ซือหม่าโยวเย่ว์ผายมือออกแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาอะไรมากมายแล้วล่ะ”
“เช่นนี้ก็ดี” ไป๋อวิ๋นฉีคลายมือจากไหล่เธอแล้วพูดว่า “ขอบใจเจ้ามากนะ”
“ไม่ต้องขอบใจหรอกน่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนพวกเรามา เห็นว่ามีบางคนกำลังเก็บข้าวของอยู่ นี่มันเรื่องอะไรกันหรือ”
เมื่อได้ยินเธอเอ่ยถึงประเด็นนี้ขึ้นมา สีหน้าของพวกไป๋อวิ๋นฉีทั้งสามคนก็มิสู้ดีนัก
“คนเหล่านี้ก็กำลังขนย้ายน่ะสิ!” ไป๋อวิ๋นฉีพูดอย่างเคียดแค้น
“ทำไมเล่า” เจ้าอ้วนชวีถาม
หลี่ขุยทอดถอนใจแล้วพูดว่า “คนของกลุ่มโอหังปล่อยข่าวว่าวันมะรืนจะนำคนมาล้างบางกลุ่มนกนางนวลของพวกเรา ทั้งยังบอกด้วยว่าถ้าหากเต็มใจจะสวามิภักดิ์กับกลุ่มโอหังก็จะไม่ฆ่าทิ้ง คนเหล่านั้นจึงวิ่งแจ้นไปหากลุ่มโอหังอย่างไรเล่า”
“อะไรนะ!” พวกเป่ยกงถังพากันมองซุนหรานหร่านอย่างตกใจ เมื่อเห็นนางพยักหน้าจึงรู้ว่านี่มิใช่เรื่องโป้ปด
“จะไปก็ไปเถิด” ซุนหรานหร่านพูด “คนเหล่านั้นไปในตอนนี้ได้ แสดงว่าใจที่มีให้กลุ่มนกนางนวลไม่มั่นคงพอ ก็จะได้กำจัดผู้ทรยศเหล่านั้นไปให้เกลี้ยงเกลาพอดี”
“บางทีคนไม่ต้องมาก แต่เป็นคนมีคุณภาพก็พอแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ขาดแคลนดีกว่ามีมากแต่ไร้คุณภาพ คนเหล่านั้นอยู่ที่กลุ่มนกนางนวลต่อไปก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องดีแต่อย่างใด จะได้อาศัยโอกาสนี้กำจัดพวกนั้นออกไปให้สะอาดหมดจดพอดี”
“แต่ผู้คนไปกันมากมายถึงเพียงนั้น ในภายหน้าพวกเราจะเอากำลังที่ไหนมาต้านทานกับคนของกลุ่มโอหังเล่า” หลี่ขุยพูดอย่างเป็นกังวล
“ที่พวกเรามาก็เพื่อมาหารือกับพวกท่านเรื่องนี้นี่แหละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“โยวเย่ว์ มิสู้พวกเจ้าจากไปกันก่อนจะดีกว่าหรือ” หลี่ขุยมองพวกซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “พอพวกเจ้าออกไปจากอาณาจักรจันทร์ประจิม ไปถึงอาณาจักรอู๋กลาง ก็ปลอดภัยแล้ว”
“ท่านอาหลี่ ท่านลืมแล้วหรือว่าพลังยุทธ์ของพวกเราทางนี้ก็มิได้อ่อนแอเลยนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “หากมีอันตราย เจ้าไก่ฟ้าย่อมปกป้องข้าได้อยู่แล้ว”
“นั่นสินะ ข้าลืมสัตว์อสูรเหนือเทพไปได้อย่างไรกัน!” แววตาเป็นกังวลของหลี่ขุยสว่างไสวขึ้นมาในทันใด
เป็นเพราะตอนนี้เจ้าไก่ฟ้าอยู่อย่างเจียมตัวมากเกินไป ทั้งยังเก็บงำกลิ่นอายของตนอีกด้วย ทำให้ผู้คนละเลยเขาไปเสียแล้ว
“แต่เจ้าไก่ฟ้าก็บอกว่าเขาเพียงแค่จะจัดการกับพวกที่พลังยุทธ์แข็งแกร่งไม่กี่คนเท่านั้น” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดเสริม
“อื้ม เพียงแค่จัดการพวกที่พลังยุทธ์แข็งแกร่งไม่กี่คนนั่น พวกเราก็มีความมั่นใจว่าจะจัดการกับคนอื่นๆ ได้แล้วล่ะ” หลี่ขุยพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม จากนั้นจึงทอดถอนใจ “ถ้าหากท่านหัวหน้ากลุ่มมาต่อสู้ร่วมกับพวกเราได้ด้วยก็ดีสินะ เขาพูดอยู่บ่อยๆ ว่าจะพาคนไปกวาดล้างกลุ่มโอหังให้สิ้นซาก ตอนนี้ทั้งสองกลุ่มปะทะกันขึ้นมาจริงๆ แต่เขากลับล้มลงไปเสียก่อนแล้ว”
“พี่หลี่ ท่านมากับข้า พวกเจ้าก็มาด้วยกันสิ” ซุนหรานหร่านพูดจบก็นำทางพวกเขาไปยังห้องของนางกับไป๋หยวนฉุน
พวกซือหม่าโยวเย่ว์รู้ว่าไป๋หยวนฉุนหายดีแล้ว ดังนั้นจึงมิได้ตกใจแต่อย่างใด ทว่าเมื่อหลี่ขุยเข้าไปแล้วเห็นคนที่นั่งอยู่บนเตียง ก็พูดตะกุกตะกักว่า “ทะ…ท่านหัวหน้ากลุ่ม?”
“หลี่ขุย เจ้ากลายเป็นคนติดอ่างไปตั้งแต่เมื่อใดกัน” ไป๋หยวนฉุนถามยิ้มๆ
หลี่ขุยเดินเข้าไปอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นไป๋หยวนฉุนที่สมบูรณ์ไร้จุดบกพร่อง จึงถามอย่างไม่อยากเชื่อว่า “ท่านหัวหน้ากลุ่มขอรับ เป็นท่านจริงๆ ด้วย ท่านไม่เป็นอะไรแล้ว!”
“อืม พวกโยวเย่ว์ช่วยข้าเอาไว้น่ะ” ไป๋หยวนฉุนพูดจบก็มองพวกโยวเย่ว์อย่างซาบซึ้งปราดหนึ่ง
หลี่ขุยคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะรักษาไป๋หยวนฉุนให้หายดีได้จริงๆ จึงหมุนกายแล้วโค้งคำนับให้พวกเขาก่อนจะเอ่ยว่า “ขอบใจพวกเจ้ามาก”
ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปประคองหลี่ขุยขึ้นมาแล้วพูดว่า “ท่านอาหลี่เกรงใจเกินไปแล้ว”
“พี่ฉุน ตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่ายจนถึงขณะนี้ มีคนจากไปกว่าร้อยคนแล้วนะ” ซุนหรานหร่านพูด “ข้าคิดถึงภายภาคหน้า เกรงว่าจะยังมีผู้คนไม่น้อยไปสวามิภักดิ์กับกลุ่มโอหัง”
ไป๋หยวนฉุนไม่แปลกใจแต่อย่างใด หลายปีมานี้กลุ่มนกนางนวลพัฒนาขึ้นมาเร็วเกินไป ผู้คนที่รับเข้ามาก็มิใช่ต้นกล้าชั้นดีทั้งหมด และมิใช่ว่าทุกคนจะมีใจภักดี เขาเองก็อยากอาศัยโอกาสนี้ทำความสะอาดกลุ่มนกนางนวลสักคราเช่นกัน
“ระดับสูงไปกันมากน้อยแค่ไหนหรือ”
“ไปกันเจ็ดแปดคนแล้ว ส่วนระดับอาวุโสก็ไปคนหนึ่งด้วย” ซุนหรานหร่านเอ่ยตอบ
“ใครน่ะ”
“หยางเฉิง”
หยางเฉิงมิได้มีผลกระทบอันใดต่อซือหม่าโยวเย่ว์ แต่ก็คาดเดาได้ว่าคนผู้นั้นคงจะเป็นผู้ที่เปิดเผยข่าวที่พวกเขาสังหารฉินอู่ออกไป
“คิดไม่ถึงว่าหยางเฉิงจะไปสวามิภักดิ์ต่อผู้อื่น แล้วขายข่าวของพวกเราเพื่อผลตอบแทน!” หลี่ขุยพูดอย่างโกรธแค้น “ตอนที่เขาจากไปได้บอกเอาไว้ด้วยว่าเขาถูกกลุ่มโอหังซื้อตัวไปตั้งแต่สามปีก่อนแล้ว ข้าก็คิดอยู่ว่าเหตุใดกลุ่มโอหังถึงได้ล่วงรู้เรื่องราวทั้งหมดของพวกเราตลอดสองปีนี้”
เป็นเช่นนี้ไปเสียได้…
“ตอนนี้อย่าแพร่งพรายเรื่องที่ข้าหายดีแล้วออกไปเป็นอันขาด ข้าอยากจะเห็นนักว่าสุดท้ายแล้วคนพันกว่าคนจะเหลืออยู่สักเท่าไหร่!” ไป๋หยวนฉุนพูด
“ขอรับ ท่านหัวหน้ากลุ่ม”
“ขอรับ ท่านพ่อ”
อันที่จริงแล้วแผนการที่พวกซือหม่าโยวเย่ว์หารือกันนั้นเรียบง่ายเป็นอย่างยิ่ง เข้ามาคนหนึ่งก็สังหารคนหนึ่ง เข้ามาคู่หนึ่งก็สังหารคู่หนึ่ง และจับโจรก่อนจับจักรพรรดิ จัดการคนกลุ่มโอหังรายตัวก่อน ทหารตัวเล็กตัวน้อยที่เหลือเหล่านั้นก็มิใช่ปัญหาแต่อย่างใด
ซุนหรานหร่านลั่นวาจาว่าผู้ที่ต้องการจากไป กลุ่มทหารรับจ้างก็จะไม่ตำหนิพวกเขา แต่เมื่อใดที่จากไปแล้วก็จะถือว่ามิใช่คนของกลุ่มนกนางนวลอีกตลอดกาล ถ้าหากกลุ่มนกนางนวลโชคดี รอดพ้นหายนะคราวนี้ไปได้ คนเหล่านั้นก็มิอาจกลับมาได้อีกแล้ว
มีคำพูดของซุนหรานหร่านแล้ว ผู้คนไม่น้อยที่ยังหาข้ออ้างในการจากไปมิได้ก็จากไปโดยไม่บอกกล่าว ไม่ต้องหาข้ออ้างอีกแล้ว คนส่วนใหญ่ในบรรดาพวกเขาเหล่านั้นก็ตรงไปสวามิภักดิ์กับกลุ่มโอหัง ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็ไปจากเมืองหลวงเลย
ไป๋หยวนฉุนได้ฟังสถานการณ์ที่ซุนหรานหร่านรายงานแล้วก็พูดเพียงแค่คำเดียวว่า “ดี” ท่าทางเรียบเฉย ดูไม่ออกว่าโกรธหรือดีใจ
ส่วนซือหม่าโยวเย่ว์ก็บำเพ็ญอยู่ในห้องของตัวเอง เพื่อฟื้นฟูกลับไปสู่สภาวะอันยอดเยี่ยมที่สุดของตน เธอจึงกินยาวิเศษเข้าไปกำมือใหญ่ หลังจากนั้นจึงเข้าสู่สภาวะการบำเพ็ญ
วันรุ่งขึ้น ซีเย่ว์ซีพาผู้แข็งแกร่งระดับจ้าววิญญาณสองคนมาปรากฏตัวอย่างตรงเวลา คนของกลุ่มโอหังเตรียมตัวกันเอาไว้พร้อมสรรพแล้ว ในบรรดาพวกเขายังมีคนที่แปรพักตร์มาจากกลุ่มนกนางนวลอยู่ไม่น้อยเลย
“องค์หญิง”
ซีเย่ว์ซีมองดูคนเหล่านั้นแล้วพูดว่า “พวกเรามิอาจปะทะด้วยพลังการต่อสู้ตรงๆ ได้หรอกนะ ถ้าหากมีคนที่พวกเจ้ารับมือไม่ไหวปรากฏตัวขึ้น พวกท่านอาจารย์จึงค่อยลงมือ”
“องค์หญิงทรงคิดมากเกินไปแล้ว” ฉินหมิงพูด “พวกเราได้รับข่าวอันแน่ชัดว่าระดับสูงของกลุ่มนกนางนวลได้จากไปไม่น้อยแล้ว อีกทั้งยังไม่มีจ้าววิญญาณอย่างไป๋หยวนฉุนคอยประจำการอยู่อีกต่อไปแล้ว พวกเขาในตอนนี้แตกระส่ำระสาย องค์หญิงและเหล่านายท่านคอยชมอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว”
“ตอนนี้เลยจะดีที่สุด” ซีเย่ว์ซีพูด “พวกเจ้ารีบสู้รีบจัดการเสีย อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันพระราชสมภพของเสด็จพ่อ ข้าต้องรีบกลับไป”
“พ่ะย่ะค่ะ พวกเราจะรีบไปกันเดี๋ยวนี้เลย” ฉินหมิงพูด หลังจากนั้นจึงโบกไม้โบกมือไปทางคนของกลุ่มโอหังแล้วพูดว่า “คนของกลุ่มโอหังไปกับข้าให้หมด!”
ในขณะที่ซือหม่าโยวเย่ว์ซึ่งกำลังบำเพ็ญลืมตาขึ้นนั้นเอง เธอในตอนนี้ได้ฟื้นฟูกลับสู่สภาวะที่ยอดเยี่ยมที่สุดเรียบร้อยแล้ว
เจ้าไก่ฟ้าเข้ามาจากด้านนอกแล้วเอ่ยว่า “คนของกลุ่มโอหังมาแล้ว”
“มาได้ตรงเวลาเสียจริง! พวกเราก็ไปดูกันดีกว่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ลงมาจากเตียง ตอนที่เดินผ่านก็ตบบ่าเจ้าไก่ฟ้าแล้วพูดว่า “อีกประเดี๋ยวขอให้เจ้าช่วยอารักขาพวกจือฉีกับบ้านท่านลุงให้ปลอดภัยอย่างสุดความสามารถด้วยนะ”
“แล้วเจ้าเล่า” เจ้าไก่ฟ้าถาม
“ข้าหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์แย้มยิ้ม “วันนี้ข้าจะต่อสู้ให้เต็มที่สักครา เพื่อทดสอบความสามารถของข้าในตอนนี้สักหน่อย!”
“หากประสบอันตรายเข้าจะทำเช่นไรเล่า” เจ้าไก่ฟ้ามองดูรอยยิ้มบนใบหน้าซือหม่าโยวเย่ว์ รอยยิ้มนั้นร้ายกาจยิ่งนัก แต่เขากลับมิได้รู้สึกต่อต้านเลยแม้แต่น้อย ทว่าเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของเธอแทน
“ข้าไม่มีทางไปสู้กับผู้ที่มีพลังยุทธ์สูงกว่าข้ามากอย่างแน่นอน ข้ามิใช่คนโง่หรอกนะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดจบก็เดินผ่านเจ้าไก่ฟ้าออกไป ทิ้งให้เขายืนงงงันอยู่อย่างนั้น
………………………………………….