่ตกตะลึงเท่านั้น เสี่ยวถูมีความสามารถอันใดกันนี่!
เสี่ยวถูสัมผัสบรรยากาศแปลกประหลาดระหว่างซือหม่าโยวเย่ว์กับเป่ยกงถังได้อย่างเฉียบคม จึงร้องไห้พูดว่า “พี่สาว พวกท่านอย่าไล่เสี่ยวถูไปเลยนะ”
เป่ยกงถังยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาของเขาพลางเอ่ยว่า “พวกเรามิได้บอกว่าจะไล่เจ้าไปเสียหน่อย”
“ใช่แล้ว เจ้าตุ๊กตาน้อยร้องไห้ขี้มูกโป่งอีกแล้วนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดยิ้มๆ
“พวกท่านไม่ไล่ข้าไปจริงๆ นะ” เสี่ยวถูมองซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถัง “อย่าหลอกข้านะ”
“จะหลอกเจ้าไปทำไมกันเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์หุบยิ้ม
“เมื่อก่อนก็มีคนทำดีกับข้าเช่นนี้แหละ แต่ต่อมาพอรู้ว่าข้าไม่ปกติก็เลยไล่ข้าออกมา” เสี่ยวถูพูด “เพราะว่าข้าไม่อาจบำเพ็ญได้ พวกเขาจึงเห็นข้าเป็นคนไร้ค่า”
“เจ้าไม่อาจบำเพ็ญได้อย่างนั้นหรือ” เป่ยกงถังพูดอย่างประหลาดใจ จากนั้นจึงคว้าข้อมือเสี่ยวถูมาตรวจดู หลังจากนั้นก็มองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพูดว่า “เส้นลมปราณถูกสกัดเอาไว้ทั้งหมดเลย”
การฝึกยุทธ์นั้นจำเป็นต้องดูดซับปราณวิญญาณเข้าสู่ร่างกาย หลังจากนั้นจึงเหนี่ยวนำเข้าสู่จุดตันเถียนผ่านเส้นลมปราณ หากเส้นลมปราณของคนผู้หนึ่งถูกสกัดเอาไว้ ก็ย่อมไม่มีทางฝึกยุทธ์ได้
“ให้ข้าดูหน่อยสิ
เป่ยกงถังหลีกทางให้ ซือหม่าโยวเย่ว์นั่งลงที่ข้างเตียงแล้วจับมือเสี่ยวถูมาตรวจดูก็ได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกันกับเป่ยกงถัง
“เป็นเช่นไรบ้าง” เป่ยกงถังถาม
“เหมือนกับเจ้าเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เสี่ยวถูพูดอย่างสงบว่า “ก่อนหน้านี้ท่านพ่อข้าก็เคยคิดหาวิธีอยู่เหมือนกัน แต่ท่านหมอปรมาจารย์วิญญาณเหล่านั้นต่างบอกว่าเส้นลมปราณของข้าเหมือนกับถูกสนิมขึ้น ไร้ซึ่งหนทาง ดังนั้นท่านพ่อข้าจึงทอดทิ้งข้า ต่อมาข้ายังถูกขับไล่ออกมา ข้าเคยชินเสียแล้วล่ะ”
“เสี่ยวถู เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“แปดขวบแล้ว” เสี่ยวถูเอ่ยตอบ
เด็กที่เพิ่งอายุได้แปดขวบคนหนึ่ง แต่พวกเขากลับสัมผัสได้ถึงความจนใจต่อชะตาชีวิตในคำพูดของเขา
“เสี่ยวถู ตระกูลของเจ้าฝึกยุทธ์กันได้หรือไม่”
“อืม ล้วนเป็นปรมาจารย์วิญญาณกันหมด มีข้าแปลกแยกอยู่คนเดียว” เสี่ยวถูเอ่ยตอบ
“เช่นนั้นเจ้าอยากฝึกยุทธ์หรือไม่เล่า”
เสี่ยวถูแววตาเป็นประกายขึ้นมาในทันใด เขาคว้าแขนเสื้อของซือหม่าโยวเย่ว์เอาไว้แล้วถามว่า “ข้าสามารถฝึกยุทธ์ได้หรือไม่”
“โยวเย่ว์?” เป่ยกงถังก็มองไปทางซือหม่าโยวเย่ว์ด้วยเช่นกัน ถ้าหากมีวิธี เช่นนั้นเสี่ยวถูก็ฝึกยุทธ์ได้แล้ว บวกกับความสามารถพิเศษของเขา เช่นนั้นในภายหน้าชีวิตของเขาย่อมแตกต่างไปจากเดิมอย่างแน่นอน
……………………………………….