วันต่อมา โรงอัปลักษณ์ก็ได้เปลี่ยนชื่อไปเรียบร้อยแล้ว คำว่าโรงอัปลักษณ์ถูกย่อจนเหลือขนาดเล็กนิดเดียวอยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างนั้นมีตัวอักษรงดงามมีชีวิตชีวาเขียนเอาไว้สามคำว่า…หอเซวียนหยวน
ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ยินไป๋อวิ๋นฉีเอาเรื่องนี้มาเล่าราวกับเป็นเรื่องตลกก็นึกถึงหอเซวียนหยวนแห่งอาณาจักรตงเฉินขึ้นมาในทันที แอบคิดว่าทั้งสองแห่งนั้นมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย เธอจึงไม่ไปคิดถึงมัน หากแต่มุ่งความสนใจไปยังเสี่ยวถูแทน
เธอได้ทำการทลายเปิดเส้นลมปราณให้เสี่ยวถูไปสองครั้งแล้ว เสี่ยวถูบอกว่าตอนนี้เขารับสัมผัสปราณวิญญาณได้แล้ว เพียงแต่ยังมิอาจดูดซับเข้าสู่ร่างกายได้เท่านั้นเอง
ตอนนี้เธอไม่มีธุระอะไรในอาณาจักรจันทร์ประจิมแล้ว เพียงแค่รอให้เส้นลมปราณของเสี่ยวถูเปิดทั้งหมดก็ไปที่อาณาจักรอู๋กลางได้แล้ว
สามวันหลังจากงานประมูลเสร็จสิ้นลง เธอจึงทลายเปิดเส้นลมปราณให้เสี่ยวถูอีกครั้ง เสี่ยวถูหยิบยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกมา เมื่อนึกถึงว่ายาวิเศษชนิดนี้ขายได้กว่าสามหมื่นตำลึงทองตอนอยู่ที่งานประมูล ตนก็รู้สึกว่ามันช่างหนักอึ้งเหลือเกิน
มิใช่ยาวิเศษ แต่เป็นบุญคุณที่ซือหม่าโยวเย่ว์มีต่อเขาต่างหาก
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นเสี่ยวถูถือยาวิเศษค้างไว้ จึงดีดหน้าผากเขาเบาๆ หนึ่งครั้งแล้วพูดว่า “ยังไม่กินลงไปอีก มัวรีรออะไรอยู่เล่า”
เสี่ยวถูได้สติกลับมาแล้วกินยาวิเศษลงไป หลังจากนั้นก็รอให้ยาวิเศษออกฤทธิ์
ในขณะที่ซือหม่าโยวเย่ว์กำลังทลายเปิดเส้นลมปราณให้กับเสี่ยวถูอยู่นั้นเอง ซีเย่ว์ซีก็ไปที่กลุ่มทหารรับจ้างโอหังอีกครั้ง
“คารวะองค์หญิง”
ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจอย่างยิ่งที่ซีเย่ว์ซีบังคับให้ขายยาวิเศษร้อยโคจรให้นาง แต่พวกฉินหมิงก็ยังคงแสดงความเคารพต่อนาง
“ท่านน้า คราวนี้ที่ข้ามาเพราะมีเรื่องอยากจะพูดกับท่าน” ซีเย่ว์ซีมาถึงยังที่นั่งด้านบนแล้วมองฉินหมิงพลางเอ่ยว่า “ข้าตรวจสอบพบคนที่สังหารท่านน้าเล็กแล้วเจ้าค่ะ”
“ท่านตรวจสอบพบแล้วอย่างนั้นหรือ” ฉินหมิงมองซีเย่ว์ซีอย่างตกใจ ลอบรำพึงว่าอำนาจของราชวงศ์นี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก
ซีเย่ว์ซีพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตอนนั้นหลังจากที่พระมารดาได้ข่าวว่าท่านน้าเล็กสิ้นไปก็ได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช้าวันนี้พอข้าออกจากการปลีกวิเวก พระมารดาก็ได้ทรงส่งข่าวมา”
“พระมารดาของท่านทรงว่าอย่างไรบ้างหรือ” ฉินหมิงถาม
“พระนางทรงบอกว่าเป็นฝีมือของพวกกลุ่มทหารรับจ้างนกนางนวลนั่น ซือหม่าโยวเย่ว์ เว่ยจือฉี เป่ยกงถัง โอวหยางเฟย กับอีกคนหนึ่งที่พวกเขาเรียกว่าเจ้าอ้วน” ซีเย่ว์ซีพูด
“เป่ยกงถังหรือ” ฉินหว่านอุทาน “ก็ไม่ใช่เจ้าพวกที่ทำร้ายข้าวันนั้นหรอกหรือ ข้าได้ยินพวกเขาเรียกกันว่าเป่ยกง จือฉี อะไรนั่นอยู่”
“ที่แท้ก็คือคนพวกนั้นนั่นเอง” ซีเย่ว์ซีนึกถึงเรื่องที่ถูกซือหม่าโยวเย่ว์เกี้ยวพาในวันนั้นขึ้นมา สีหน้าก็ไม่น่าดูอย่างยิ่ง คล้ายกับว่าอยากจะฉีกร่างเธอเป็นหมื่นๆ ส่วนเสียเดี๋ยวนั้น
“เช่นนั้นข้าจะพาคนไปนำตัวเจ้าพวกนั้นมาจัดการเดี๋ยวนี้เลย!” ฉินหมิงพูดพลางลุกขึ้น “สังหารน้องชายข้า แล้วยังกล้ามาเหยียบเมืองผิงคังอีก เจ้าพวกนี้ช่างบังอาจยิ่งนัก หว่านเอ๋อร์ เจ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงของเจ้าไปก่อนนะ”
พอพูดจบเขาก็เดินก้าวใหญ่ออกไปแล้วเรียกคนจำนวนหนึ่งมาก่อนจะมุ่งหน้าไปยังกลุ่มทหารรับจ้างนกนางนวล
ไป๋หยวนฉุนกำลังหารือภารกิจที่เพิ่งได้รับมากับบรรดาหัวหน้ากลุ่มทั้งหลายอยู่ เขาพูดว่า “ภารกิจในคราวนี้ไม่เหมือนภารกิจธรรมดาทั่วไป ข้าวางแผนจะไปด้วยตัวเอง หรานหร่าน หลังจากข้าไปแล้วขอฝากกลุ่มทหารรับจ้างเอาไว้กับเจ้าด้วยนะ”
“ได้เลย ท่านวางใจเถิด” ซุนหรานหร่านพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “แต่ท่านควรพาคนไปด้วยให้มากหน่อยนะ เกิดเรื่องตามความคาดหมายหมื่นครั้ง ดีกว่าเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายเพียงครั้งเดียว”
“อืม ข้าทราบแล้ว” ไป๋หยวนฉุนพูด “ต่อไปพวกเรามาวางแผนภารกิจคราวนี้โดยละเอียดกันดีกว่า…”
บ่าวรับใช้คนหนึ่งเข้ามาแล้วเอ่ยว่า “ท่านหัวหน้ากลุ่ม ท่านหัวหน้ากลุ่มโอหังมาน่ะขอรับ”
“ฉินหมิงหรือ เขามาทำอะไรน่ะ” ซุนหรานหร่านถาม
คนของกลุ่มทหารรับจ้างทั้งสองกลุ่มไม่ข้องแวะกันมาโดยตลอด เหตุใดฉินหมิงผู้นี้จึงมาหาอย่างปุบปับเล่า
หรือเรื่องที่ฉินอู่ตายไปก่อนหน้านี้รู้ถึงหูเขาเสียแล้ว
บ่าวรับใช้ยังไม่ทันได้ตอบ เสียงของฉินอู่ก็ดังลอยมาแล้ว “ทำอะไรอย่างนั้นหรือ ก็ย่อมต้องมาถามหาข้อแก้ตัวจากพวกเจ้ากลุ่มนกนางนวลน่ะสิ!”
พอเสียงพูดสิ้นสุดลง ฉินหมิงก็ก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามายังโถงประชุม
พอเห็นฉินอู่ ไป๋หยวนฉุนก็ผุดลุกขึ้นก่อนเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ฉินหมิง เจ้าพาคนมาที่นี่ทำไมกัน!”
ฉินหมิงยืนอยู่ตรงกลางโถงประชุม เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วเอ่ยว่า “ข้าบอกแล้วว่าข้ามาที่นี่เพราะต้องการคำแก้ตัวจากเจ้า!”
“คำแก้ตัวอะไรกัน”
“ฉินอู่น้องชายข้าถูกพวกซือหม่าโยวเย่ว์สังหาร ตอนนี้เจ้าคนพวกนั้นอยู่กับเจ้า ข้าต้องการให้เจ้ามอบตัวพวกเขาออกมาเสีย!”
ไป๋หยวนฉุนหรี่ตา ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้นี่เอง ไม่รู้ว่าพวกเขารู้ได้อย่างไรกัน
“น้องชายเจ้าถูกฆ่าตายแล้วเกี่ยวอะไรกับแขกของพวกเราด้วยเล่า เจ้าอยากหาที่แก้แค้น ก็ไปหาสัตว์อสูรวิเศษในเทือกเขาสั่วเฟยย่านั่นเสียสิ” ซุนหรานหร่านพูดอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
“เฮอะ พวกเราตรวจสอบพบแล้วว่าน้องชายของข้าถูกพวกซือหม่าโยวเย่ว์สังหาร นอกจากนี้คนพวกนั้นยังอยู่กับพวกเจ้าที่นี่ในตอนนี้ด้วย ข้าแนะนำว่าพวกเจ้ามอบตัวคนออกมาเสียดีกว่า” ฉินหมิงพูด “พระชายาทรงทราบเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว และให้พวกเรารับหน้าที่จับตัวมือสังหารที่ฆ่าน้องชายข้าให้จงได้ ข้าว่าพวกเจ้าคงไม่อยากเป็นอริกับราชวงศ์หรอกกระมัง”
ไป๋หยวนฉุนและซุนหรานหร่านล้วนตกใจกับข่าวนี้ ราชวงศ์จะลงมืออย่างนั้นหรือ
“เฮอะ การตายของน้องชายเจ้าเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเองแท้ๆ เป็นเพราะเขาอยากจะสังหารบุตรชายข้ากับพวกโยวเย่ว์ แต่กลับมีฝีมือด้อยกว่าจนถูกผู้อื่นเขาฆ่าตายเอาน่ะสิ” ไป๋หยวนฉุนพูด “แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกโยวเย่ว์เขาสังหารฉินอู่เพื่อช่วยเหลือบุตรชายข้าด้วย ต่อให้ทำไปเพียงเพื่อขจัดภัยพาลให้ปวงชน พวกเราก็ไม่มีทางมอบตัวพวกเขาให้พวกเจ้าหรอก!”
ฉินหมิงแววตามืดหม่น เขามองไป๋หยวนฉุนพลางเอ่ยว่า “เจ้าจะไม่มอบตัวพวกเขาจริงๆ ใช่ไหม”
“การมอบตัวพวกเขาย่อมเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว!” ไป๋หยวนฉุนส่งเสียงเฮอะเยียบเย็น
“ไป๋หยวนฉุน เจ้าอย่ามานึกเสียใจภายหลังล่ะ!” ฉินหมิงส่งเสียงเฮอะ
ไป๋หยวนฉุนมองฉินหมิงอย่างไม่หวั่นกลัวเลยแม้แต่น้อย “ตอนนี้พวกเขาเป็นแขกของกลุ่มนกนางนวลของพวกข้า ขอเพียงแค่พวกเขาอยู่ในเมืองเมืองผิงคังหนึ่งวัน ข้าก็จะปกป้องพวกเขาให้สงบสุขปลอดภัยตลอดหนึ่งวัน! ฉินหมิง เชิญเจ้ากลับไปเสียเถิด!”
“ดี ดีมาก!” ฉินหมิงยิ้มเย็น “หวังว่าเจ้าจะไม่นึกเสียใจภายหลังที่เจ้าตัดสินใจเช่นนี้นะ!”
พอพูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อก่อนจะพาคนจากไปอย่างเดือดดาล
ซุนหรานหร่านมองฉินหมิงจากไปแล้วพูดอย่างกังวลใจว่า “พี่ฉุน กลุ่มโอหังนี่จ้องเขมือบพวกเราราวกับเสือจ้องเหยื่อมาโดยตลอด คิดอยากจะกลืนพวกเราแล้วกลายเป็นกลุ่มทหารรับจ้างอันดับหนึ่ง ตอนนี้ราชวงศ์เข้ามาเกี่ยวพันด้วย เขาอาจจะคิดอาศัยโอกาสนี้…”
นางยังพูดไม่ทันจบ แต่ผู้คนในห้องล้วนเข้าใจความหมายของนางดี
“ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็มิอาจมอบตัวสหายของอวิ๋นฉีออกไปได้อยู่ดี พวกเขาช่วยชีวิตอวิ๋นฉีเอาไว้ พวกเรามิอาจใช้ความแค้นตอบแทนบุญคุณได้หรอกนะ!” ไป๋หยวนฉุนพูด
“ท่านหัวหน้ากลุ่ม ข้าเห็นว่าฉินหมิงผู้นั้นมาอย่างไม่เป็นมิตร พวกเราต้องละทิ้งภารกิจนี้กันไปก่อนแล้วทิ้งกำลังเอาไว้รักษาการณ์ที่เมืองผิงคังเผื่อเอาไว้หรือไม่ขอรับ” มีคนเสนอขึ้น
ไป๋หยวนฉุนใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยว่า “ภารกิจคราวนี้มีความสำคัญต่อกลุ่มทหารรับจ้างของพวกเราเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากละทิ้งไปแล้ว คราวต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะได้พบเจออีกเมื่อไหร่ เช่นนี้แล้วกัน ข้าทิ้งคนเอาไว้ที่เมืองผิงคัง พาคนไปเพียงแค่ไม่กี่คนก็พอแล้ว”
ฉินหมิงพาคนไปจากกลุ่มนกนางนวล ผ่านถนนไปสายหนึ่ง ความเดือดดาลก็ไม่ปรากฏบนใบหน้าอีกต่อไป กลับกลายเป็นรอยยิ้มขึ้นมาแทน
“ท่านหัวหน้ากลุ่ม ไป๋หยวนฉุนผู้นั้นไม่ยอมมอบตัวพวกมันออกมา ช่างไม่กลัวเรื่องจะยุ่งเอาเสียเลย!” คนข้างกายฉินหมิงผู้หนึ่งพูดขึ้น
“ข้ารู้ว่าเขาไม่มีทางมอบตัวคนออกมาอยู่แล้วล่ะ” ฉินหมิงพูด
“เช่นนั้นเหตุใดพวกเราจึงต้องมาที่นี่ด้วยเล่าขอรับ”
“เฮอะ สิ่งที่ข้าต้องการก็คือให้เขาไม่ยอมนี่แหละ เช่นนี้พวกเราจึงจะมีข้ออ้างให้แตะต้องพวกเขา ทั้งยังมีข้ออ้างให้น้องหญิงส่งคนมาอีกด้วย กลุ่มนกนางนวลเอ๋ย… คราวนี้ข้าจะต้องล้างผลาญไป๋หยวนฉุนแล้วกลืนกลุ่มนกนางนวลให้จงได้ พอถึงตอนนั้นกลุ่มทหารรับจ้างอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรจันทร์ประจิมก็ต้องเป็นพวกเรากลุ่มโอหังอยู่แล้ว!”
“ท่านหัวหน้ากลุ่มฉลาดล้ำเลิศเหลือเกินขอรับ!”
…………………………………