สำหรับเรื่องที่ฉินหมิงมาถามหาตัวคนนั้น พวกไป๋หยวนฉุนมิได้บอกพวกซือหม่าโยวเย่ว์เลย และไม่มีใครอยากให้พวกเขาจากไปด้วย เพราะเกรงว่าพอพวกเขาออกไปแล้วจะถูกคนของฉินหมิงจับตัวไป
หลังจากฉินหมิงกลับไปแล้วก็บอกซีเย่ว์ซีเรื่องที่ไป๋หยวนฉุนไม่ยอมมอบตัวคนให้ อีกทั้งยังใส่สีตีไข่ว่าอีกฝ่ายไม่เห็นนางและราชสำนักอยู่ในสายตาเลย ทำเอานางโมโหจนตบโต๊ะด่าทอ บอกว่าจะไล่บี้กลุ่มนกนางนวลให้ถึงที่สุด
“องค์หญิงเพคะ ทว่าไป๋หยวนฉุนผู้นั้นเป็นถึงยอดฝีมือระดับจ้าววิญญาณ ถ้าหากไม่จัดการเขาเสียก่อน การจะแตะต้องกลุ่มทหารรับจ้างนกนางนวลนั้นก็คงมิใช่เรื่องง่ายเลย” ฉินหว่านเข้าใจความคิดของบิดาตน รู้ว่าเขาคิดจะอาศัยสิ่งนี้จัดการกลุ่มทหารรับจ้างนกนางนวล จึงรีบพูดเสริมขึ้น
“มิน่าเล่าถึงได้เหิมเกริมเช่นนี้!” ซีเย่ว์ซีหัวเราะเสียงเย็น “เด็กๆ”
“พ่ะย่ะค่ะ!” บ่าวรับใช้สองคนเข้ามาก่อนจะพูดกับซีเย่ว์ซีว่า “องค์หญิงทรงมีพระบัญชาอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลพระมารดาให้ทรงส่งคนระดับจ้าววิญญาณสองคนมาที่นี่!” ซีเย่ว์ซีออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง”
สองคนนั้นถอยออกไปแล้วตรงไปยังค่ายกลนำส่ง
ฉินหว่านและฉินหมิงประสานสายตากันปราดหนึ่ง มุมปากของทั้งคู่ยกเป็นรอยยิ้มจางๆ
“องค์หญิง ท่านหัวหน้ากลุ่ม จากข่าวที่พวกเราได้รับมา คราวนี้กลุ่มนกนางนวลรับภารกิจหนึ่งมา ซึ่งมีความสำคัญกับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าไป๋หยวนฉุนผู้นั้นวางแผนจะไปด้วยตนเอง บางทีพวกเราอาจจะจัดการเขาข้างนอกเสียเลยก็ได้ พอถึงเวลานั้นคนกลุ่มนกนางนวลก็ต้องตกอยู่ในกำมือองค์หญิงและท่านหัวหน้ากลุ่มแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ” มีคนเจตนาเอ่ยขึ้น
“หืม พวกเจ้าไปตรวจสอบมาให้ชัดเจนสิว่าไป๋หยวนฉุนผู้นั้นไปที่ไหน” ซีเย่ว์ซีพูด
“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง”
ห้าวันให้หลัง ซือหม่าโยวเย่ว์กำลังฝึกยุทธ์อยู่ภายในเรือน คิดว่าผ่านไปอีกสักสองวันจะทลายเปิดเส้นลมปราณสามเส้นสุดท้ายให้กับเสี่ยวถู หลังจากนั้นก็จะออกเดินทางไปเมืองหลวงแล้วไปยังอาณาจักรอู๋กลางผ่านค่ายกลนำส่ง
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังโหวกเหวกมาจากข้างนอก ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเสียงของไป๋อวิ๋นฉีอยู่ด้วย เธอจึงถอนตัวออกจากการบำเพ็ญแล้วเปิดประตูออกไป
ภายในลานบ้าน พวกเจ้าอ้วนชวีกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่กับไป๋อวิ๋นฉี สถานการณ์ของไป๋อวิ๋นฉีดูมิสู้ดีนัก บนร่างเต็มไปด้วยบาดแผล
เธอถามอย่างตกใจว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ”
“โยวเย่ว์ คราวก่อนเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นนักหลอมยา แล้วยังเป็นท่านหมอด้วยใช่หรือไม่” ไป๋อวิ๋นฉีวิ่งเข้ามาคว้ามือของเธอเอาไว้
“หืม เจ้าบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ ให้ข้าดูหน่อยสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“จริงหรือ ดีเหลือเกิน! โยวเย่ว์ เร็วเข้า ไปช่วยท่านพ่อข้าเร็วเข้า!” ไป๋อวิ๋นฉีพูดแล้วดึงซือหม่าโยวเย่ว์วิ่งตรงไปยังเรือนของพวกไป๋หยวนฉุน
พวกเว่ยจือฉีประสานสายตากันแวบหนึ่งก่อนจะพากันตามไปด้วย
พวกซือหม่าโยวเย่ว์มาถึงยังเรือนหลักก็เห็นว่าด้านนอกมีผู้คนมุงกันอยู่พอสมควร เมื่อเห็นพวกเขาก็มีบางคนแสดงสีหน้าย่ำแย่ ทำให้ในใจเธอรู้สึกสงสัยไม่น้อยเลย
“พวกเจ้าถอยไปให้หมด!” ไป๋อวิ๋นฉีถูกคนที่มุงอยู่ด้านนอกขวางทางจนมิอาจเข้าไปใกล้ห้องได้ จึงตะคอกใส่คนเหล่านั้น
“นายน้อย ท่านพาพวกเขามาทำไมเล่าขอรับ ท่านหัวหน้ากลุ่มต้องมาเป็นเช่นนี้ก็เพราะพวกเขานั่นแหละ!” มีคนพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
ฝีเท้าของพวกเว่ยจือฉีชะงักลง ได้รับบาดเจ็บเพราะพวกเขาอย่างนั้นหรือ นี่มันเรื่องอันใดกัน
“ไสหัวหลีกไปให้หมดแล้วทางให้ข้าเดี๋ยวนี้เลย!” ไป๋อวิ๋นฉีตะคอก
แต่คนเหล่านั้นต่างยังคงขวางทางอยู่เต็มลานบ้าน
“ให้พวกเขาเข้ามา!” ซุนหรานหร่านออกมาจากในห้องแล้วพูดขึ้น
เสียงของนางไม่ดังแต่กลับควบคุมผู้คนทั้งลานบ้านเอาไว้ได้ ทำให้พวกเขาแหวกทางให้อย่างรู้หน้าที่
“โยวเย่ว์ เร็วหน่อย” ไป๋อวิ๋นฉีดึงตัวนางผ่านลานบ้านมาจนถึงหน้าห้อง
“ฮูหยิน” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นซุนหรานหร่านสีหน้าซีดขาว คล้ายกับว่าถูกโจมตีมาไม่น้อย
“เข้ามาเถิด” ซุนหรานหร่านพยักหน้าให้เธอก่อนจะผลักประตูเข้าไป
ซือหม่าโยวเย่ว์ตามนางเข้าไป ยังไม่ทันเดินไปถึงในห้องก็ได้กลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นแล้ว
ไป๋หยวนฉุนเอนกายอยู่บนเตียง ลมหายใจออกมาก ลมหายใจเข้าน้อย
“ทั้งนักหลอมยาและท่านหมอล้วนบอกว่าหมดหนทางแล้วทั้งสิ้น อวิ๋นฉีบอกว่าเจ้ารู้วิชาแพทย์ ก็เลยอยากให้เจ้าลองมาดูสักหน่อย” เสียงของซุนหรานหร่านสั่นเครืออยู่บ้าง
ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ ไป๋หยวนฉุนถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ จึงเอ่ยว่า “ข้าขอดูอาการของท่านลุงก่อน”
พอพูดจบเธอก็เดินมาหน้าเตียง ในตอนแรกเธอดูคร่าวๆ ก่อนรอบหนึ่ง ก่อนจะหยิบยาวิเศษเม็ดหนึ่งออกมาให้เขากิน
“ยาวิเศษคืนปราณ!” นักหลอมยาที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นยาวิเศษที่ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบออกมา จึงพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ
พอซุนหรานหร่านได้ยินว่ายาวิเศษคืนปราณก็ตกใจอยู่พอสมควร เพราะนี่คือยาวิเศษระดับห้า เป็นยาวิเศษที่ดีที่สุดในการรักษาแผล ขอเพียงแค่ยังมีลมหายใจ ก็จะยื้อชีวิตเอาไว้ได้ นอกจากนี้ยังมีน้อยคนนักที่หลอมมันได้ คิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะหยิบยาวิเศษเช่นนี้ออกมาได้อย่างคล่องมือถึงเพียงนี้
ซือหม่าโยวเย่ว์มองนักหลอมยาผู้นั้นปราดหนึ่งโดยมิได้พูดจาแล้วตรวจดูอาการของไป๋หยวนฉุนผู้นั้นต่อไป
“โยวเย่ว์ ท่านพ่อข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ไป๋อวิ๋นฉีถาม
ซือหม่าโยวเย่ว์ตรวจดูอาการของไป๋หยวนฉุนอยู่ครู่หนึ่ง นี่เกินกว่าคำว่าย่ำแย่ไปไกลแล้ว จึงเอ่ยว่า “อาการไม่ดีสักเท่าไหร่เลย เจ้าอย่าเพิ่งรบกวนข้าสิ”
ซุนหรานหร่านเห็นท่าทีเช่นนั้นของซือหม่าโยวเย่ว์ที่ดูเหมือนว่ายังพอมีวิธีช่วยไป๋หยวนฉุนได้ จึงเดินเข้าไปสองก้าวแล้วดึงตัวไป๋อวิ๋นฉีเอาไว้เป็นสัญญาณห้ามมิให้เขาเอ่ยวาจา
ซือหม่าโยวเย่ว์รวบรวมเปลวเพลิงขึ้นมากองหนึ่งแล้วควบคุมให้มันแผดเผาเสื้อท่อนบนของไป๋หยวนฉุนทิ้งไปจนหมด หลังจากนั้นจึงหยิบเอาเข็มเงินกล่องหนึ่งออกมา ก่อนจะฝังเข็มหลายสิบเล่มลงไปบนช่วงท้องและศีรษะของเขา จากนั้นจึงมองดูร่างกายของเขาค่อยๆ ได้รับการรักษาภายใต้ฤทธิ์ของยาวิเศษคืนปราณ
“โยวเย่ว์?” ไป๋อวิ๋นฉีควบคุมตนเองไม่ให้เอ่ยวาจาตลอดเวลาที่เธอฝังเข็ม พอเห็นเธอยืดกายขึ้นจึงค่อยเอ่ยปากถาม
ผู้คนภายในห้องพากันมองเธอ รอผลจากเธอ
“นอกจากบาดแผลบนร่างกายเหล่านั้นแล้ว อวัยวะภายในของท่านลุงก็แหลกสลายด้วย อีกทั้งเส้นลมปราณยังขาดสะบั้นทั้งหมด ถ้าหากไม่ถอดร่างเปลี่ยนกระดูก ถึงแม้ว่าจะช่วยชีวิตเอาไว้ได้ แต่ในภายหน้าอาจจะทำได้เพียงแค่นอนอยู่บนเตียงอย่างเดียวเท่านั้น” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ซุนหรานหร่านร่างกายสั่นสะท้านแล้วร่นถอยหลังไปสองก้าว ไป๋อวิ๋นฉีรีบเข้าไปพยุงนางเอาไว้
“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไปน่ะ”
ซุนหรานหร่านส่ายหน้า พยายามควบคุมสติตัวเองเอาไว้แล้วพูดว่า “อย่างน้อยก็ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้…”
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่นางก็ยังคงหลั่งน้ำตา
“โยวเย่ว์ จะปล่อยเข็มพวกนั้นไว้เช่นนี้ตลอดไปเลยหรือ” ไป๋อวิ๋นฉีถาม
“ข้านำเข็มเหล่านี้มาตรึงเส้นลมปราณของเขาเอาไว้ชั่วคราว เพื่อมิให้เส้นลมปราณหดตัวลงต่อไปอีก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “สำหรับอาการบาดเจ็บภายใน ก็คงได้แต่รอให้ยาวิเศษคืนปราณช่วยฟื้นฟูแล้ว”
“ขอบใจเจ้ามากนะ” ซุนหรานหร่านพูด
เดิมทีทั้งท่านหมอและนักหลอมยาล้วนบอกว่าไร้หนทางแล้ว คิดไม่ถึงว่าเธอจะรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้ เช่นนี้สำหรับพวกเขาก็เรียกได้ว่าพอรับได้อยู่บ้าง
“โยวเย่ว์ เส้นลมปราณของท่านพ่อข้าขาดสะบั้นทั้งหมด มิอาจฟื้นฟูได้แล้วจริงๆ หรือ” ไป๋อวิ๋นฉียังมิอาจยอมรับได้ว่าบิดาของตนจะกลายเป็นคนพิการนอนติดเตียงเช่นนี้ จึงเอ่ยถามขึ้น
“เมื่อครู่ข้าบอกไปแล้วว่ามีเพียงการถอดร่างเปลี่ยนกระดูกเท่านั้น มิฉะนั้นก็คงได้แต่อยู่บนเตียงไปชั่วชีวิตแล้วล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างแน่วแน่
“ฮูหยิน นายท่าน ท่านหัวหน้ากลุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ การจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ก็มิใช่เรื่องง่ายแล้วนะขอรับ” ท่านหมอผู้หนึ่งในห้องเอ่ยปากพูด
“มิใช่เรื่องง่ายอันใดกัน พวกเจ้าไสหัวไปให้ข้าเสียให้หมด เจ้าพวกไร้ประโยชน์!” พอไป๋อวิ๋นฉีได้ฟังวาจาของท่านหมอผู้นั้นก็โมโหจนตะโกนลั่น
“พวกเจ้าออกไปให้หมด” ซุนหรานหร่านพยายามทรงตัวแล้วพูดกับไป๋อวิ๋นฉีว่า “อวิ๋นฉี ไปส่งพวกเขาที”
“ขอรับ ท่านแม่” ไป๋อวิ๋นฉีเห็นมารดาของตนเองเป็นเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยังต้องออกไปส่งพวกเขาทั้งหมดอย่างเชื่อฟัง
ทันใดนั้นภายในห้องก็เหลือเพียงแค่ซือหม่าโยวเย่ว์กับซุนหรานหร่านเพียงสองคน
ซุนหรานหร่านมองเธอแล้วพูดว่า “เมื่อครู่เจ้ายังเอ่ยวาจาไม่หมดใช่หรือไม่”
…………………………..………