ธาตุของเว่ยจือฉีคือธาตุน้ำแข็งและธาตุไม้ ขณะนี้พลังการโจมตีของธาตุไม้ยังไม่แข็งแกร่ง ส่วนธาตุน้ำแข็งนั้นถึงแม้ว่าจะมีพลังการต่อสู้อันยอดเยี่ยม แต่เพราะมิได้มีทักษะวิญญาณอันแข็งแกร่งจึงทำให้เขากลายเป็นผู้ที่มีพลังการต่อสู้ต่ำที่สุดของกลุ่มในขณะนี้
ถึงแม้ว่าภายในเจดีย์วิญญาณจะมีทักษะวิญญาณอยู่บ้าง แต่หลังจากผสานรวมกับเจดีย์เจ็ดชั้นแล้ว ทักษะวิญญาณที่ค่อนข้างสูงเหล่านั้นต่างก็ถูกผนึกเอาไว้ เรียกได้ว่าถูกดึงไปไว้ที่ชั้นบนๆ จนหมด นี่ทำให้เธอหดหู่อยู่นานเลยทีเดียว หากรู้ก่อนก็คงนำทักษะวิญญาณเหล่านั้นออกมาก่อนการผสานรวมแล้ว
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ราคาประมูลในตอนนี้ไปถึงห้าแสนแล้ว
“บ้าจริงเชียว” เจ้าอ้วนชวีเห็นว่าเพียงไม่กี่ครั้งราคาก็พุ่งสูงไปถึงขนาดนี้แล้ว จึงอ้าปากค้างจนคางแทบจะร่วงลงพื้น
ในตอนแรกที่เว่ยจือฉีได้ยินว่าเป็นทักษะวิญญาณธาตุน้ำแข็งก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อราคาพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หัวใจที่ตื่นเต้นอยู่ก็ค่อยๆ สงบลงตามไปด้วย ต่อให้พบพานได้ยากยิ่ง มันก็มิได้มีไว้สำหรับเขา
คนในห้องล้วนเห็นความสูญเสียในแววตาของเขากันทั้งสิ้น โอวหยางเฟยตบบ่าเขาพลางพูดว่า “ในภายหน้าก็คงจะได้พบกับของดียิ่งกว่านี้เสียอีก”
“อื้ม” เว่ยจือฉียิ้ม
“ห้าแสนห้า”
เสียงเสนอราคานี้ทำให้ทั้งสี่คนหัวใจสั่นไหว มองไปด้านนอกโดยสัญชาตญาณ แต่กลับเห็นเพียงแค่ประตูห้องที่ปิดสนิทอยู่เท่านั้น
“นี่มัน…”
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าซือหม่าโยวเย่ว์ใช้วิธีใดในการแปลงเสียง แต่พวกเขาล้วนรู้ว่านี่คือเธอที่กำลังเสนอราคาอยู่
“ห้องส่วนตัวหมายเลขสามเสนอราคาห้าแสนห้า ยังมีราคาสูงกว่านี้อีกหรือไม่เจ้าคะ” จวินหลานถาม
พอซือหม่าโยวเย่ว์ส่งเสียง ผู้คนไม่น้อยก็พากันยอมแพ้ เดิมทีพวกเขาก็ไม่มีธาตุน้ำแข็งอยู่แล้ว ที่เสนอราคาก็เพราะอยากจะร่วมสนุกเท่านั้น ถ้าหากถูกนักหลอมยาคนหนึ่งชิงชังด้วยเหตุนี้ ก็ย่อมได้ไม่คุ้มเสีย
“หกแสน” ซีเย่ว์ซีไม่พอใจกับการที่ซือหม่าโยวเย่ว์ประมูลขายยาวิเศษร้อยโคจรแบบมัดรวม จึงแข่งขันกับเธอ
บวกกับขุมอำนาจอื่นๆ อีกหลายแห่ง ทักษะวิญญาณนี้จึงถูกเสนอราคาไปถึงหนึ่งล้านสองแสน
“คุณหนูจวินหลาน ข้าเพิ่งเคยเข้าร่วมงานประมูลเช่นนี้เป็นครั้งแรก จึงมีคำถามหนึ่งอยากจะถามสักหน่อย” ซือหม่าโยวเย่ว์ถามขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“ตอนนี้พวกเรากำลังเสนอราคากันอยู่ นี่เจ้ากำลังทำอะไรของเจ้าน่ะ” ซีเย่ว์ซีพูดอย่างไม่พอใจ
“ก็เพราะกำลังเสนอราคานี่แหละ จึงมีคำถามหนึ่งอยากจะถาม!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“นายท่านเชิญถามได้เลยเจ้าค่ะ” จวินหลานพูด
“งานประมูลนี้ต้องจ่ายเงินทันทีเลยหรือไม่ หรือข้าสามารถเสนอราคาที่นี่ก่อน หลังจากประมูลสิ่งของไปแล้วค่อยกลับไปรวบรวมเงินมาจ่ายก็ได้” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
ผู้คนเบื้องล่างต่างตกตะลึงไปครู่หนึ่งเพราะคิดไม่ถึงว่าเธอจะถามคำถามนี้ออกมาได้
“ถ้าหากข้าเสนอราคาไปแล้วไม่มีเงินจ่ายจะทำเช่นไรหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดต่อ “ข้ามิได้มีเจตนาจะจับผิดหรอกนะ แต่เป็นเพราะข้าไม่เคยเข้าร่วมงานประมูลมาก่อนเลยจริงๆ จึงไม่เข้าใจในจุดนี้น่ะ”
จวินหลานไม่โกรธแล้วพูดว่า “ถ้าหากเสนอราคาไปเปล่าๆ ก็จะถูกโรงประมูลของพวกเราใส่ชื่อลงในบัญชีดำไปตลอดกาล ไม่อนุญาตให้เข้าไปในสาขาย่อยใดๆ อีกเลย”
“คงมิได้ฆ่าคนปิดปากกระมัง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างหวาดกลัว
“นี่คงไม่ต้องให้จวินหลานพูดหรอกนะเจ้าคะ” จวินหลานพูดยิ้มๆ “พวกเราไปต่อกันได้หรือยังเจ้าคะ”
“อื้ม ข้าไม่มีคำถามแล้วล่ะ เชิญต่อได้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “หนึ่งล้านสองแสนห้าหมื่น”
หลังจากที่ถูกเธอขัดจังหวะเช่นนี้ คนที่เสนอราคาก็เหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ เดิมทีพวกเขาก็แค่สร้างความวุ่นวายเล่นๆ อยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินซือหม่าโยวเย่ว์ตักเตือนเช่นนี้ หากหลังจากที่ตนเสนอราคาไปแล้วไม่มีใครเสนอราคาต่อก็ไม่เท่ากับหาเหาใส่หัวหรอกหรือ
“หนึ่งล้านสามแสน” ซีเย่ว์ซียังคงตามติดต่อไป
“หนึ่งล้านสี่” ซือหม่าโยวเย่ว์เพิ่มเข้าไปรวดเดียวหนึ่งแสน
“หนึ่งล้านห้า”
ทุกคนเสนอราคาไปถึงหนึ่งล้านเจ็ดแสนอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เหลือเพียงเธอกับซีเย่ว์ซีแค่สองคนแล้ว
“หนึ่งล้านแปดแสน” ซือหม่าโยวเย่ว์เสนอราคาเสร็จแล้วจึงเอ่ยว่า “นี่คือราคาสูงสุดที่ข้าเต็มใจจะเสนอให้ได้แล้ว ถ้าหากองค์หญิงพอพระทัยก็ทรงเพิ่มเงินอีกสักหน่อย ข้าก็จะไม่แย่งกับท่านอีกแล้ว”
ซีเย่ว์ซีที่กำลังคิดจะเสนอราคาจึงกลืนวาจาที่มาถึงคอหอยแล้วกลับลงไป
ซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นี้แน่ใจว่านางมิได้พกเงินทองมามากนัก มิฉะนั้นเมื่อครู่คงไม่มีทางปล่อยให้สมาคมนักหลอมยาประมูลยาวิเศษร้อยโคจรไปในราคาหนึ่งล้านแปดแสนหรอก
นางคิดจะเสนอราคาต่อไป แต่ถ้าหากซือหม่าโยวเย่ว์ไม่อยากจ่ายจริงๆ และนางก็มิได้มีเงินมากมายเท่าใดนัก เช่นนั้นนางก็จะถูกโรงอัปลักษณ์บันทึกชื่อในบัญชีดำไปตลอดกาลน่ะสิ!
จักรพรรดิแห่งอาณาจักรจันทร์ประจิมพูดมาตลอดว่าไม่อยากล่วงเกินโรงประมูล เคยตรัสเอาไว้ชัดเจนว่าผู้หนุนหลังของพวกเขานั้นแม้แต่ราชวงศ์ก็ยังมิอาจยุแหย่ได้ ถ้าหากคืนนี้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นจริง พอตนกลับไปก็คงไม่มีข้อแก้ตัวกับเสด็จพ่อของตัวเองแน่
“เจ้าช่างร้ายนัก!” ซีเย่ว์ซีเก็บมือของตนกลับมา ไม่เสนอราคาต่อไปอีก
เธอได้แต่หวังว่าจะมีผู้อื่นเสนอราคา ทว่าปรมาจารย์วิญญาณแห่งสมาคมนักหลอมวัตถุที่มั่งมีที่สุดล้วนเป็นธาตุไฟทั้งสิ้น สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรชมชอบตำราพลังจิต ส่วนสมาคมนักหลอมยาก็ไม่อยากเป็นอริกับซือหม่าโยวเย่ว์จึงได้หยุดเสนอราคาไปก่อนนานแล้ว
ในที่สุดซือหม่าโยวเย่ว์ก็ประมูลทักษะวิญญาณเล่มนี้มาได้ในราคาหนึ่งล้านแปดแสน
เมื่อสิ่งของประมูลชิ้นสุดท้ายถูกประมูลไปแล้ว ความรู้สึกกดดันจากด้านหลังที่มีมาโดยตลอดก็จางหายไป ผู้แข็งแกร่งระดับจ้าววิญญาณคนนั้นก็จากไปเสียแล้ว
“การประมูลในคืนนี้สิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ สิ่งของทั้งหมดก็ได้ถูกส่งถึงมือของทุกท่านเรียบร้อยแล้ว ทุกท่านที่ประมูลสิ่งของได้สามารถออกไปจากที่นี่ด้วยค่ายกลนำส่งฉับพลันของพวกเราได้เลยนะเจ้าคะ” จวินหลานพูด “ยินดียิ่งนักที่ได้ผ่านค่ำคืนอันงดงามนี้ร่วมกับทุกท่านนะเจ้าคะ พบกันใหม่คราวหน้าเจ้าค่ะ”
เมื่อเอ่ยวาจาเหล่านี้จบ นางก็หมุนกายลงจากเวที ประตูใหญ่ของลานประมูลเปิดออก คนเหล่านั้นจึงทยอยกันออกไป
ซือหม่าโยวเย่ว์รอให้ผู้คนเบื้องล่างออกไปกันพอสมควรแล้วจึงค่อยลุกออกมาจากห้อง ซึ่งสาวใช้ด้านนอกยังคงคอยเธออยู่
“นายท่านโปรดมากับข้าด้วยเจ้าค่ะ”
สิ่งของของเธอยังไม่มาส่งเลย เธอจึงรู้ว่าผู้อื่นกำลังคอยให้เธอไปรับด้วยตนเองอยู่
สาวใช้พาเธอไปยังห้องห้องหนึ่ง ซือหม่าโยวเย่ว์ย่อมไม่ได้เป็นกังวลอยู่แล้วว่าพวกเขาจะทำเรื่องอะไรไม่ดีกับตน ถึงแม้ว่าเจ้าไก่ฟ้าจะมิได้มาด้วย แต่ขณะนี้ก็กำลังนั่งอยู่ที่ด้านบนของลานประมูลนี่เอง
“ผู้น้อยคารวะนายท่าน!” จวินหลานเข้ามาจากด้านนอกแล้วคารวะซือหม่าโยวเย่ว์พร้อมรอยยิ้มทรงเสน่ห์
“คุณหนูจวินหลาน” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นนางแล้วก็พยักหน้าให้ มิได้ประหลาดใจแต่อย่างใด
จวินหลานเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ก็รู้ได้ในทันทีว่านี่คือร่างปลอมตัวของเธอ แต่ก็มิได้พูดอะไร นางหมุนตัวแล้วหยิบเอาถาดมาจากในมือของสาวใช้ข้างกายก่อนจะเอ่ยว่า “นี่คือตำราที่ท่านประมูลได้ รวมทั้งเงินที่เหลือหลังจากการประมูลทักษะวิญญาณเจ้าค่ะ เป็นแขกผู้ทรงเกียรติของพวกเรา พวกเราจะหักค่าธรรมเนียมเพียงแค่หนึ่งหมื่นเท่านั้น ถ้าหากเป็นผู้อื่น พวกเราจะเก็บถึงร้อยละสามเลยล่ะเจ้าค่ะ”
ค่าธรรมเนียมร้อยละสาม ก็เท่ากับค่าธรรมเนียมแปดหมื่นห้าสำหรับราคาสองล้านแปดแสนห้าหมื่น นี่เท่ากับว่าให้ส่วนลดเธอถึงเจ็ดหมื่นเลยทีเดียว
นี่เป็นการแสดงไมตรีอันดีต่อเธอ
“ขอบคุณมาก” ซือหม่าโยวเย่ว์ค่อยๆ เก็บทักษะวิญญาณและบัตรแก้วผลึกมูลค่าหนึ่งล้านสี่หมื่นตำลึงทองลงไปในแหวนเก็บวัตถุ
“นอกจากนี้เจ้าของโรงประมูลของพวกเรายังบอกด้วยว่าเพื่อเป็นการขอบคุณที่นายท่านยอมขายตำรับยาพื้นบ้านของยาวิเศษร้อยโคจรให้กับพวกเรา จึงขอมอบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่ท่าน ขอเชิญนายท่านชมได้เลยเจ้าค่ะ” จวินหลานพูดจบ บนถาดอีกใบหนึ่งก็มีแหวนเก็บวัตถุวงหนึ่งวางเอาไว้
ซือหม่าโยวเย่ว์ประหลาดใจกับเรื่องนี้อยู่บ้าง ถึงแม้ว่าพอผ่านพ้นคืนนี้ไปแล้วเธอจะได้รู้ว่าโรงอัปลักษณ์แห่งนี้มั่งมีมากก็ตาม แล้วรู้สึกนึกเสียใจที่ขายตำรับยาพื้นบ้านออกไปในราคาหกแสนเท่านั้น แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเธอก็ไม่มีความคิดเป็นอื่น คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะถึงกับมอบสิ่งของให้แก่เธอด้วย
ซึ่งพอชดเชยช่องว่างในใจเธอได้พอดี
………………………………………