วันรุ่งขึ้น ซือหม่าโยวเย่ว์มาที่ห้องของเสี่ยวถู ซึ่งเสี่ยวถูกำลังคอยเธออยู่
“พวกเราเริ่มกันเลยดีกว่า”
เสี่ยวถูเห็นซือหม่าโยวเย่ว์หยิบยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกออกมาก็นึกขึ้นมาได้ว่าวันนั้นตอนที่ไปโรงอัปลักษณ์ ผู้อื่นให้ราคาขั้นต่ำถึงห้าพันตำลึงทองต่อเม็ด ก็รู้ว่าราคามิใช่น้อยเลย เมื่อเห็นว่าเธอหยิบให้ตนกินโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด จึงเอ่ยว่า “พี่สาว เสี่ยวถูจะจดจำบุญคุณของท่านไว้ให้ดีเลย”
ซือหม่าโยวเย่ว์ตบศีรษะเสี่ยวถูเบาๆ แล้วพูดว่า “ดี”
เสี่ยวถูกินยาวิเศษลงไป ซือหม่าโยวเย่ว์เสริมปราณวิญญาณเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกหลอมละลายได้เร็วขึ้น รอจนร่างกายของเขาเริ่มเยือกแข็ง เธอจึงดึงเปลวเพลิงกองหนึ่งออกมาห่อหุ้มไว้แล้วส่งเข้าไปในร่างของเสี่ยวถู
ร่างกายเสี่ยวถูสั่นสะท้าน หวั่นกลัวต่อเปลวเพลิงนี้อยู่บ้าง แต่เขาก็ยังกัดฟันอดทนเอาไว้ ไม่ส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย
เหมือนกับคราวก่อน ซือหม่าโยวเย่ว์ทะลวงเส้นลมปราณเพียงสี่เส้นแล้วถอยออกมา ถึงแม้ว่าเธอจะทานทนได้มากกว่าคราวที่แล้วอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอรู้สึกได้ว่าสภาพของเสี่ยวถูมิสู้ดีนัก ดังนั้นจึงเลือกที่จะหยุดลงเพียงเท่านี้
ในขณะที่ถอนเปลวเพลิงออกมานั้น เสี่ยวถูหลับตาแน่นแล้วค่อยลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ที่มีสีหน้าซีดขาวแล้วเขาก็ขยับริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะหมดสติไป
เป่ยกงถังเดินเข้ามาแล้วรับภาระดูแลเสี่ยวถูต่อเหมือนคราก่อน ให้ซือหม่าโยวเย่ว์ไปพักผ่อน
ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบน้ำทิพย์วิญญาณออกมาแล้วหยดเข้าไปในปากเสี่ยวถูหยดหนึ่ง หลังจากนั้นจึงกลับไปยังห้องของตนแล้วดื่มเองหยดหนึ่ง ก่อนจะนั่งสมาธิบำเพ็ญ
ระหว่างนี้ไป๋อวิ๋นฉีได้เข้ามาหาพวกเขา บอกว่าจะพาพวกเขาไปเที่ยวเล่นตามที่ต่างๆ แต่เพราะซือหม่าโยวเย่ว์กำลังปลีกวิเวกอยู่ ไม่ให้ใครรบกวน พวกเขาจึงทิ้งเธอเอาไว้แล้วออกไป
ตลอดมาจนถึงวันงานประมูล ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ยังไม่ได้ออกจากการปลีกวิเวก ในขณะที่ทุกคนกำลังลังเลอยู่ว่าจะไปเรียกเธอดีหรือไม่อยู่นั้นเอง ลำแสงแห่งการเลื่อนระดับก็แผ่มาจากในห้องของเธอ หยุดยั้งฝีก้าวของพวกเขาเอาไว้
“โยวเย่ว์เลื่อนระดับอีกแล้ว!” เจ้าอ้วนชวีทุบต้นขา “เหตุใดข้าจึงยังไม่เลื่อนระดับเสียทีเล่า เห็นอยู่ชัดๆ ว่าฝึกยุทธ์พอๆ กันเลย”
โอวหยางเฟยเหน็บประโยคหนึ่งว่า “พรสวรรค์ไม่พอน่ะสิ เข้าใจแล้วหรือยัง”
“ฮือๆๆ เหตุใดโยวเย่ว์ถึงได้ร้ายกาจกว่าพวกเรามากมายถึงเพียงนี้เล่า ไม่ได้การล่ะ รอให้จัดการธุระเสร็จแล้วข้าจะต้องตั้งใจฝึกยุทธ์ให้ดี จะล้าหลังมากเกินไปมิได้”
มิได้เป็นเพียงแค่ความคิดของเขาคนเดียวเท่านั้น แต่เป็นความในใจของคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
เพราะซือหม่าโยวเย่ว์เลื่อนระดับ ตอนที่พวกเขาออกจากบ้านจึงล่าช้ากว่าผู้อื่นอยู่มาก ไป๋หยวนฉุนพาคนของกลุ่มทหารรับจ้างนกนางนวลไปยังโรงอัปลักษณ์เรียบร้อยแล้ว มีเพียงแค่ไป๋อวิ๋นฉีเท่านั้นที่กำลังคอยพวกเขาอยู่
ซือหม่าโยวเย่ว์เลื่อนระดับเสร็จเรียบร้อย ห่างจากการเลื่อนระดับในครั้งก่อนนานสองเดือน แต่เป็นเพราะระยะนี้เกิดเรื่องอยู่ตลอด ไม่มีเวลาฝีกยุทธ์ ดังนั้นจึงเนิ่นช้ามานานถึงเพียงนี้
“บรรพวิญญาณขั้นสอง ไม่รู้ว่าพลังการต่อสู้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์กำหมัด รู้สึกได้ถึงพละกำลังในร่างกาย จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เธอเปิดประตูออกไป ท้องฟ้าด้านนอกมืดแล้ว แต่ทุกคนยังคงคอยเธออยู่ในลานบ้าน
“โยวเย่ว์ เจ้าออกมาเสียที หากเจ้ายังไม่ออกมาอีก พวกเราก็คงจะพลาดงานประมูลแล้วล่ะ” ไป๋อวิ๋นฉีพูด
“วันนี้คือวันงานประมูลหรือ ผ่านไปหลายวันขนาดนี้แล้วหรือนี่!” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มแล้วพูดว่า “เช่นนั้นพวกเรารีบไปกันดีกว่า”
รถเทียมสัตว์อสูรยังคงคอยพวกเขาอยู่นอกประตู ซือหม่าโยวเย่ว์ขึ้นไปพร้อมกับพวกเขาก่อนจะลงรถที่ตรอกเล็กแห่งนั้นแล้วให้พวกเว่ยจือฉีไปต่อกันเอง
เธอเข้าไปข้างในตรอกเล็ก เปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากนั้นจึงรีบตรงไปยังโรงอัปลักษณ์
ขณะนี้เหลืออีกไม่กี่นาทีก็จะเริ่มงานประมูลแล้ว พนักงานเหล่านั้นกำลังเตรียมปิดประตู เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์เข้ามา พวกเขาก็รีบเปิดประตูแล้วพูดว่า “นายท่านมาแล้ว ได้โปรดให้พนักงานนำทางท่านไปยังห้องส่วนตัวของท่านนะขอรับ”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วเข้าไปพร้อมกับหญิงสาวผู้หนึ่ง
ลานประมูลอยู่ที่ด้านหลังของโรงอัปลักษณ์ อาคารสองชั้นหลังหนึ่ง บวกกับชั้นใต้ดินหนึ่งชั้น รวมทั้งสิ้นสามชั้น
ชั้นล่างสุดคือเวทีประมูลและอัฒจันทร์รวม คนที่อยู่ตรงนี้ก็คือผู้ประมูลทั่วไปหรือขุมอำนาจที่มีพลังยุทธ์ไม่พอ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่มาดูความคึกคักเท่านั้น
ชั้นสองเป็นห้องส่วนตัวสำหรับขุมอำนาจที่มีฐานะหรือพลังยุทธ์เท่านั้น ห้องเรียงตัวโค้งรับไปกับเวทีประมูลเบื้องล่าง ซึ่งมีห้องส่วนตัวอยู่หลายสิบห้อง
ชั้นสามนั้นมีเพียงผู้ทรงอำนาจอย่างยิ่งเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ อย่างเช่นราชวงศ์ของอาณาจักรจันทร์ประจิม สมาคมนักหลอมยา และสมาคมนักหลอมวัตถุ เป็นต้น
ชั้นสามมีอยู่ทั้งหมดยี่สิบห้อง มีอยู่หลายห้องที่จุดตะเกียงเอาไว้แล้ว แสดงว่ามีคนอยู่ในนั้น
ห้องหมายเลขหนึ่งถึงห้าล้วนเป็นแขกพิเศษในบรรดาแขกพิเศษ ก่อนหน้านี้มีเพียงซีเย่ว์ซีที่อยู่ในห้องหมายเลขห้า ส่วนสี่ห้องแรกนั้นดับตะเกียงไร้ซึ่งผู้คน
ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปนั้นทุกคนก็มากันเกือบหมดแล้ว เมื่อถึงเวลา ประตูใหญ่จึงปิดลง
“นายท่าน เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” สาวใช้นำทางซือหม่าโยวเย่ว์ผ่านห้องโถงใหญ่มาจนถึงบันไดแล้วตรงขึ้นไปยังชั้นสาม
ทุกคนเข้านั่งประจำที่กันหมดแล้ว ดังนั้นซือหม่าโยวเย่ว์จึงโดดเด่นสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง คนเหล่านั้นพากันซุบซิบคาดเดาว่าผู้ที่ถึงขนาดทำให้คนของโรงอัปลักษณ์ต้องมานำทางด้วยตัวเองเช่นนี้ อีกทั้งยังมาเพียงคนเดียวด้วย จะมีสถานะเช่นไรกันหนอ
“ห้องหมายเลขสาม!”
คนเหล่านั้นเห็นซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปในห้องหมายเลขสามแล้วต่างพากันตกตะลึง
“ก่อนหน้านี้ห้องหมายเลขสามมิได้จุดตะเกียงมาเนิ่นนานเพียงใดแล้ว!”
“เชื้อพระวงศ์จันทร์ประจิมยังอยู่ได้เพียงแค่ห้องหมายเลขห้า คิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นกลับได้เข้าไปห้องหมายเลขสาม”
“ถูกต้อง ข้าได้ยินว่าเจ้าของยาวิเศษร้อยโคจรในครั้งนี้สวมเสื้อคลุมสีดำตลอดร่าง หรือว่าเขาจะเป็นเจ้าของยาวิเศษร้อยโคจรกันเล่า”
“ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง มิน่าเล่า จึงเข้าไปในห้องหมายเลขสามได้”
“ได้ยินมาว่าเขายังเป็นผู้หลอมยาวิเศษร้อยโคจรนี้ด้วยตัวเองอีกต่างหาก ถ้าหากเชิญเข้ามาอยู่ในตระกูลได้ เช่นนั้นความรุ่งโรจน์ของตระกูลเราก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว!”
“เจ้าคิดดูเอาเถิด ข้าได้ยินมาว่างานประมูลอยากทาบทาม เขายังไม่ยอมรับปาก แล้วจะยอมไปอยู่ที่ตระกูลเล็กจ้อยของเจ้าได้อย่างไรเล่า”
เดิมทีพวกเว่ยจือฉีกำลังคิดกันอยู่ว่าคนผู้นี้เป็นใคร พอตอนนี้มาได้ยินว่าเขาเป็นเจ้าของยาวิเศษร้อยโคจรจึงรู้ได้ในทันทีว่าคือซือหม่าโยวเย่ว์นั่นเอง
“คิดไม่ถึงว่าโยวเย่ว์จะไปอยู่ที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสาม หากรู้ก่อนพวกเราก็คงตามเขาไปเปิดหูเปิดตาแล้วล่ะ” เจ้าอ้วนชวีพูด
“ที่โยวเย่ว์ไม่ให้พวกเราไปด้วย ย่อมต้องมีเหตุผลของนางเองอยู่แล้ว ยาวิเศษร้อยโคจรนี้ก่อให้เกิดความโกลาหลไม่น้อย ถ้าหากให้คนล่วงรู้ว่าเป็นใคร ย่อมต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน เจ้าเห็นไหมว่าโยวเย่ว์ถึงกับต้องปลอมตัวแปลงกลิ่นอายเสียด้วยซ้ำ” เว่ยจือฉีเอ่ยชี้แนะ
“ข้ารู้น่า ก็แค่พูดเฉยๆ เท่านั้น” เจ้าอ้วนชวีพูด
สาวใช้นำทางซือหม่าโยวเย่ว์เข้ามาในห้อง ตะเกียงก็สว่างขี้นมาเอง ทำให้เธอเห็นลักษณะภายในห้องได้อย่างชัดเจน
“หรูหราเสียจริง!” ซือหม่าโยวเย่ว์พึมพำในใจ “ห้องนี้ยังหรูหรากว่าห้องโถงหลักของผู้อื่นเสียอีก”
“นายท่าน ผลไม้ทิพย์ในห้องนี้ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ท่านเป็นพิเศษเลยนะเจ้าคะ” สาวใช้พูด “นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมลำดับรายการสิ่งของประมูลเอาไว้ให้ท่านด้วยเจ้าค่ะ”
“ดี เจ้าออกไปก่อนเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์กดเสียงต่ำพูดขึ้น
“ถ้าหากมีเรื่องอันใด ท่านสามารถกดปุ่มนี้ได้เลย พวกเราจะส่งคนมาในทันที บ่าวขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
พอสาวใช้ผู้นั้นพูดจบก็ออกจากห้องไปแล้วปิดประตูเพื่อตัดขาดมิให้ภายนอกสอดแนมภายในห้องนี้ได้
ซือหม่าโยวเย่ว์เดินมาที่โต๊ะแล้วมองดูผลไม้ทิพย์เหล่านั้น ถึงแม้ว่าจะเทียบกับที่อยู่ในเจดีย์วิญญาณมิได้ แต่ก็ถือว่าดีแล้วสำหรับภายนอก
ขณะนี้ตะเกียงทั้งหมดในห้องโถงใหญ่ล้วนสว่างไสวขึ้นมา ความสนใจทั้งหมดมุ่งไปที่เวทีประมูล ผู้คนที่คุ้นเคยล้วนรู้ดีว่างานประมูลกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
…………………………………….