ซือหม่าโยวเย่ว์จึงเบนสายตาไปบนร่างของซีเย่ว์ซี คราก่อนไม่ได้เห็นหน้านางอย่างชัดเจน ครานี้ได้เห็นแล้ว ก็พบว่าเป็นหญิงงามอย่างแท้จริง แต่เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ของนางแล้ว กลิ่นอายตลอดร่างของนางยังชวนให้คนจับจ้องมากกว่าเสียอีก
ซีเย่ว์ซีมองซือหม่าโยวเย่ว์ เมื่อเห็นว่าเธอถึงกับกล้ามองตนตรงๆ มิได้ตกใจกับกลิ่นอายของตนเลย จึงเอ่ยว่า “กล้าไม่น้อยเลยนะ”
“หยิบยืมความกล้ามาจากฟ้าดินทั้งนั้นแหละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดยิ้มๆ “สาวงาม รูปลักษณ์ท่านไม่เลวเลยนะ อยากเขาไปเป็นฮูหยินชาวป่ากับข้าหรือไม่เล่า”
“แค่เด็กหัวขนอย่างเจ้านี่นะ” ซีเย่ว์ซีพูด “ขนยังไม่ทันยาวก็คิดจะทำลายปณิธานสตรีแล้วอย่างนั้นหรือ”
ซือหม่าโยวเย่ว์ใช้นิ้วมือหนึ่งชี้ไปที่ศีรษะพลางส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่ๆๆ ข้าไม่ทำลายปณิธานสตรีธรรมดาทั่วไปหรอก ข้าสนใจเพียงแค่สาวงามเท่านั้นแหละ”
“วาจาลื่นเป็นปลาไหลเชียว!” ซีเย่ว์ซีมิได้โกรธเคือง แล้วพูดว่า “ในเมื่อน้องหญิงบอกว่าพวกเจ้าทำร้ายนาง ลูกพี่ลูกน้องอย่างข้าก็มิอาจเมินเฉยได้ เจ้าคุกเข่าขอโทษนางเสีย ขอแค่นางให้อภัยเจ้า วันนี้เจ้าก็จากไปได้แล้วล่ะ”
ให้เธอคุกเข่าอย่างนั้นหรือ
ซือหม่าโยวเย่ว์หัวเราะชั่วร้าย “ถ้าหากข้าไม่ทำเล่า”
“เช่นนั้นก็ได้แต่ทำให้เจ้าขาหักจนต้องคุกเข่าแล้วล่ะ!” ซีเย่ว์ซีพูดอย่างเรียบเรื่อย ไม่ได้รู้สึกเลยว่าวาจาเช่นนี้ของตนโหดเหี้ยมยิ่งนัก
“น่าเสียดายที่ได้เนื้อหนังมังสามาจากบิดามารดา ข้ารักถนอมร่างกายตัวเองเป็นอย่างยิ่ง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ไม่ยอมคุกเข่าต่อฟ้าดิน คุกเข่าให้เพียงบิดามารดาเท่านั้น ส่วนลูกพี่ลูกน้องของท่านนั้นยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่เลย”
“ไม่ยอมคุกเข่าต่อฟ้าดิน…” ซีเย่ว์ซีได้ฟังวาจาของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยว่า “เป็นเด็กที่มีความทะเยอทะยานดีนี่ แต่ความทะเยอทะยานนี้อาจถูกทำลายลงด้วยพลังยุทธ์นะ”
“จริงหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยตนไปจึงยักไหล่แล้วเอ่ยอย่างจนใจว่า “ทำเช่นไรดีเล่า ข้าไม่อยากลงมือกับสาวงามเลย! หากทำร้ายท่านแล้วข้าต้องเจ็บปวดใจเป็นแน่แท้”
“เช่นนั้นก็มาดูกันว่าจะเป็นใครทำร้ายใครกันแน่” ซีเย่ว์ซีพูดพลางหมุนนิ้วมือแล้วคว้าจับไปทางซือหม่าโยวเย่ว์
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นความเร็วของนาง รวมทั้งกระแสลมที่เกิดขึ้นเพราะนางแล้วจึงพอเข้าใจในพลังยุทธ์ของนางอย่างคร่าวๆ เธอเบี่ยงกายหลบการโจมตีของนางได้อย่างง่ายดายก่อนจะถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็วสองก้าวเพื่อหลบหลีกจากเขตการโจมตีของอีกฝ่าย
ซีเย่ว์ซีคิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะรวดเร็วถึงเพียงนี้ ตอนที่เธอหลบหลีกนั้นตนก็เปลี่ยนทิศทางไล่ตามไป แต่กลับมิอาจคว้าจับตัวเธอไว้ได้
“แม่สาวงาม ถ้าหากเจ้าจับตัวข้าได้ภายในสิบกระบวนท่า ข้าก็จะยอมขอโทษนาง เตรียมตัวให้ดีล่ะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์หลบหลีกพลางพูดพร้อมรอยยิ้ม
ซีเย่ว์ซีมีพลังยุทธ์สูงส่งกว่าคนในวัยเดียวกันมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยพบเจอคนที่มีความรวดเร็วมากกว่าตนมาก่อนเลย เพราะคนหนึ่งไล่ตาม คนหนึ่งหลบหลีก ทั้งสองคนไม่ได้ใช้ปราณวิญญาณเลย ดังนั้นจนถึงที่สุดแล้วทั้งสองจึงได้แต่วัดกำลังกายกันเท่านั้น
สองกระบวนท่า สามกระบวนท่า สี่กระบวนท่า… เก้ากระบวนท่า สิบกระบวนท่า…
สิบกระบวนท่าผ่านไป อย่าว่าแต่ซีเย่ว์ซีจะจับตัวซือหม่าโยวเย่ว์ได้เลย แม้กระทั่งชายเสื้อของเธอก็ยังไม่อาจสัมผัสได้ด้วยซ้ำ นางทั้งว่องไวและตอบสนองอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังสู้ความเร็วที่ซือหม่าโยวเย่ว์ฝึกฝนมาจากเทือกเขาสั่วเฟยย่าตลอดสองปีไม่ได้
หลังจากสิบกระบวนท่าแล้วซือหม่าโยวเย่ว์ก็มาอยู่นอกฝูงชนแล้วพูดกับซีเย่ว์ซีที่อยู่ด้านในว่า “แม่สาวงาม วันนี้คุณชายเช่นข้ามีธุระ ไม่อยู่คุยกับท่านแล้วนะ คราวหน้าอย่าลืมเพิ่มความเร็วของตัวเองอีกสักหน่อยล่ะ!”
พอพูดจบก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ซีเย่ว์ซีถึงขนาดที่มองไม่ทันว่าเธอออกไปอยู่นองฝูงชนได้อย่างไร เมื่อเห็นเธอจากไป สีหน้าก็หม่นลงอย่างน่ากลัว
“พี่หญิง จะปล่อยให้เขาจากไปเช่นนี้น่ะหรือเพคะ” ฉินหว่านก้าวเข้ามาแล้วพูดอย่างไม่พอใจ
“แล้วเจ้าจับเขาได้หรือไม่เล่า” ซีเย่ว์ซีเหลือบตามองฉินหว่านปราดหนึ่งแล้วพูดว่า “พลังยุทธ์ของเจ้าเด็กนั่นไม่เลวเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คืองานประมูลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ข้าไม่อยากเปลืองแรงไปกับเรื่องที่ไม่สมควร รอหลังจากงานประมูลแล้วย่อมต้องมีโอกาสแก้แค้นอย่างแน่นอน! เข้าใจหรือไม่”
“เพคะ ข้าเข้าใจแล้ว” ฉินหว่านปากพูดไปอย่างนั้น แต่สายตาที่มองซือหม่าโยวเย่ว์จากไปกลับไม่พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ซือหม่าโยวเย่ว์กลับมาถึงกลุ่มทหารรับจ้างนกนางนวล พวกเว่ยจือฉีกำลังเล่นกับเสี่ยวถูอยู่ในลานบ้าน เมื่อเห็นเธอกลับมาจึงถามว่า “เป็นเช่นไรบ้าง”
“เรียบร้อยแล้วล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “กลัวแต่ว่างานประมูลคราวนี้จะล่าช้าออกไปอีกสองวันน่ะสิ”
“ล่าช้าอีกแล้วหรือ” เจ้าอ้วนชวีสะดุ้งแล้วถามว่า “เพราะเหตุใดกัน!”
“ถึงอย่างไรยาวิเศษร้อยโคจรก็เป็นยาวิเศษที่ใกล้จะหายสาบสูญไปอยู่แล้ว มาปรากฏขึ้นในตอนนี้ ยาวิเศษที่เลิศล้ำเช่นนี้ย่อมต้องดึงดูดความสนใจของทุกคนอยู่แล้ว มีของที่อยากประมูลเพิ่มมากขึ้น ก็ต้องใช้เงินมากขึ้นด้วยน่ะสิ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “พวกเขาบอกว่าจะล่าช้าออกไปสองวัน ข้าก็ขุดทลายเส้นลมปราณให้เสี่ยวถูได้สำเร็จอีกครั้งหนึ่งพอดี”
“อืม คราวก่อนหลังจากที่เจ้าขุดทลายให้เขาแล้วยังต้องพักผ่อนเนิ่นนานถึงเพียงนั้น ไปคราวนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง รักษาพลังจิตให้เต็มเอาไว้ก่อนจะเป็นการดีที่สุด” เป่ยกงถังพูด
“อื้ม” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า เธอเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
“โยวเย่ว์ ตอนนี้เจ้ามีเงินพอหรือยังเล่า” เว่ยจือฉีถาม
“พอแล้วล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดถึงเรื่องนี้แล้วเบิกบานใจไม่น้อย “ข้าขายตำรับยาพื้นบ้านของยาวิเศษร้อยโคจรให้แก่โรงอัปลักษณ์ไปเรียบร้อยแล้ว ทำเงินได้หกแสนตำลึงทอง ยาวิเศษร้อยโคจรสี่เม็ดก็ต้องประมูลได้เงินอย่างน้อยสี่แสน”
“เช่นนั้นรวมกันก็ได้หนึ่งล้านเลยน่ะสิ!” เจ้าอ้วนชวีพูด “รู้สึกราวกับเป็นมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว”
“มหาเศรษฐีชั่วข้ามคืนบ้านเจ้าสิ!” ซือหม่าโยวเย่ว์ฟาดเจ้าอ้วนชวีคราหนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าก็มั่งมีมาโดยตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้เป็นสิ่งของ ตอนนี้มาแลกเปลี่ยนเป็นเงินทองก็เท่านั้นเอง”
“เช่นนั้นคราวนี้ต้องคว้าลูกปัดแก้วผลึกมาครองได้แน่” เว่ยจือฉีพูด “แต่ว่า… โยวเย่ว์ เหตุใดเจ้าจึงต้องได้ลูกปัดแก้วผลึกมาครองให้จงได้เล่า ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นเจ้าจะสนใจสักเท่าใดเลย”
“คนทางบ้านข้าเขาชอบน่ะ เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ได้แต่ตามใจพวกเขาน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างจนใจอยู่บ้าง
หมัวซาที่อยู่ในสร้อยข้อมือม่านถัวได้ยินซือหม่าโยวเย่ว์พูดว่าเขาเป็นครอบครัวของเธอก็อดที่จะยกมุมปากยิ้มมิได้
แต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าเป็นครอบครัวของเขาเลย ถ้าหากเป็นผู้อื่นจะต้องถูกเขาฟาดฝ่ามือใส่จนตายแน่ แต่เหตุใดพอซือหม่าโยวเย่ว์พูดเช่นนี้แล้วเขาจึงไม่เกิดความรู้สึกโกรธสักนิดเดียวเลยเล่า
“โยวเย่ว์ เจ้าวางแผนจะขุดทลายครั้งที่สองให้เสี่ยวถูเมื่อใดหรือ” เป่ยกงถังถาม
“พรุ่งนี้ก็แล้วกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เสี่ยวถู วันนี้เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่นะ พรุ่งนี้พวกเราค่อยเริ่มกัน ดีหรือไม่”
“ดีขอรับ” เสี่ยวถูพยักหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะหวาดกลัวต่อความเจ็บปวดอันน่าหวาดหวั่นนั้น แต่สิ่งนี้ย่อมมิอาจขัดขวางความปรารถนาในการฝึกยุทธ์ของเขาได้อยู่แล้ว
จากนั้นซือหม่าโยวเย่ว์ก็เล่าเรื่องที่ได้พบกับฉินหว่านและซีเย่ว์ซีให้พวกเขาฟัง คนอื่นๆ ก็มิได้รู้สึกอะไร พูดเพียงว่าพอถึงเวลานั้นก็ให้รีบออกมาแต่เนิ่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพวกนาง
เหมือนกับซือหม่าโยวเย่ว์พูดเอาไว้ ช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้น งานประมูลก็ปล่อยข่าวออกมาอีกครั้งว่างานประมูลจะเลื่อนออกไปสองวัน
การเลื่อนออกไปสองวันนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ผู้คนจำนวนไม่น้อยเกิดความไม่พอใจ แต่เมื่อได้ยินว่าที่เลื่อนออกไปนี้เป็นเพราะการปรากฏขึ้นของยาวิเศษร้อยโคจร ความรู้สึกไม่พอใจก็เปลี่ยนกลายเป็นตื่นเต้น ต่างคนต่างไปรวบรวมทรัพย์สินเงินทองมาเพิ่ม
แม้กระทั่งซีเย่ว์ซีที่เห็นของดีมานับไม่ถ้วนตั้งแต่เด็กก็ตกตะลึงพรึงเพริดไปด้วยเช่นเดียวกัน เดิมทีนางมีพรสวรรค์ไม่เลวอยู่แล้ว ถ้าหากได้ยาวิเศษร้อยโคจรมาชำระเอ็นตัดไขกระดูก เช่นนั้นในภายหน้าตนจะต้องยิ่งล้ำเลิศอย่างแน่นอน
“เด็กๆ ไปจัดหาตำลึงทองมาเดี๋ยวนี้ ไปรวบรวมทรัพย์สินเงินทองมาให้ข้าให้มากเพียงพอ แล้วส่งคนกลับไปรายงานเสด็จพ่อเรื่องนี้ด้วย…”
……………………………………..